ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 363

ได้ยินคำพูดของกู้จือหยั่นแล้ว เฉินถิงเซียวเพียงแค่ส่งเสียงพูดออกไปนิ่งๆ “พูดจบแล้ว?”

เห็นเฉินถิงเซียวกำลังจะไป กู้จือหยั่นจำต้องเดินตามเข้าไป “ถิงเซียว นายฟังฉันพูดให้จบก่อนสิ อย่าฟังฉันพูดแค่ประโยคสองประโยคแล้วก็จะไปเสียทุกครั้งสิ”

“เวลาของฉันมันมีค่ามาก ไม่อยากจะมาเสียเวลาอยู่กับเรื่องไร้สาระ” เฉินถิงเซียวพูดไปพลาง เดินไปที่หน้ารถไปพลาง

เขาในตอนนี้จึงได้หันมองไปทางกู้จือหยั่น “นายตามมาคืออยากจะตามกลับไปที่ตระกูลเฉินด้วยคน?”

กู้จือหยั่นผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดออกไปด้วยความหงุดหงิดใจ “นายแม่งถูกคนอื่นเข้ามาสิงร่างไปแล้วหรือไงวะ!”

เฉินถิงเซียวไม่ได้สนใจเขาอีก หันหน้าไปสั่งการ์ดที่อยู่ข้างหลัง เอ่ยพูดออกไปอย่างไร้อารมณ์ใดๆออกมา “หลังจากนี้ก็เอาคุณผู้ชายท่านนี้ไปใส่ไว้ในบัญชีดำของบริษัทเฉินซื่อด้วย”

เขาพูดจบก็โค้งตัวเข้าไปนั่งในรถ

รถคันสีดำแล่นออกไป กู้จือหยั่นยืนกระทืบเท้าด้วยความโกรธอยู่ตรงที่เดิม “เฉินถิงเซียว!”

บางครั้งเขาก็คิดว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้เสียความทรงจำ แต่เป็นโดนของเข้าแล้ว

เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวถึงแม้ว่านิสัยใจคอจะไม่ได้ดีอะไรนัก แต่อย่างน้อยก็เป็นคนที่สุขุมเป็นอย่างมาก เฉินถิงเซียวในตอนนี้กลับไม่ฟังอะไรเลยสักนิดเดียว

ปัง!

เสียงประตูรถเปิดออก และก็ได้ปิดลงดังเข้ามาจากทางข้างหลัง

มาพร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงดังตึก ตึก

กู้จือหยั่นหันหน้าไป ก็เห็นใบหน้าที่เหมือนกับเฉินถิงเซียวใบหน้านั้นของเฉินจิ่งหยุ้น แต่กลับเป็นใบหน้าที่ทำให้รู้สึกน่ารังเกียจเป็นอย่างมาก

เฉินจิ่งหยุ้นกอดแขนทั้งสองข้างเอาไว้ ท่าทางดูสง่าสูงส่ง น้ำเสียงเหยียดหยาม “นายอีกแล้ว”

สีหน้าของกู้จือหยั่นก็ได้เยือกเย็นตามไปด้วย “เฉินจิ่งหยุ้น เธอไปทำอะไรกับถิงเซียวมาใช่มั้ย?”

“ตลกเถอะ! ถิงเซียวเป็นน้องชายของฉัน ฉันจะไปทำอะไรเขา? มันเป็นเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บมาหนักมาก ได้รับบาดเจ็บไปที่สมองมันจึงทำให้สูญเสียความทรงจำไป สามปีมาแล้ว เขานึกอะไรขึ้นมาไม่ได้เลยสักนิด นี่มันก็คือลิขิตสวรรค์ ต่อจากนี้ไปนายก็อย่ามาหาเขาอีกเลย”

คำพูดที่ได้ประดับไปด้วยการเตือนของเฉินจิ่งหยุ้นได้พูดออกมาจบ ส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกไป จากนั้นก็ผันร่างเดินไปในรถ

เมื่อกี้นี้ตอนที่เธออยู่ในรถเตรียมที่จะขับรถออกไป ก็เห็นกู้จือหยั่นกับเฉินถิงเซียว

เธอรอจนเฉินถิงเซียวไปแล้ว ถึงจะลงจากรถมาพูดคำพูดเหล่านี้กับกู้จือหยั่น

กู้จือหยั่นคนนี้ช่างมีความอุตสาหะจริงๆเลย สามปีมานี้เฉินถิงเซียวจำเขาไม่ได้เลย แต่เขาก็ยังหาโอกาสมาเข้าหาเฉินถิงเซียวอยู่

แต่มันจะไปมีประโยชน์อะไรกันล่ะ?

เฉินถิงเซียวเดิมทีแล้วก็จำพวกเขากลุ่มนี้ไม่ได้เลย

คิดถึงตรงนี้แล้ว บนใบหน้าของเฉินจิ่งหยุ้นได้เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา แล้วได้ขับรถออกไป

……

ภายในรถ

เฉินถิงเซียวพิงเขากับเบาะรถหลับตาพักผ่อนไปสักพักนึง จู่ๆก็ได้ลืมตาออกมากะทันหัน ถามคนขับรถออกไปว่า “เดือนนี้กู้จือหยั่นมาดักรอฉันที่หน้าประตูทางเข้าบริษัทครั้งที่เท่าไหร่แล้ว?”

“...สิบกว่าครั้งล่ะมั้งครับ” อันที่จริงคนขับรถก็จำได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก ทำได้เพียงให้คำตอบที่คลุมเครือออกไปอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เฉินถิงเซียวได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากมาย

จนกระทั่งรถมาจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าวิลล่าตระกูลเฉิน คนขับรถถึงได้ส่งเสียงเตือนเฉินถิงเซียวออกไป “คุณชายครับ ถึงแล้วครับ”

พอรถจอดสนิท การ์ดที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูก็เข้ามาเปิดประตูรถให้เฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวจึงได้เดินไปยังประตูทางเข้าห้องโถง จากนั้นก็ได้ยินเสียงของเด็กน้อยพูดจ้อแจ้ออกมาไม่หยุด

“คุณอันนี้...ไม่สิ...ปราสาทหลังใหญ่ของหนู...” เสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา

เฉินถิงเซียวกวาดสายตามองเธอไปเล็กน้อย สายตาเรียบนิ่งไม่แยแส ไม่ได้ต่างกับสายตาที่ใช้มองลูกน้องมองคนแปลกหน้าในตอนปกติเลย

เขาตรงเข้าไปอุ้มเฉินมู่ขึ้นไปนั่งบนโซฟา ให้เธอนั่งลงบนขาของเขา ดวงตาสงบนิ่ง อบรมสั่งสอนเธอไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เรียกพ่อ”

เฉินมู่เองก็เรียนรู้จากท่าทางของเขา เรียกออกมาอย่างจริงจัง “พ่อ”

“อืม” เฉินถิงเซียวตอบรับมาคำนึง ยื่นมือออกไปลูบหัวเธอ

ต่อจากนั้น เฉินมู่ก็เรียกออกมาอีกว่า “เฉินชิงเซียว!”

เบ้าตาของเธอยังคงแดงออกมาเล็กน้อย ขลุกตัวเป็นก้อนเล็กๆอยู่บนขาของเขา ยิ้มอย่างได้ใจสุดๆ

เฉินถิงเซียวรู้สึกว่าในหัวของตัวเองมีอะไรแวบออกมา แต่มันกลับเหมือนกับไม่มีอะไรเลยด้วยอีก

เฉินมู่เห็นเฉินถิงเซียวมองจ้องเธออยู่ตลอด นึกว่าเฉินถิงเซียวจะโกรธ จึงผลักมือของเขา ไถลลงจากบนขาของเขาไปด้วยความว่องไว

เฉินถิงเซียวกลัวว่าเธอจะหกล้มลง ตอนที่เธอไถลลงจากบนขาของเขา เขาก็ยังยื่นมือไปช่วยจับเธอเอาไว้ด้วย

เด็กน้อยไหนเลยจะสังเกตเห็นถึงรายละเอียดยิบย่อยพวกนี้ เฉินมู่พอตกลงพื้นแล้ว ก็ได้วิ่งไปไกลอย่างรวดเร็ว

มีคนใช้สองคนตามไปอย่างมีจิตสำนึกอย่างมาก

สายตาของเฉินถิงเซียวหยุดที่ร่างของเธอ จนกระทั่งเงาร่างของเฉินมู่ได้หายไป ถึงจะถอนสายตากลับมา

เจ้าลูกชิ้นน้อยลูกนั้นเป็นอย่างนี้ไปเสียทุกครั้ง ทุกครั้งที่พอยั่วโมโหเขาเข้าแล้ว ก็จะลอบหนีไปอย่างรวดเร็วหาที่ที่ตัวเองคิดว่าเป็นที่ลับๆซ่อนตัวเอาไว้

ซูเหมียนมองการตอบสนองนี้ของเฉินถิงเซียวอยู่ในสายตา สีหน้าย่ำแย่ออกมาเล็กน้อย

แต่เพียงไม่นานสีหน้าของเธอก็ได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง พยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองดูนุ่มนวลเป็นธรรมชาติออกมา “ถิงเซียว คุณกินข้าวแล้วหรือยัง?”

เฉินถิงเซียวไม่ได้แสดงสีหน้าดีๆออกไปให้เธอ น้ำเสียงทุ้มต่ำประดับไปด้วยความเยือกเย็นห่างเหิน “ในเมื่อเธอไม่รู้ว่าจะดูแลเด็กยังไง ก็อย่ามาหาเฉินมู่ที่วิลล่าอีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม