เฉินถิงเซียวเหมือนเป็นคนนอก แถมจ้องมองเฉินจิ่งหยุ้นที่โต้แย้งกลับด้วยท่าทางซีดเซียวไร้เรี่ยวแรงด้วยสายตาเย็นชา
เฉินจิ่งหยุ้นที่อยู่ในสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกนั้น ตอนหลังก็อยากจะพูดแก้ตัวออกมา แต่กลับถูกตัดบทไปดื้อๆ เลย
“พูดจบแล้วเหรอ?” เฉินถิงเซียวพูดจาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
เฉินจิ่งหยุ้นขยับปาก แต่กลับพูดไม่ออก
เฉินถิงเซียวทำเสียงเย็นชาใส่ พลันหันตัวกลับและเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือทันที
เขาปิดประตูห้องหนังสือ จากนั้นก็เดินก้าวฉับ ๆ ไปยืนบริเวณด้านหน้าของหน้าต่างจรดพื้น
นอกหน้าต่างเป็นค่ำคืนฝนพรำอันเย็นเฉียบ ไฟถนนในลานมืดสลัว กิ่งไม้เกี่ยวพันกัน จนเป็นเงาที่หนาทึบ
ฝนพรำลงมา ลมก็เริ่มพัดกระหน่ำ
เฉินถิงเซียวจ้องมองนอกหน้าต่างอยู่สักพัก ทันใดนั้นก็เห็นภาพที่มู่น่อนน่อนกับลี่จิ่วเชียนยืนเคียงข้างกัน
ภาพ ๆนั้น มันช่างทิ่มแทงตา...เหลือเกิน
……
หลังจากที่มู่น่อนน่อนและลี่จิ่วเชียนกลับมาถึงบ้านแล้ว จากนั้นก็เข้าไปอาบน้ำอุ่น และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
ตอนที่เธอออกมานั้น ลี่จิ่วเชียนก็ได้ต้มซุปขิงให้เธอหนึ่งถ้วย
ลี่จิ่วเชียนยกน้ำขิงเอามาวางต่อหน้าเธอ และพูดว่า “ติดเผ็ดหน่อยนะ”
มู่น่อนน่อนหยิบช้อนขึ้นมา ทันใดนั้นในสมองก็มีเรื่องบางอย่างแวบเข้ามา
เหมือนว่า...ก่อนหน้านี้ก็มีคนต้มน้ำขิงให้เธอ...
จนเกิดอาการปวดหัวตึบ ๆ ออกมาเล็กน้อย ช้อนที่อยู่ในมือหล่นลงถ้วยจนดังสะท้อนกลับมา “เคร้ง” เธอหลับตาลง พลันใช้มือทั้งสองข้างกุมหน้าผากเอาไว้
“เป็นอะไรไป?” ลี่จิ่วเชียนจ้องมองมองอากัปกิริยาผิดปกติของเธอ และรีบเอนตัวไปมองเธอ น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนเริ่มอ่อนแอลงเล็กน้อย “ปวดหัวนิดหน่อย...”
ได้ยินแล้ว นัยน์ตาทอประกายเล็กน้อย “คิดอะไรออกเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก...”
ความรู้สึกเจ็บปวดจี๊ดมันมาไวและไปไวเสมอ เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมา พลันหันศีรษะไปถามลี่จิ่วเชียนมันที “เมื่อก่อนคุณเคยต้มน้ำขิงให้ฉันใช่ไหม?”
ลี่จิ่วเชียนพูดออกมาหนึ่งประโยคที่เต็มไปด้วยความสนใจมาก “คุณลองเดาดูสิ?”
มู่น่อนน่อนหุบยิ้มทันที ลี่จิ่วเชียนเป็นคนระมัดระวังละเอียดรอบคอบมาตลอด น้อยครั้งมากที่จะพูดล้อเล่นกับเธอแบบนี้
เธอยิ้มให้ “คุณก็รู้ว่าฉันจำอะไรไม่ได้เลย”
“เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญอะไร” ลี่จิ่วเชียนพูดจบ ก็พูดเร่งรัดเธอ “รีบดื่มเร็วเข้าเถอะ”
มู่น่อนน่อนดื่มน้ำขิงหมดแล้ว เนื่องด้วยเวลาก็ดึกมากแล้ว จึงรีบไปต้มบะหมี่ออกมาสองชาม เพื่อเป็นอาหารเย็นของคนสองคน
ตอนที่กำลังกินบะหมี่กันอยู่นั้น มู่น่อนน่อนก็นึกถึงเฉินถิงเซียวกับเฉินมู่ขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยปากถามออกไปอย่างเรื่อยเปื่อย “คุณเฉินคนนั้นดูแล้วเป็นคนเข้าหายาก แต่ก็ใจดีกับลูกสาวของเขามาก”
ลี่จิ่วเชียนมือที่ถือตะเกียบอยู่ถึงกลับค้างเติ่งชั่วครู่ และถามกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “คุณคิดว่าเขาเป็นคนยังไง?”
“ถ้าในฐานะความเป็นพ่อ ดูแล้วเขารักลูกสาวของเขามาก แต่ว่านิสัยแปลกๆ อยู่หน่อย” มู่น่อนน่อนพูดไป และยังพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของตัวเองด้วย
“เหรอ” ลี่จิ่วเชียนส่งเสียงตอบรับ แต่ไม่ได้พูดอะไร
มู่น่อนน่อนช้อนตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าของลี่จิ่วเชียนทำหน้าครุ่นคิดอย่างเงียบขรึม
“คุณเป็นอะไรไป?” น้อยครั้งมากที่มู่น่อนน่อนจะเห็นลี่จิ่วเชียนเผยท่าทางแบบนี้ออกมา จึงเอ่ยปากถามต่อ “คุณเป็นอะไรไป? งานไม่เป็นตามที่คิดไว้เหรอ?”
“เปล่า” ได้แต่ยิ้มและส่ายหน้า “กินข้าวต่อกันเถอะ”
มู่น่อนน่อนก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ต่อ นัยน์ตาลี่จิ่วเชียนครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง
มองจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาในวันนี้แล้ว ทั้งสองคนต่างจำอีกฝ่ายไม่ได้
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
เฉินถิงเซียวก็เหมือนกับทุกวัน คือการนั่งรถมุ่งหน้าไปทำงานที่บริษัทเฉิงซื่อ
เฉินถิงเซียวถามต่อทันที “เมื่อก่อนพวกเราสนิทกันมากใช่ไหม?”
“ใช่สิ” กู้จือหยั่นถอนหายใจโล่งอก “นายมันพวกขี้โมโห นอกจากฉันจะทนนายได้แล้ว แล้วจะมีใครหน้าไหนยอมเป็นเพื่อนกับนาย จริงๆ เลย...”
เมื่อพูดมาได้ครึ่งประโยค เขาก็รู้สึกว่าอุณหภูมิและบรรยากาศอัดอั้นที่อยู่ในรถเริ่มลดอุณหภูมิลง
แม้ว่าเฉินถิงเซียวจะสูญเสียความทรงจำไปแล้ว แต่เรื่องนิสัยไม่มีการเปลี่ยนไปสักนิด
เขาหัวเราะเบาๆ “งั้นก็พูดตรงๆ กับนายเลยแล้วกัน นอกจากฉันแล้ว สือเย่เองก็เป็นคนที่นายสนิทสนมที่สุดแล้ว ถึงอย่างไรเขาเป็นลูกน้องของนายที่ทำงานให้นายมาตั้งหลายปีแล้ว”
เขาพูดจบ ก็ผลักสือเย่ที่นั่งอยู่ข้างๆ “สือเย่ นายว่าพูดถูกต้องใช่ไหม”
หลังจากที่เขาถูกเฉินจิ่งหยุ้นเลิกจ้างแล้ว สามปีที่ผ่านมานอกจากการเจอเฉินถิงเซียวในข่าวแล้ว นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับตัวจริง
เพราะว่าสถานะของเขาช่างใหญ่โตพิเศษมาก แทบไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย คำว่าบังเอิญเจอยังไม่มีเลย
เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ สือเย่ก็พยักหน้าด้วยความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมมา “ครับ”
สายตาของเฉินถิงเซียวกวาดตามองที่มาร่างกายของทั้งสองคนไปมา จากนั้นก็หยิบเอานามบัตรออกมาหนึ่งใบ และยื่นให้สือเย่ “ตอนนี้ฉันขาดผู้ช่วยพิเศษไปหนึ่งคน คิดดีๆ แล้วก็โทรศัพท์หาฉันแล้วกัน”
กู้จือหยั่นเบิกตาโตทำหน้าตกอกตกใจ วันนี้เฉินถิงเซียวไม่ใช่ว่าตั้งใจมาเขาเหรอ?
ทำไมตอนนี้กลายเป็นว่ายื่นนามบัตรให้สือเย่แทนล่ะ?
สือเย่รับนามบัตรไปอย่างปลาบปลื้ม
เฉินถิงเซียวดึงมือกลับ และพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “ตอนนี้ฉันต้องไปบริษัทแล้ว”
นี่เป็นการออกคำสั่ง เพื่อให้กู้จือหยั่นกับสือเย่ลงจากรถ
กู้จือหยั่นกับสือเย่มองหน้ากัน แม้ว่ายังไม่เข้าใจว่าเฉินถิงเซียวหมายความว่าอะไร แต่ก็คุ้นชินจนกับนิสัยจนรู้ไส้รู้พุงพร้อมทั้งทำตามเฉินถิงเซียว เพื่อให้ทั้งสองคนลงจากรถอย่างเชื่อฟัง
เฉินถิงเซียวมองเงานอกรถของทั้งสองคนผ่านกระจกรถ นัยน์ตาทอประกายความคิดบางอย่างออกมาแวบหนึ่ง
สามปีก่อนตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา คนที่อยู่ข้างกายของเขามีอยู่แค่คนเดียวก็คือเฉินจิ่งหยุ้น พร้อมทั้งสูญเสียความทรงจำไป แน่นอนว่าเขาเองก็เลือกที่จะเชื่อเฉินจิ่งหยุ้นที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นระช่วงนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่า เฉินจิ่งหยุ้นไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...