ตอนนั้นมู่น่อนน่อนพึ่งจะฟื้นขึ้นมา ร่างกายอ่อนแอ ความทรงจำก็ว่างเปล่า
ความตื่นตระหนกนั้น ไม่สามารถมีใครไปเข้าใจเธอได้หรอก
ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น ถ้าเกิดว่ามีคนใกล้ตัวของเธอปรากฏตัวขึ้น และมีความสัมพันธ์กับเธอแบบที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ถ้ายังงั้น เธอก็ต้องรู้สึกว่าคนคนนั้นพึ่งพาได้ และเชื่อใจเขา
จุดนี้ จุดเริ่มต้นของลี่จิ่วเชียนคือความหวังดี
แต่ว่า ถ้าเกิดว่าไปวิเคราะห์กันอย่างละเอียดแล้ว คำพูดนี้มันค่อนข้างเหมือนเป็นการต้องบังคับให้มาอยู่ด้วยกันมากไปหน่อย
แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือลี่จิ่วเชียนอาการดีขึ้นและรีบออกจากโรงพยาบาล เรื่องพวกนั้นยังไม่ต้องรีบร้อนเลย
ดังนั้น มู่น่อนน่อนก็เลยพยักหน้า และถามเขา “ยังจะกินซุปอีกไหม? ”
ลี่จิ่วเชียนยิ้มแล้วก็ส่งชามให้กับเธอ “อืม”
มู่น่อนน่อนรับชามมา แล้วก็ก้มหน้าเทซุปให้เขาอีก
เส้นผมหลุดออกมาเกะกะใบหน้าของเธอ เธอยื่นมือไปเอาผมทัดหู ท่าทางที่เรียบง่ายนี้ทำให้เธอดูสุภาพและอ่อนน้อม
ลี่จิ่วเชียนละสายตากลับมา หลุบตาลง ปกปิดอารมณ์ในสายตาของตัวเอง
ที่จริงแล้วตอนแรกที่เขาบอกว่าตัวเองคือคู่หมั้นของมู่น่อนน่อน มันไม่ได้มีเหตุผลที่ซับซ้อนอะไรหรอก
เหตุผลที่เขาพูดเมื่อกี้นี้ มันเป็นส่วนน้อยเท่านั้น เหตุผลที่ใหญ่กว่านั้น คือเขาอยากจะลองทดสอบว่ามู่น่อนน่อนสูญเสียความทรงจำจริงรึเปล่า
และสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลังก็แสดงให้เห็นว่า มู่น่อนน่อนเธอ……สูญเสียความทรงจำจริงๆ
มู่น่อนน่อนเทซุปเสร็จแล้วก็ส่งให้กับเขา
ลี่จิ่วเชียนรับไปและพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ขอบคุณ”
“กับฉันทำไมต้องเกรงใจขนาดนั้นด้วย”มู่น่อนน่อนนั่งลงข้างๆ เขา “ไม่ใช่คู่หมั้น พวกเราก็เป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ใช่ไหม? ”
ลี่จิ่วเชียนได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกเสียง
เขาเอื้อมมือไปปิดริมฝีปากของเขา พยายามจะหยุดเสียงหัวเราะของตัวเอง เหมือนกับว่าหัวเราะจนพอใจแล้ว ถึงได้ตอบเบาๆ ว่า “ใช่”
“ตลกเหรอ? เอาซุปคืนมาเลยนะ!”มู่น่อนน่อนเจ็บปวดและอยากจะแย่งซุปจากลี่จิ่วเชียนคืน
ลี่จิ่วเชียนยังมีแผลเย็บที่หัว แต่ว่าการเคลื่อนไหวของมือเขาไม่ได้ช้าลงเลย เขาขวางมือของมู่น่อนน่อนเอาไว้ “ตอนนี้ฉันเป็นคนป่วยนะ”
มู่น่อนน่อนถึงได้ดึงมือกลับมา
ถึงแม้ว่าเธอจะสูญเสียความทรงจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่มีสมอง
ลี่จิ่วเชียนมีเรื่องให้น่าสงสัยมากมาย แต่ว่าตอนนี้ไม่ควรถามอะไรมาก
ตอนที่เธอนอนเป็นผักอยู่นั้น ลี่จิ่วเชียนคอยเฝ้าเธอทั้งหมดสามปี คิดว่าลี่จิ่วเชียนไม่น่าจะเป็นคนที่ไม่ดี
ลี่จิ่วเชียนกินซุปจนเสร็จ แล้วเธอก็เอาชามไปล้าง
พอล้างชามเสร็จออกมา โทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี
มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นเบอร์แปลก
หัวใจของเธอเต้นแรง แอบเดาว่าอาจจะเป็นผลที่มาจากเฉินถิงเซียว โทรมาหาเธอ
เธอเหลือบมองลี่จิ่วเชียน
ตอนนี้หัวของลี่จิ่วเชียนได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เขากำลังหลับตางีบอยู่
มู่น่อนน่อนถือโทรศัพท์ออกจากห้องผู้ป่วยไป แล้วก็รับสาย “ฮัลโหล? ”
หลังจากนั้น ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังขึ้นที่ปลายสาย
“คุณมู่”
มู่น่อนน่อนฟังออกในทันที ว่านี่คือเสียงของเฉินถิงเซียว
เสียงของเฉินถิงเซียวนั้นน่าฟังมาก เสียงที่ทุ้มต่ำแบบนั้น ฟังแล้วดูนุ่มนวล น่าจดจำใจมาก
เธอนึกว่าถ้าผลออกมาแล้ว สือเย่จะเป็นคนบอกเธอ แต่ไม่คิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะเป็นคนโทรมาหาเธอเอง
มู่น่อนน่อนแอบปลื้มใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเฉินถิงเซียวจะไม่ใช่ผู้ชายที่วางตัวหยิ่ง แต่ว่าเขาทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาเหนือกว่า
มู่น่อนน่อนเม้มปาก กลืนน้ำลาย และตอบว่า “คุณเฉิน สวัสดีค่ะ”
“ผล DNA ออกมาแล้ว คุณอยู่ที่ไหนเหรอ? ”
ตอนนี้ลี่จิ่วเชียนออกมาแล้ว ตำรวจก็อาจจะมาใหม่อีกครั้ง
ไม่ว่าจะพุ่งเป้าหมายมาที่เธอ หรือว่าที่ลี่จิ่วเชียน แน่นอนว่าคนคนนั้นต้องได้มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า แล้วก็จับจ้องพวกเขามาตั้งแต่แรกแล้ว
……
ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะออกไปก็ไปหาคุณหมออีกครั้ง ถึงจะลงไปข้างล่าง
เธอพึ่งจะออกมาจากโรงพยาบาล ก็ได้ยินรถที่จอดอยู่ไม่ไกลส่งเสียงดัง
รถสีดำดูเตี้ยมากและ มีราคาแพง
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปในทันที
เธอกำลังจะเปิดประตูด้านหลังขึ้นไปนั่ง ก็พบว่าคนที่ขับรถก็คือเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนดึวมือกลับมาในทันที แล้วก็โค้งตัวพร้อมกับเรียก “คุณเฉิน?”
“ขึ้นรถ”
ในมือของเฉินถิงเซียวกำลังคีบบุหรี่อยู่ เศษขี้เถ้าที่สะสมอยู่บนก้นบุหรี่ เขาสะบัดขี้เถ้าออกไป และคนทั้งหมดก็ดูไม่มีระเบียบเลย
ทั้งไม่มีระเบียบและดูอันตราย เหมือนราชสีห์ในยามหลับใหล
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าการเปรียบเทียบนี้เข้ากันได้ดีมาก เพราะว่าพอได้ยินคำว่า “ขึ้นรถ”ของเฉินถิงเซียวนั้น เธอก็ทำตามคำสั่งของเขาโดยอัตโนมัติ
เธอเปิดประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับ เธอไม่กล้าไปนั่งเบาะหลัง แล้วให้เฉินถิงเซียวกลายเป็นคนขับหรอก
ห้องโดยสารเงียบสงัด และยังมีกลิ่นควันบุหรี่หลงเหลืออยู่
มู่น่อนน่อนถามเบาๆ “คุณเฉิน ได้อ่านผลDNAรึยังคะ? ”
“ยัง”เฉินถิงเซียวตอบได้สั้นและกระชับมาก กลัวดอกพิกุลจะร่วง
มู่น่อนน่อนพึ่งหายจากอาการป่วยหนัก บางทีก็รู้สึกไวต่อกลิ่น กลิ่นควันในรถทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และเธอก็เอื้อมมือไปปิดจมูก
หลังจากนั้น เธอก็ได้ยินเสียงลดกระจกรถลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...