มู่น่อนน่อนกลับมาที่ในรถ แล้วก็ตกอยู่ในความเงียบ
เมื่อตอนเที่ยงตอนที่ลี่จิ่วเชียนรับสายเธอ ปฏิกิริยาได้ผิดปกติไปบ้าง
และคำพูดเมื่อกี้นี้ของผู้ช่วย มันยิ่งทำให้มู่น่อนน่อนไม่เข้าใจอยู่บ้างเล็กน้อย
ผู้ช่วยของลี่จิ่วเชียนบอกว่า เมื่อตอนเที่ยงเธอสั่งอาหารเดลิเวอรี่ให้ลี่จิ่วเชียน และยังบอกว่าลี่จิ่วเชียนไม่ได้ไปโรงแรมจีนติ่งอีกด้วย
ผู้ช่วยของเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกหกเธอในเรื่องจำพวกนี้
ลองคิดดูในทางกลับกันแล้ว ถ้าผู้ช่วยของลี่จิ่วเชียนพูดจริง งั้น “ลี่จิ่วเชียน” คนนั้นที่เธอเจอที่โรงแรมจีนติ่งเมื่อตอนเที่ยงเป็นใครกันล่ะ?
บนโลกนี้จะมีคนสองคนที่หน้าเหมือนกันเปี๊ยบจริงๆเหรอ?
มู่น่อนน่อนโตขนาดนี้แล้ว ก็ยังไม่เคยเจอคนสองคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยสองคนมีหน้าตาที่เหมือนกันเปี๊ยบมาก่อนเลย
มากสุดก็คือฝาแฝดที่จะหน้าตาคล้ายกันมาก
แต่อย่างไรก็ตามฝาแฝดทุกคู่ก็ไม่ได้หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลยด้วยเหมือนกัน
เฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นก็เป็นฝาแฝดพี่สาวน้องชาย ทั้งสองคนนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ดูจากรูปลักษณ์หน้าตาแล้ว หน้าตาก็คล้ายกันมากเหมือนกัน
จนถึงตอนนี้ ความรู้ความเข้าใจต่อลี่จิ่วเชียนของเธอนั้น ก็จำกัดอยู่เฉพาะลี่จิ่วเชียนคนนี้เท่านั้นเหมือนกัน
แต่พื้นเพครอบครัวเบื้องหลังลี่จิ่วเชียน ที่บ้านมีญาติพี่น้องอะไรบ้าง มีเพื่อนคนอื่นอีกหรือเปล่า เธอก็ไม่รู้อะไรเลยสักนิด
พอคิดอย่างนี้แล้ว ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ลี่จิ่วเชียนจะมีพี่น้องฝาแฝดไปได้เลย
มู่น่อนน่อนได้มองคลินิกจิตเวชของลี่จิ่วเชียนผ่านทางกระจกรถไปอีกครั้ง ก่อนที่จะสตาร์ทรถออกไป
ตอนนี้เธอคิดมากกว่าเดิม แต่ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น
ความจริงมันเป็นยังไงกันแน่ ยังต้องไปเจอลี่จิ่วเชียนเพื่อยืนยันก่อนถึงจะได้
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนขับรถกลับไปที่วิลล่า ก็เห็นรถของเฉินถิงเซียวมาจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าวิลล่าด้วยเหมือนกัน
เธอมองเวลาไปเล็กน้อย เพิ่งจะห้าโมงเอง
วันนี้เฉินถิงเซียวเลิกงานเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
เธอเพิ่งจะคิดมาถึงตรงนี้ ประตูรถของเฉินถิงเซียวก็ถูกคนเปิดออกมาจากด้านใน
ต่อมา เงาร่างสูงใหญ่ของเฉินถิงเซียวก็ได้ออกมาจากในรถ ปรากฏอยู่ในสายตาของมู่น่อนน่อน
อุณหภูมิวันนี้เดิมทีแล้วก็ลดต่ำลงไปอยู่แล้ว แต่บนร่างของเฉินถิงเซียวยังสวมชุดสูทบางๆเอาไว้อยู่ ยืนตัวตรงอยู่ที่ตรงนั้น แล้วมองมาทางมู่น่อนน่อน
สีหน้าของเขาเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับว่าไม่หนาวเลยสักนิดยังไงอย่างนั้น
มู่น่อนน่อนลังเลไปแป๊บนึง เปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปทางเฉินถิงเซียว
หยุดอยู่ตรงบริเวณที่ห่างออกมาจากเฉินถิงเซียวสองก้าว
ตอนที่เธอมองเฉินถิงเซียว เฉินถิงเซียวก็ได้กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน
ทั้งสองคนสบสายตากันไปเงียบๆอยู่หลายวิ มู่น่อนน่อนเอ่ยถามเขาออกไป “เลิกงานเร็วขนาดนี้เลย?”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกัน เฉินถิงเซียวก็ได้พูดออกมาประโยคนึงเหมือนกัน “คุณไปไหนมา?”
ทั้งสองคนพูดจบ ต่างก็ชะงักงันกันไป
เฉินถิงเซียวนิ่วคิ้วออกมา อารมณ์ที่อยู่ภายในดวงตาซับซ้อนอ่านได้ยากออกมา
มู่น่อนน่อนรู้ว่าถ้าเธอไม่เอ่ยปากพูดออกไปก่อน เฉินถิงเซียวจะไม่มีทางจะเอ่ยปากพูดออกมาก่อนแน่
“ฉันไปไหน ไม่ใช่ว่าคุณควรจะรู้ดีอยู่แล้วเหรอ?” เขาได้ส่งการ์ดมาให้เธอตั้งแต่เช้า ตั้งแต่ตอนที่เธอออกจากบ้านไปเมื่อตอนเช้าก็ได้ติดตามเธอไปแล้ว การ์ดพวกนั้นจะต้องบอกความเคลื่อนไหวของเธอกับเฉินถิงเซียวไปแบบไม่มีตกหล่นอยู่แล้ว
เธอจำได้ว่าตอนที่เพิ่งแต่งงานกับเฉินถิงเซียวใหม่ๆ ที่ในวิลล่าของเขาไม่มีสาวใช้เลยแม้แต่คนเดียว ทั้งหมดล้วนเป็นบอดี้การ์ดทั้งนั้น
ตอนที่เขาพูดคำพูดนี้ออกมา สายตาที่มองเธอ ราวกับว่ากำลังมองภรรยาที่เพิ่งจะกลับมาจากการลอบไปคบชู้มาจากข้างนอกอยู่
มู่น่อนน่อนถูกคำพูดของเขาทำเอาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา ยกมือขึ้นมาอย่างยับยั้งชั่งใจเอาไว้ไม่อยู่ แต่ตอนที่สัมผัสได้ถึงสายตาที่เยือกเย็นของเฉินถิงเซียว มือที่ยกค้างอยู่กลางอากาศก็ได้เก็บกลับไปทันที
“จะอธิบายให้กับคุณอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างฉันกับลี่จิ่วเชียน บริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรเกินเลยกันเลย คุณจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของคุณ” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็มองไปทางด้านนอกวิลล่าไปแวบนึง
ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อนที่เธอยังไม่ได้คลอดเฉินมู่ออกมา เผชิญกับสถานการณ์อย่างนี้แล้ว เธอก็คงจะพุ่งออกไปเลยทันที
แต่ว่าเมื่อเช้าตอนที่เธอออกจากบ้านไป ได้พูดกับเฉินมู่ไปว่าเย็นนี้จะกลับมาทำลูกชิ้นเนื้อให้เธอ
เธอโกรธเฉินถิงเซียว แต่ก็ไม่อาจผิดคำพูดที่เคยพูดกับเฉินมู่ไปได้
หลังจากเรื่องงานเลี้ยงครั้งที่แล้ว เธอก็เคยบอกกับเฉินมู่ไปว่าต่อจากนี้ไปคำพูดที่พูดไปจะต้องทำตามคำพูด
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ พลางผันร่างเดินไปทางห้องโถงใหญ่
ตรงที่เธอกับเฉินถิงเซียวอยู่เมื่อกี้นี้ เป็นตรงกลางลานบ้านของภายในวิลล่า ห่างออกมาจากประตูห้องโถงใหญ่อยู่ช่วงนึง
มู่น่อนน่อนสงบอารมณ์ของตัวเองลงในระหว่างการเดินทางในชั่วเวลาสั้นๆนี้
พอเธอเข้าห้องโถงใหญ่ไป ก็มีคนใช้ก้มหัวเอ่ยออกมาด้วยความนอบน้อม “คุณหญิงน้อย!”
มู่น่อนน่อนถามเธอ “มู่มู่ล่ะ?”
ไม่รอให้สาวใช้เอ่ยปากพูดออกมา เสียงของเฉินมู่ก็ได้ดังเข้ามา “มู่มู่อยู่ตรงนี้!”
มู่น่อนน่อนหันมองไปตามเสียง ก็พบว่าเฉินมู่กำลังถูกสาวใช้จูงลงมาจากชั้นบน
ในมือเธอยังถือสมุดวาดภาพเอาไว้เล่มนึง เดินกระโดดโลดเต้นลงมาจากชั้นบนอย่างร่าเริง
เห็นมู่น่อนน่อนมองเธออยู่ ก็ชูสมุดวาดภาพในมือขึ้น แล้วพูดออกมาอย่างมีความสุข “คุณแม่ดู หนูวาดแอปเปิลลูกใหญ่ๆสองลูก”
“ได้ หนูเดินดีๆ บนบันไดจะกระโดดไม่ได้นะ แม่จะรอหนูลงมาอยู่ตรงนี้” ความรู้สึกไม่อภิรมย์ภายในใจของมู่น่อนน่อนที่มีมาแต่เดิมนั้น หลังจากที่ได้เห็นเฉินมู่ ก็ได้มลายหายไปจนสิ้นทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...