ตอนที่ 65 มู่น่อนน่อนทำทั้งหมด
แผนกการตลาดนั้นมีพนักงานหญิงจำนวนมาก เวลาที่ผู้หญิงรวมตัวกันก็มักจะชอบนินทาโดยธรรมชาติ
ในตอนเที่ยง เรื่องที่เกิดขึ้นที่แผนกการตลาดเมื่อตอนเช้า ก็ถูกพูดกันไปทั่วทั้งบริษัท
ใบหน้าของมู่น่อนน่อนบวมอย่างมาก ในตอนที่เข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานหญิงกำลัง จับกลุ่มคุยกันเรื่องเมื่อตอนเช้า
“สรุปว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ฉันได้ยินมาว่าคนที่ลาในวันนี้เป็นผู้หญิงคนเดียว ไม่มีผู้ชายลาเลยนะ”
“เรื่องมันก็ชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ มู่หวั่นขีและซุนเจิ้งหวาจับมือกันจัดการมู่น่อนน่อน”
“ไม่มีทางเถอะ มู่น่อนน่อนเพิ่งจะมาได้ไม่กี่วัน ก็ขัดใจซุนเจิ้งหวาแล้วหรือ”
“ซุนเจิ้งหวาเป็นคนแบบไหน ใครไม่รู้บ้าง เรื่องที่เขาลาและเข้าโรงพยาบาลก่อนหน้านั้น ได้ยินว่าเป็นมู่น่อนน่อนที่ทำทั้งหมด”
“มู่น่อนน่อนโหดร้ายขนาดนั้นหรือ”
“แต่ฉันรู้สึกว่าคนที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าคือมู่หวั่นขี ก่อนหน้านี้เธอตบหน้ามู่น่อนน่อนไปหนึ่งครั้ง ฉันที่อยู่ไกลๆ ยังได้ยินเสียงตบกระทบหน้าอย่างชัดเจน ต้องเกลียดกันขนาดไหน ถึงต้องตบแรงขนาดนั้น...”
มู่น่อนน่อนยืนพิงกำแพงห้องน้ำ รอจนข้างนอกเงียบเสียงลงไปจนเงียบ ถึงได้ออกมาข้างนอก
ยืนอยู่ข้างหน้าอ่างล้างมือ เธอมองใบหน้าของตัวเองในกระจก
บวมหมดแล้ว ทั้งยังช้ำอีกด้วย ดูไปแล้วก็ค่อนข้างน่าเกลียด
มู่หวั่นขีตบลงมาได้หนักพอสมควร
ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานี้ จะปล่อยให้มู่หวั่นขีพยศมาพอสมควรแล้ว
รอก่อนเถอะ ดูสิว่าในตอนสุดท้ายนั้นในพวกเธอใครที่จะได้เป็นคนหัวเราะกัน
.....
ช่วงเวลาพักเที่ยง ในตอนที่มู่น่อนน่อนกำลังจะออกไปทานข้าว
เพิ่งจะได้ลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา
เป็น “เฉินเจียฉิน” ที่โทรมา
มู่น่อนน่อนคิ้วขมวด ก่อนจะรับสาย “คุณมีธุระอะไรอีกหรือ”
เหมือนว่าน้ำเสียงของเธอนั้นกำลังจะหมดความอดทน เฉินถิงเซียวจึงกล่าวออกไปตรงๆ “ออกมาทานข้าว ผมรอคุณอยู่ที่หน้าบริษัทมู่ซื่อ”
ทันทีที่เขาสั่งจบ เขาก็วางสายทันที
มู่น่อนน่อนมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กลับมาล็อกหน้าจอแล้ว ก็ขยี้ผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเดินออกมาทางประตูใหญ่ของบริษัทมู่ซื่อ มู่น่อนน่อนก็เห็นรถที่สะดุดตาของ “เฉินเจียฉิน” ในทันที เมื่อครู่ก่อนที่จะลงมา เธอได้แอบเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหารถคันนั้นของเขา
ราคาเริ่มต้นที่สิบล้าน ส่วนราคาจริงนั้นจะขึ้นอยู่กับการสั่งของเจ้าของรถ
สำหรับมู่น่อนน่อนแล้ว นี่มันราคาที่สูงเสียดฟ้า
ถึงแม้จะเป็นตระกูลมู่ หากมู่หวั่นขีอยากซื้อรถราคาสิบล้าน ก็ไม่แน่ใจเลยว่ามู่ลี่เหยียนจะให้
เมื่อเห็นว่าผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างพูดคุยกันถึงเรื่องรถของ “เฉินเจียฉิน” กันไม่น้อย มู่น่อนน่อนก็ก้มหน้าและสาวเท้าไวๆ ไปหาเขา
ในตอนนั้นเอง ข้างทางก็มีรถอีกคันหนึ่งมาจอด ในตอนที่มู่น่อนน่อนกำลังรอให้รถคันนั้นไปแล้วค่อยเดินต่อ รถคันนั้นก็หยุดลงเบื้องหน้าของเธอ
คนขับรถลดกระจกของที่นั่งด้านหลังลง ใบหน้าที่โผล่ขึ้นมานั้นคือ... เซียวชู่เหอ
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่มู่น่อนน่อนหลอกเซียวชู่เหอไปยังร้านอาหาร แล้วทิ้งเธอกลางทาง ก็ไม่ได้พบเจอเซียวชู่เหออีกเลยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เซียวชู่เหอสั่งให้คนขับรถนำกล่องรักษาอุณหภูมิอาหารสองกล่องลงมา เงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็พบมู่น่อนน่อนที่ยืนอยู่ข้างรถ
มู่น่อนน่อนเงยหน้าไปมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ ดวงตาแมวที่สวยคู่นั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ ดูน่าสงสารอย่างมาก
โดยเฉพาะเมื่อมองรวมไปกับใบหน้าที่บวมไปครึ่งซีก ดวงตาสีน้ำหมึกทอประกายเป็นไฟลุกโชน แต่ก็เก็บซ่อนเอาไว้ในทันที และลากเธอเดินไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เซียวชู่เหอจำได้ว่านี่คือ “เฉินเจียฉิน” ที่ไปตระกูลมู่เมื่อครั้งที่แล้ว ทำไมเขาถึงมารับมู่น่อนน่อนกัน
หรือว่าพวกเขา...
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในรถของพวกเขาเมื่อครั้งที่แล้ว เซียวชู่เหอก็รีบเรียกทั้งสองคนไว้ “รอก่อน”
ทั้งสองหันหน้าไปมองเธอพร้อมกัน เซียวชู่เหอกล่าวว่า “น่อนน่อน แม่เอาอาหารมาให้พ่อกับพี่สาวค่อนข้างมาก เธอเองก็จะมาทานด้วยกันไหม”
มู่น่อนน่อนที่กำลังจะปฏิเสธ ก็ถูกเฉินถิงเซียวแย่งเดินหน้าเธอและกล่าว “ดีครับ ผมเองก็ยังไม่ได้ทานมาพอดี”
“นี่...” เซียวชู่เหอนำอาหารมาในจำนวนที่เพียงพอต่อสามคนเท่านั้น แต่ก็รู้ว่า “เฉินเจียฉิน” นั่นคือญาติผู้น้องของเฉินถิงเซียว ขัดใจไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
มู่น่อนน่อนไม่เข้าใจเหตุผลจึงเงยหน้ามองเขา ศอกเล็กกระแทกที่แขนของเขาเบาๆ
เฉินถิงเซียวกำแขนเล็กของเธอไว้แน่น เหลือบสายตามองเธอ และส่งสายตาบอกให้เธออดรนทนรอไปก่อน
ที่น่าแปลกก็คือ มู่น่อนน่อนสงบใจลงได้ด้วยสายตาของเขาจริงๆ เธอยืนนิ่งอยู่ข้างๆ เขา และไม่ออกเสียงอะไรอีก
เซียวชู่เหอที่มีหน้าที่เป็นภรรยามาครึ่งชีวิต นอกจากจะใช้เงินเอาไปเสริมสวยเอาอกเอาใจมู่ลี่เหยียนแล้ว ก็ยังสามารถอ่านสถานการณ์ได้เล็กน้อย เธอรู้ว่าไม่สามารถละเลย “เฉินเจียฉิน” ได้ ส่งสายตาให้กับคนขับรถ เพื่อให้เขาแจ้งมู่ลี่เหยียนให้ทราบ
มู่ลี่เหยียนลงมาอย่างรวดเร็ว ข้างหลังของเขานั้นมีมู่หวั่นขีตามมาด้วย
เห็นได้ชัดว่ามู่หวั่นขีตั้งใจแต่งหน้ามา จนใบหน้านั้นดูมีมิติขึ้นมา
ทันทีที่เธอได้เห็น “เฉินเจียฉิน” ดวงตาคู่นั้นก็ไม่ผละออกไปไหน สายตาละโมบนั้นราวกับกำลังจ้องกระเป๋าเงินของตัวเอง
มู่น่อนน่อนรับรู้ได้ถึงสายตาของเธอ จึงขยับกายและยืนอยู่ด้านหน้าของ “เฉินเจียฉิน” เพื่อบดบังสายตาของมู่หวั่นขี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...