หลิวเหนียนไม่พูดอะไร แต่สายตาบอกความหมายทุกอย่างชัดเจน
หากไม่ใช่เพราะกรณีพิเศษนี้ เขาไม่สงสัยมู่จื่อหนิงอย่างแน่นอน แต่เพราะวันนั้นเขาบอกมู่จื่อหนิงว่าบอสไปหาเซิงเกอที่ลานจอดรถของangle ระหว่างทางเซิงเกอก็ถูกคนไล่ล่า
ช่างเป็นอะไรที่น่าบังเอิญเสียจริง
มันพูดยากว่าเรื่องนี้เธอไม่มีส่วนรู้เห็น
สีหน้ามู่จื่อหนิงราวกับคนที่เจ็บปวดอย่างมาก พูดอย่างปวดใจว่า“หลิวเหนียน ฉันเห็นคุณเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ไม่คิดว่าคุณจะมาสงสัยในตัวฉันแบบนี้ ? ฉันจะส่งคนไปทำร้ายเซิงเกอได้ยังไง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะใช้เส้นทางไหน”
หลิวเหนียนใจอ่อนยวบในทันที
“ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนจิตใจดี เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือคุณแน่ แต่คุณได้บอกใครไปหรือเปล่า?”
มู่จื่อหนิงนิ่งงัน
หลิวเหนียนสงสัยเธอซะขนาดนี้ หากไม่พูดข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ เขาต้องไปเช็กการใช้โทรศัพท์ของเธอในช่วงนี้แน่ ถึงตอนนั้นภาพลักษณ์ที่เธอได้สร้างเอาไว้คงได้จบเห่แน่
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอคงต้องเสียสละคนอื่นเท่านั้น
เธอแสร้งทำเป็นครุ่นคิด และคิดอะไรขึ้นมาได้ ก็พูดว่า“ วันนั้นฉันเสียใจมาก เซิงเซิงโทรมาถามฉัน ฉันก็เผลอพลั้งปากบอกเธอไป……”
เธอนิ่งไป แล้วรีบโบกมือ “ ไม่ๆ!เซิงเซิงไม่ทำเรื่องแบบนี้แน่ ฉันเชื่อใจเขา ”
หลิวเหนียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณมู่คุณเป็นคนดี แต่คนอื่นเขาไม่ได้ใสซื่อและจิตใจดีแบบคุณหรอกนะ”
เขาพูดแสดงความห่วงใยไปอีกสองสามคำ จากนั้นก็ออกไปจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว ให้คนไปตรวจสอบที่คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลเฟิงอย่างละเอียด และให้คนลบการเชื่อมโยงของมู่จื่อหนิงกับเรื่องนี้ออกอย่างเงียบๆ
หลังจากที่เขาไปแล้ว มู่จื่อหนิงก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
เธอยังสงสัยว่าทำไมเมื่อคืนไม่มีใครกลับมารายงานผลให้ทราบ ที่แท้ก็เป็นเพราะอะยู่ไปช่วยชีวิตนังสารเลวนั่นเอาไว้ !
ตอนนี้เธอจึงต้องอ้างชื่อเฟิงเซิงเซิงเพื่อเอาตัวรอด หากอะยู่รู้เข้า คงต้องเฝ้าระวังคฤหาสน์หลังเก่าอย่างเข้มงวดมากขึ้น และเฟิงเซิงเซิงคงจะเอามาใช้เป็นเครื่องมือไม่ได้แล้วในตอนนี้!
เธอเสียงแรงเปล่ากับการลงทุนที่ผ่านมาเพื่อพยายามจะตีสนิทคนอย่างเฟิงเซิงเซิงที่จู้จี้จุกจิกและไร้ความสามารถ
แต่จะให้เธอปล่อยผู้หญิงที่น่ารังเกียจอย่างเซิงเกอไป เธอก็ทำไม่ได้ !
เธอจิกเล็บลงบนฝ่ามือ ความเหี้ยมโหดและชั่วร้ายในแววตาไม่แม้แต่จะปิดบัง
……
เซิงเกอกลับไปที่คฤหาสน์ของลู่ฮั๋ว และได้รับข้อมูลอย่างละเอียดจากลู่ฮั๋ว
คนที่ว่าจ้างนักเลงพวกนั้นคือหลี่เฟย และคนที่คอยยุยงคือเฟิงเซิงเซิง
หลังจากที่ดูหลักฐานทั้งหมดแล้ว สีหน้าเซิงเกอก็เรียบเฉย
เธอเดาได้แต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้คนของคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฟิงต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแต่……
“เรื่องเมื่อคืนมู่จื่อหนิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยเหรอ ?”
ลู่ฮั๋วขบคิด“พี่จะให้คนไปตรวจเช็กทางฝั่งมู่จื่อหนิงอย่างละเอียดอีกทีแล้วกัน”
“ดีค่ะ”
ลู่ฮั๋วก็ถามขึ้นอีกว่า“ตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร แล้วจะเอายังไงต่อ ?”
มุมปากเซิงเกอยกหยัก มีแผนในใจอยู่แล้ว
“พี่สาม ขอยืมตัวบอดี้การ์ดที่แข็งแรงให้ฉันหน่อยนะ”
ลู่ฮั๋วถูกความเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกน้อยของเธอดึงดูด บีบไปที่จมูกน้อยๆของเธออย่างนึกเอ็นดู “เจ้าหญิงน้อยของฉันต้องการคน ฉันจะกล้าไม่ให้ได้ไง เราอยากได้กี่คนก็ไม่ใช่ปัญหา ”
เซิงเกอยิ้มหวาน น้ำเสียงละมุน“มีพี่สามนี่แหละที่รักฉันที่สุด”
ในตอนเย็น ที่คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเฟิง
หลี่เฟยนอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้ในสวนดอกไม้ ให้ช่างเสริมสวยทำสปาผิวหน้าให้เธอ
แต่แล้วจู่ๆที่ประตูเหล็กบานใหญ่ก็มีเสียงปังดังก้องขึ้น
เซิงเกอถามอย่างไม่ใส่ใจว่า“ แล้วยังไงคะ ?”
หลี่เฟยมองไปยังลูกสาวที่อยู่ข้างหลัง เค้นเสียงหึในลำคอ“ ครั้งที่แล้วเธอรังแกเซิงเซิง ครั้งนี้เธอมาหาถึงที่เอง ฉันจะให้เธอต้องคุกเข่าขอโทษเซิงเซิง ที่ติดค้างเซิงเซิงก็จะทวงคืนกลับมาให้หมด!”
พูดๆอยู่ เธอก็ส่งสายตาไปหาคนใช้ที่อยู่ข้างๆ
คนใช้ต่างก็เข้าใจ เดินเข้ามาหาเซิงเกอราวกับเสือที่จ้องเขม็งมองดูเหยื่อ
เซิงเกอพิงไปที่ประตูรถ ก้มดูเล็บมือของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย พูดอย่างสบายอารมณ์ว่า“ได้ ฉันจำเอาไว้หมดแล้ว เดี๋ยวจะให้ทุกคนได้ลิ้มลอง เพราะยังไงวันนี้ ฉันมาเพื่อคิดบัญชี”
คิดบัญชี ?
เราไปติดหนี้อะไร ?
หลี่เฟยที่กำลังสงสัยอยู่ ก็เห็นเซิงเกอปรบมือ บอดี้การ์ดชุดดำที่ร่างกายกำยำผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีกว่าสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วมายืนอยู่ข้างหลังของเธอ
กลุ่มคนจำนวนมาก ช่างน่าสะพรึงไม่น้อย ทำเอาเหล่าคนใช้ที่เดินปรี่กันเข้ามาเมื่อครู่ถึงกับต้องถอยร่นออกไปด้วยความกลัว
หลี่เฟยถึงกับตื่นตระหนก ถามขึ้นว่า“นี่เธอคิดจะทำอะไร?”
“ฉันบอกไปแล้ว มาคิดบัญชี ”
แววตาของเซิงเกอค่อยๆเย็นลง ออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลัง “นอกจากห้องเก่าของคุณท่านตระกูลเฟิงที่ชั้นสามกับห้องหนังสือและห้องโถงบรรพบุรุษที่ชั้นหนึ่งห้ามแตะต้องแล้ว ห้องอื่นที่เหลือของอะไรที่มีค่าทำลายทิ้งให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่ถ้วยหรือชามสักใบ ”
“เธอกล้าเหรอ!”
เฟิงเซิงเซิงกับหลี่เฟยแทบจะพูดออกมาพร้อมกันในทันที
หลี่เฟยโกรธจนดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าดำมืดราวกับมะเขือม่วง พูดข่มขู่ว่า“ บุกรุกพื้นที่ส่วนตัวมีความผิดตามกฎหมาย! หากเธอกล้าแม้แต่จะทำลายถ้วยชามของฉันแค่ใบเดียว ฉันจะแจ้งความทันที!เอาเธอเข้าคุก !”
เซิงเกอยิ้มตาหยี หยิบสำเนาหลักฐานชุดหนึ่งออกจากกระเป๋าอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ดีเลยค่ะ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าตำรวจมา จะมาจับพวกคุณ หรือมาจับฉัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉันนี่แหละ...คุณหนูพันล้าน เซิงเกอ!
เรื่องนี้น่าสนุก...รอติดตามต่อนะคะ...
ไม่ลงต่อเหรอคะ มีตั้ง 452 ตอนจบนะคะ รออ่านต่อนะคะ...
เรื่องนี้ไปติดเหรียญเเอปอื่นซะแล้ว...