ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1

แม้เจี้ยนจงจะคิดถึงยุคปัจจุบัน แต่เขารู้สึกว่าการอยู่ในต้าเว่ยในยามนี้ค่อนข้างดี

ยิ่งกว่านั้นไม่มีร่องรอยการกลับไปเลย อยากกลับไป ย่อมเป็นไปได้ยาก

มู่จิ่นก็คิดเหมือนเจี้ยนจงเช่นกัน เขารู้สึกสงบสุขทันทีที่มาถึง เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สามารถกลับไปได้ และเป็นประสงค์ของสวรรค์ที่จะไม่ได้กลับไป

ในทางกลับกันเว่ยเป้ยซึ่งอยู่ในต้าเว่ยมาเป็นเวลานานได้ล้มเลิกความคิดที่จะกลับไปสู่ยุคปัจจุบันแล้ว ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากกลับไป แต่เพราะเขารู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะกลับไป และเขาอาจต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต

ดังนั้นแทนที่จะให้ความหวังที่คลุมเครือกับตัวเอง การตัดความคิดเหล่านี้ออกไปย่อมดีกว่า

ด้วยวิธีนี้ เขาจะมีชีวิตอยู่ในต้าเว่ยได้โดยไม่มีการรบกวนใดๆ

ในความเป็นจริงเซียวเฉวียนก็คิดแบบเดียวกับมู่จิ่น

เพียงแค่ได้รวมตัวกันกับสหายบ้านเดียวกันและได้พูดคุยเกี่ยวกับยุคปัจจุบัน มันก็จะกระตุ้นให้เกิดอาการคิดถึงบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตราบใดที่พูดถึงยุคปัจจุบัน เราก็จะตกอยู่ในบรรยากาศที่มืดมนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คืนนี้ควรจะเป็นงานเลี้ยงอำลาเว่ยเป้ย

แม้จวนเจียนกั๋วจะอยู่ในเมืองหลวงไม่ต่างกัน และยังมีโอกาสมากมายสำหรับพวกเขาที่จะได้พบกันในอนาคต การจากไปของเว่ยเป้ยถือเป็นการแยกตัวจากเซียวเฉวียน จึงควรมีความรู้สึกเป็นพิธีการ อย่างไรก็ต้องมี

ไม่อย่างนั้นเว่ยเป้ยจะดูโดดเดี่ยว

ดังนั้นตัวเอกในคืนนี้คือเว่ยเป้ย จึงไม่เหมาะที่จะพูดถึงหัวข้อที่หนักหน่วงเช่นความคิดถึงบ้าน

เซียวเฉวียนเปลี่ยนเรื่องด้วยการกล่าวว่า “เว่ยเป้ย หลังจากกลับไปจวนเจียนกั๋ว เจ้ามีแผนอย่างไร?”

แผน?

เว่ยเป้ยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย

ในอดีตเว่ยเชียนชิวกำกับดูแลจวนเจียนกั๋ว ดังนั้นเว่ยเป้ยจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เลย

ขอเพียงเขาสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองในการสอบขุนนางระดับเคอจี่ได้ก็พอแล้ว เว่ยเชียนชิวไม่ต้องการให้เขาคิดถึงเรื่องอื่น

ต่อมาเมื่อเขากลายเป็นจอหงวนและมายังจวนเซียว ก็มีเซียวเฉวียนวางแผนให้ทุกอย่าง ดังนั้นเว่ยเป้ยจึงสามารถทำตามที่เซียวเฉวียนต้องการได้

แม้แต่การกลับไปยังจวนเจียนกั๋วในครานี้ก็เป็นความตั้งใจของเซียวเฉวียน เว่ยเป้ยคิดว่าเซียวเฉวียนจะวางแผนสิ่งที่ดีสำหรับเขาไว้แล้ว

ใครจะคาดคิดว่าเซียวเฉวียนจะพูดเช่นนั้น

หัวใจดวงน้อยของเว่ยเป้ยหวาดกลัวมากจนเต้นรัว เซียวเฉวียนวางแผนที่จะปล่อยเขาไปโดยสิ้นเชิงหรือ?

แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ ในความทุกข์ยากอันแสนสาหัสนี้ ในสมัยโบราณมีหลุมพรางอยู่ทุกหนทุกแห่ง การไม่มีใครสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเช่นนี้ เว่ยเป้ยเริ่มตื่นตระหนก

หากไม่ระวังจะตกหลุมพรางของคนโบราณและตายไปในเงื้อมมือของคนโบราณ มันไม่ยุติธรรมเลยไม่ใช่หรือ?

เว่ยเป้ยไม่มีความคิดอื่นใด เขาแค่อยากมีชีวิตที่ดีในต้าเว่ย เขาไม่อยากเสียชีวิต

ก่อนที่เขาจะออกจากจวนเซียวและยังมีพื้นที่สำหรับความเสียใจ เว่ยเป้ยพูดอย่างไร้ยางอาย “เซียวเฉวียน จู่ๆ ข้าก็ไม่อยากกลับไปจวนเจียนกั๋วแล้ว”

เว่ยเป้ยไม่มีทักษะทางการแพทย์และการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมแบบมู่จิ่น และเขาก็ไม่มีทักษะการใช้ดาบที่น่าทึ่ง เขาไม่มีไหวพริบและกังฟูที่ไม่มีใครเทียบได้แบบเซียวเฉวียน เขาจะต่อสู้กับคนโบราณเหล่านี้ได้อย่างไร

เขาหวังว่ามันจะไม่สายเกินไปที่จะถอยกลับในเวลานี้

หลังจากฟังคำพูดของเว่ยเป้ยแล้ว เซียวเฉวียนและอีกสามคนก็มองเว่ยเป้ยอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ พร้อมกับคำเตือนในดวงตาของพวกเขา “เจ้ากล้าพูดใหม่อีกครั้งหรือไม่?”

เมื่อเห็นท่าทีของพวกเขา เว่ยเป้ยจึงเปลี่ยนคำพูด “ในฐานะจอหงวน ในอนาคตข้าจะได้เป็นขุนนางในราชสำนักอย่างแน่นอน ข้าแค่อยากสร้างอนาคตตามความสามารถของตน ไม่อยากยืนหยัดต่อกรอบการกำกับของจวนเจียนกั๋ว”

พูดอีกอย่างคือข้ายังไม่อยากกลับเข้าคุก

เจี้ยนจงกล่าวอย่างอ่อนโยน “นี่ไม่ใช่ข้อขัดแย้ง ลองคิดดูสิ จะดีกว่าไหมที่จะมีจุดเริ่มต้นที่สูงกว่า”

มู่จิ่นกล่าวอีกว่า “ข้าคิดว่าบรรพชนของเจ้ากล่าวถูก”

เมื่อได้ยินว่าเว่ยเป้ยยอมประนีประนอมในที่สุด เซียวเฉวียนจึงพูดว่า “ไม่เป็นไร หากเจ้ามีปัญหาใดๆ หลังจากที่กลับไปยังจวนเจียนกั๋ว เพียงมาหาเราที่จวนเซียว เราทุกคนเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน และจะสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน”

เว่ยเป้ยไม่ได้ปิดบังคำพูดของเซียวเฉวียนและตรงไปตรงประเด็น “ในเมื่อเซียวเฉวียนพูดเช่นนั้น ข้าจะไม่สุภาพแล้ว ข้าได้ยินมาว่าจวนเจียนกั๋วนั้นยากจนมาก เจ้ายินดีที่จะดูแลเรื่องจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่?”

แปลว่าขอเงินเซียวเฉวียน

เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ[1]

ทันทีที่เว่ยเป้ยเข้าไป เขาเพียงแค่เข้ายึดครองเปลือกที่ว่างเปล่าของจวนเจียนกั๋ว ข้างในมีคนรับใช้มากมาย และเงินย่อมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

เซียวเฉวียนมีเงินมาก และถึงเวลาที่เขาจะต้องบริจาคเงินแล้ว

เซียวเฉวียนก็พูดอย่างมีความสุขเช่นกัน “ไม่มีปัญหา”

หลังจากนั้นเขาก็หยิบทองคำที่หวังหลินมอบให้ออกมา แล้วมอบให้เว่ยเป้ย

เซียวเฉวียนกล่าวว่า “เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะกำกับดูแลค่าใช้จ่ายของจวนเจียนกั๋วในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าว เจ้าต้องหาหนทางร่ำรวยด้วยตนเอง”

ไม่ใช่ว่าเซียวเฉวียนไม่ต้องการให้เงินกับเว่ยเป้ย หรือว่าเขาไม่ต้องการช่วยเว่ยเป้ย แต่เขาสามารถช่วยเว่ยเป้ยได้เฉพาะเมื่อเขาต้องการมันมากที่สุดเท่านั้น และเขาต้องเดินไปในส่วนที่เหลือ ด้วยหนทางของเขาเอง

ในฐานะอาจารย์ เว่ยเป้ยย่อมเข้าใจความจริงข้อนี้

จริงๆ แล้ว เขาต้องการสอนในสถานศึกษาชิงหยวน แต่ในสายตาของคนนอก เขายังเด็ก ไม่มีใครมั่นใจเมื่อเขาไปสอน ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่กล้าที่จะแสดงความสามารถที่แท้จริงในการสอน มันคงแย่มากถ้าเขาถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาดหรือตัวประหลาดจากสวรรค์

ดังนั้นเขาจึงต้องคิดถึงวิธีอื่นในการสร้างโชคลาภ

..........

เชิงอรรถ

[1] เงินหนึ่งอัฐสร้างความลำบากให้วีรบุรุษ อุปมาว่า ความลำบากเล็กน้อยแต่กลับทำให้เรื่องสำคัญไม่อาจดำเนินต่อไปได้ หรือ ชี้ว่าคนที่มีความสามารถ แต่เผชิญหน้ากับปัญหาเล็กน้อยกลับไม่รู้ว่าควรจะแก้ไขอย่างไร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย