ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1

แม่ทัพมองใกล้ๆ และเห็นว่าดาบที่อยู่ตรงหน้าเหมือนดั่งข่าวลือจริงๆ มันมีแสงเย็นที่ส่องประกายระยิบระยับ ทั้งยังเฉียบคมมาก

ไม่ต้องพูดถึงว่าจะแข็งแกร่งหรือไม่ รูปลักษณ์ของดาบนี้ก็เหมือนกับภาพวาดที่น่าตกตะลึงที่คนทั่วไปได้เห็นทุกประการ

เมื่อดูที่ใบดาบแล้วจะเห็นร่องรอยแห่งวันเวลาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเห็นได้ว่ามีการใช้บ่อยเพียงใด

ชายตรงหน้าเขาคือเหมิงเอ้าอย่างไม่ต้องสงสัย

แม่ทัพกล่าวอย่างสุภาพว่า “ท่านเหมิงโปรดมาทางนี้เถิด”

การเรียกว่าท่านเหมิงเช่นนี้ ทำให้เหมิงเอ้ารู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่เคยคิดว่าจะถูกเรียกแบบนั้น มันฟังดูน่าอึดอัดใจจริงๆเข้าใจหรือไม่?

ทำไมคนผู้นี้ถึงไม่ฟัง?

บอกแล้วว่าอย่าให้เรียก ‘ท่านเหมิง ท่านเหมิง’ แต่ยังเรียกอีก

เหมิงเอ้ารั้งตัวเองและเอ่ยแก้อีกครั้ง “ท่านแม่ทัพ โปรดเรียกข้าว่าเหมิงเอ้าเถอะ”

แม่ทัพยิ้มและพูดว่า “ท่านเหมิงถ่อมตัวมาก ท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงรองจากท่านเซียว ไม่ดีหรือที่เรียกท่านด้วยนำหน้าชื่อเช่นนี้?”

ความหมายก็คือข้าแค่อยากเรียกท่านว่าท่านเหมิง

ช่างดื้ออะไรเพียงนี้!

เหมิงเอ้าจะพูดอะไรได้อีก?

เขาจำต้องปล่อยให้แม่ทัพเรียกตนตามใจชอบ

ในที่สุดตอนนี้เหมิงเอ้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเซียวเฉวียนถึงทำอะไรไม่ถูกเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเหมิงเอ้าและคนอื่นๆ คราแรก

ภายใต้คำแนะนำที่กระตือรือร้นของแม่ทัพ เหมิงเอ้าจึงได้มายังจวนแม่ทัพด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

จวนแม่ทัพนั้นเรียบง่ายมาก แทบจะไม่มีเครื่องเรือนเลย มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้บางตัวที่แสดงสัญญาณของกาลเวลา

ความหนาวเย็นในพื้นที่ชายแดนยังเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ประจำการอยู่ที่ชายแดนมานานหลายปี

เหมิงเอ้ามีบุคลิกที่ไร้กังวล เขาไม่แสดงความยับยั้งชั่งใจเลย แม่ทัพกล่าวว่า “ท่านเหมิง เชิญนั่งก่อน”

จากนั้นก่อนที่เสียงพูดจะจางหาย เหมิงเอ้าก็หาที่นั่งแล้วนั่งลงแล้ว

เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นเหมิงเอ้าจึงหยุดพูดอ้อมค้อม เขาตัดคำพูดที่สุภาพออกไปและตรงเข้าประเด็นทันที “ท่านแม่ทัพ ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของนายท่านของข้า”

“ตามข้อมูลที่เชื่อถือได้ ซินเจียงกำลังวางแผนที่จะโจมตีต้าเว่ยจากที่นี่ภายในสองวัน นายท่านจึงขอให้ท่านเตรียมตัวไว้ก่อน จากนั้นนายท่านจะส่งชุดอาวุธขั้นสูงให้ท่านเพื่อช่วยท่านพิชิตกองทัพซินเจียง”

เหมิงเอ้าเรียนรู้คำว่า ‘ขั้นสูง’ มาจากเซียวเฉวียน

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ แม่ทัพก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจว่า “ซินเจียงตั้งใจจะโจมตีต้าเว่ยจริงหรือ?”

แล้วข่าวลือที่แพร่สะพัดถึงค่ายทหารสมัยนี้จริงไหม?

ไม่น่าแปลกใจที่สายลับรายงานว่ามีการเปลี่ยนแปลงกองทัพในซินเจียง ปรากฏว่าพวกเขามีแผนนี้

ดียิ่ง!

หากซินเจียงกล้าโจมตีต้าเว่ย ทหารที่เฝ้าประตูน้ำมังกรจะทำให้พวกเขารู้ว่าการประเมินความสามารถของตนสูงเกินไปหมายความว่าอย่างไร!

แคว้นเล็กๆ อย่างซินเจียงกล้าเผชิญหน้ากับต้าเว่ยได้อย่างไร?

แม่ทัพตบหน้าอกแล้วพูดว่า “ท่านเหมิงโปรดวางใจ ข้าจะสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมและรอให้ท่านเซียวมา...”

“...เดี๋ยวก่อน ท่านหมายถึงท่านเซียวกำลังจะมาหรือ?”

การสนองตอบนี้ค่อนข้างเชื่องช้าไปสักหน่อย

“......” เหมิงเอ้าพูดไม่ออก

เมื่อเขาไม่ได้รับคำตอบจากเหมิงเอ้า แม่ทัพก็มองเหมิงเอ้าอีกครั้งด้วยดวงตาเป็นประกายและถามว่า “จริงหรือ? ท่านเซียวกำลังมาจริงหรือ?”

เหมิงเอ้าพยักหน้าและพูดว่า “จริง ไม่แน่ว่าท่านอาจจะมาถึงในเร็วๆ นี้”

ท้ายที่สุดแล้วเซียวเฉวียนมีความสามารถในการเคลื่อนย้าย

ไม่ว่าระยะทางจะไกลแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

แม่ทัพที่ได้รับการตอบกลับในเชิงบวกยิ้มกว้างจนมองไม่เห็นตา “ดี นี่เยี่ยมมาก!”

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใสบนใบหน้าของแม่ทัพ เหมิงเอ้าก็สับสนอยู่ครู่หนึ่ง “แม่ทัพไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่เรื่องสงครามในอีกสองวันหรอกหรือ?”

เขาไม่ควรกังวลเกี่ยวกับสงครามในอีกสองวันไม่ใช่หรือ?

แต่ตอนนี้เขาดูมีความสุขและมุ่งความสนใจไปที่การมาของเซียวเฉวียน

มันไม่เหมาะสมมากไม่ใช่หรือ?

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่ทัพก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่สำคัญหรอก ท่านเหมิงไม่ได้บอกว่าท่านเซียวกำลังมาหรือ?”

“เมื่อมีท่านเซียวอยู่ที่นี่ ย่อมไม่มีการต่อสู้ใดที่ไม่สามารถเอาชนะได้?”

“ฮ่าๆๆ!”

เขาเป็นคนลึกลับ!

......

พระราชวังซินเจียง

ในห้องหนังสือ

เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขาไม่อาจเฝ้าดูซินเจียงยั่วยุต้าเว่ยอย่างแข็งขัน ทั้งยังต่อต้านต้าเว่ยได้

ไม่สามารถเฝ้าดูราชินีดึงซินเจียงให้ตกอยู่ในสถานการณ์ภัยพิบัติชั่วนิรันดร์

ขุนนางคนหนึ่ง แม้ว่าเสียงของเขาจะแหบแห้งเล็กน้อย แต่ก็ยังแนะนำว่า “องค์ราชินี โปรดถอนรับสั่งเถิด ก่อนที่มันจะสายเกินไป ท่านควรถอนรับสั่งโดยเร็ว”

หลังจากผ่านไปสองวัน เมื่อทหารถูกส่งไปแล้ว จะไม่มีการหันหลังกลับ

ขุนนางคนอื่นๆ ต่างเอ่ยประสานจนเสียงก้อง “กระหม่อมเห็นด้วย!”

สำหรับเรื่องนี้ทำให้กลุ่มขุนนางไม่สามารถลิ้มรสอาหารได้เป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังนอนไม่หลับ เป็นเรื่องน่าเศร้าจนทั้งร่างซีดเซียว

อย่างไรก็ตาม ราชินียังคงตรัสอย่างเคร่งขรึม “ข้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว ศึกนี้ต้องสู้!”

ส่วนสาเหตุที่เราต้องสู้รบก็ยังเหมือนเดิม ก็คือ ณ เวลานี้เจ้าครองนครทั้งห้าในต้าเว่ยกำลังร่วมมือกันก่อกบฏ ซินเจียงไม่ควรพลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ และต้องใช้โอกาสนี้ เพื่อรับชิ้นส่วนของขนมชิ้นโต

ความทะเยอทะยานเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับกษัตริย์ตลอดทุกยุคสมัย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วยไม่ใช่หรือ?

ซินเจียงอาจไม่สามารถต่อกรกับต้าเว่ยได้

คงจะไม่เป็นไรถ้าท่านหยุดได้ถ้าท่านไม่อาจคว้ามา ปัญหาคือ ท่านทำไม่ได้ เมื่อท่านส่งกองกำลังออกไปแล้ว มีแนวโน้มมากที่จะนำหายนะมาสู่ซินเจียง!

แม้เรือจะผุพัง แต่ยังมีตะปูอยู่อีกสามจุด[1] ไม่ต้องพูดถึงว่าต้าเว่ยไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป และค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น

ทุกคนเห็นได้ชัดว่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ราชสำนักของต้าเว่ยมุ่งเน้นไปที่การจัดระเบียบและเปลี่ยนแปลงนโยบายของราชวงศ์ ปราบปรามเจ้าหน้าที่ทุจริต และความกระตือรือร้นในชีวิตของผู้คนยังสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

หากซินเจียงโจมตีต้าเว่ยในเวลานี้และทำให้เกิดการทำลายล้าง ต้าเว่ยจะตอบโต้ด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดอย่างแน่นอน และบางทีอาจใช้โอกาสนี้กัดกินซินเจียงและโจมตีพวกเขา

..........

เชิงอรรถ

[1] แม้เรือจะผุพัง แต่ยังมีตะปูอยู่อีกสามจุด (烂船尚且有三分钉) แปลว่า คนร่ำรวย แม้จะล้มลงหรือเกิดความลำบาก แต่ยังมีรากฐานที่มั่นคง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย