ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 1

นางเป็นดาบวิญญาณ เว่ยหงและเว่ยหยานย่อมไม่สามารถเอาชนะนางได้

ในกรณีนี้ควรหาโอกาสหลบหนีโดยเร็วที่สุด

ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา[1]

ในเวลานี้ ในที่สุดทั้งเว่ยหงและเว่ยหยานก็พบว่าหญิงสาวตรงหน้าพวกเขาคือลูกสาวของเซียวเฉวียนนามว่าเสี่ยวเซียนชิว

พวกเขาได้ยินมานานแล้วเกี่ยวกับชื่อเสียงของเสี่ยวเซียนชิว และมีข่าวลือว่านางเย็นชาและทรงพลังอย่างมาก แม้กระทั่งดาบที่ทรงพลังก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้

พลังของนางไม่ควรถูกมองข้าม และมันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างพวกเขาสามารถจัดการได้

ทั้งสามสิบหกกลยุทธ์[2] ยามนี้การหนีเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด!

ขณะที่พวกเว่ยหงทั้งสองกำลังคิดที่จะหลบหนี เสี่ยวเซียนชิวก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา “คิดหนีหรือ คิดเช่นนี้ไม่ดูก่อนเล่าว่ากำลังเผชิญหน้ากับผู้ใด! ฮึ่ม!”

แม้ว่าจะอ่านใจไม่ได้ แต่ตามความเข้าใจของเสี่ยวเซียนชิวเกี่ยวกับมนุษย์เหล่านี้ เมื่อพวกเขารู้ว่าไม่สามารถเอาชนะได้ สิ่งแรกที่พวกเขาคิดคือการหนี

การหนีใต้จมูกของเสี่ยวเซียนชิวจะง่ายขนาดนี้ได้อย่างไร?

เมื่อเสี่ยวเซียนชิวพูด นางยังจงใจขึ้นเสียงเพื่อให้ผู้คนในจวนฉินได้ยิน

พูดตามตรง เสี่ยวเซียนชิวเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ขี้เกียจเกินกว่าจะทำอะไร

เมื่อผู้คนจากจวนฉินออกมาล้อมทั้งสอง เสี่ยวเซียนชิวก็สามารถเก็บมือและดูอย่างเงียบๆ ขณะที่พวกเขาถูกจัดการได้

ตรงกับประโยคที่ว่า มันยากที่จะเอาชนะหมัดทั้งสี่ด้วยมือทั้งสองข้าง

ไม่ว่าคนสองคนนี้จะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขายังคงเป็นมนุษย์และมีจำนวนมากกว่า

เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวข้างนอก ใครบางคนจากจวนเซียวก็ออกมาทันทีเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ทันทีที่พวกเขาเห็นเสี่ยวเซียนชิวเผชิญหน้ากับเว่ยหงและเว่ยหยานผู้คนในจวนเซียวก็รู้ว่า เว่ยหงและเว่ยหยานมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นอาชญากรที่ต้องการตัวอย่างเว่ยหงและเว่ยหยาน

ยิ่งทั้งสองปลอมตัวมายิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ก็ไม่มีใครในจวนเซียวที่สามารถจำพวกเขาได้ ท้ายที่สุดพวกเขาไม่ค่อยได้กลับมาที่เมืองหลวง และแม้ว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่ค่อยแสดงใบหน้าของตนในที่สาธารณะ คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นพวกเขาเลย

เป็นเรื่องปกติที่จะไม่รู้จักพวกเขา

เมื่อพวกเขาเห็นใครบางคนมาสร้างปัญหา ผู้คนจากจวนเซียวก็นำกำลังเสริมมา และออกมาต่อสู้กับศัตรูทันที

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี เว่ยหงและเว่ยหยานก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพียงแค่เตรียมพร้อมที่จะวิ่งหนีเท่านั้น

เท่าที่ทั้งสองทราบ เสี่ยวเซียนชิวเชื่อฟังเซียวเฉวียนเป็นอย่างมาก

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สถานะของเซียวเฉวียนในใจของเสี่ยวเซียนชิวนั้นค่อนข้างสูง

วิธีเดียวที่จะหลบหนีได้ในตอนนี้คือใช้ลูกเล่นบางอย่าง

ดังนั้น เว่ยหงจึงมีความคิด เขามองไปทางด้านหลังเสี่ยวเซียนชิวด้วยท่าทีโกรธขึ้งและตะโกนว่า “เซียวเฉวียน! เอาชีวิตของเจ้ามา!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดูเหมือนเสี่ยวเซียนชิวจะคิดว่าเซียวเฉวียนกลับมาแล้วจริงๆ และอดไม่ได้ที่จะหันไปอย่างตื่นเต้น

บ้าเอ๊ย!

ชายชราสองคนนี้สามารถหลอกเสี่ยวเซียนชิวเช่นนี้ได้อย่างไร?

ทันใดนั้นความโกรธก็พุ่งขึ้นมาในหัวใจของเสี่ยวเซียนชิว นางหันศีรษะมาด้วยสายตาที่โกรธแค้น พร้อมที่จะเติมสีสันให้ทั้งสองคน แต่พบว่าพวกเขาไม่อยู่แล้ว

พวกเขาวิ่งเร็วมาก!

คาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่สามารถหลบหนีจากใต้จมูกของเสี่ยวเซียนชิวได้จริงๆ เสี่ยวเซียนชิวประมาทไปแล้ว!

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาถูกพบตัวแล้ว พวกเขาจึงรู้ว่าเสี่ยวเซียนชิวทรงพลังเพียงใด พวกเขาก็รู้ด้วยว่าจวนฉินจะเพิ่มมาตรการป้องกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้ามาที่จวนฉินเพื่อสร้างปัญหาอีก

นี่ถือได้ว่าเป็นความสงบสุขชั่วคราวสำหรับจวนฉิน

องครักษ์ของจวนเซียวที่รีบเข้ามา เห็นว่าเว่ยหงและเว่ยหยานหายไปแล้ว ไม่ต้องถามก็รู้ว่าพวกเขาหนีไปแล้ว

หัวหน้าองครักษ์ทักทายเสี่ยวเซียนชิวด้วยความเคารพ “คุณหนูเซียว”

เสี่ยวเซียนชิวระงับความโกรธบนใบหน้า และพูดอย่างใจเย็น “ไม่จำเป็นต้องสุภาพ”

องครักษ์ถามอย่างสงสัย “คุณหนู ท่านทราบไหมว่าสองคนเมื่อครู่คือผู้ใด”

พูดตามตรงเสี่ยวเซียนชิวไม่รู้ตัวตนของพวกเขาจริงๆ แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขามีกลอุบายสองประการกับจวนเซียวและจวนฉิน เสี่ยวเซียนชิวก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาตัวตนของพวกเขาขึ้นมา

“ถ้าดาบวิญญาณผู้นี้เดาถูก พวกเขาต้องเป็นเว่ยหงและเว่ยหยานแน่”

ในบรรดาเจ้าผู้ครองรัฐที่ก่อกบฏ มีสองคนที่หนีไปได้ และเสี่ยวเซียนชิวก็รู้เรื่องนี้

นางรู้ด้วยว่าคนสองคนที่หลบหนีนั้นฉลาดแกมโกงที่สุด

นางยังรู้ด้วยว่าเซียวเฉวียนต้องการให้ฉินเซิงไว้ชีวิตพวกเขาจนกว่าเซียวเฉวียนจะมาจัดการกับพวกเขาด้วยตนเอง

เหตุผลที่เสี่ยวเซียนชิวรู้เรื่องนี้ก็เพราะฉินเซิงบอกนาง

ฉินเซิงรู้ดีว่าหลังจากที่เว่ยหงและเว่ยหยานหลบหนี ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อสร้างปัญหาให้กับจวนเซียวและจวนฉิน

ฉินเซิงรู้สึกว่าด้วยทักษะและสติปัญญาของเว่ยหงและเว่ยหยาน ย่อมไม่มีใครจากจวนฉินที่สามารถฆ่าพวกเขาได้

“แค่เสริมการป้องกันให้ดีขึ้นก็พอแล้ว”

องครักษ์ตอบว่า “ใช่แล้ว คุณหนูเซียวพูดถูก!”

แม้ว่าเสี่ยวเซียนชิวจะไม่พูดอะไร แต่การเสริมสร้างการป้องกันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

พวกองครักษ์ยังคงคิดว่าจะพูดอะไรต่อดี แต่เสี่ยวเซียนชิวกลับห้าวหาญมาก นางหายตัวไปก่อนที่จะพูดอะไรต่อ

มาและไปอย่างไร้ร่องรอย

เร็วยิ่งกว่าลม

......

เซียวเฉวียนที่อยู่ห่างไกลถึงซินเจียง

เขาเพิ่งเก็บเกี่ยวผู้พรสวรรค์ได้อีกสี่คน

เขาซึ่งเฝ้าดูหมิงเจ๋อตายด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังหอคอยเหลียนเซียง

ตอนนี้มาถึงนี้แล้ว และเขาต้องการไปดูต้นเงินศักดิ์สิทธิ์[3]

ต้นเงินศักดิ์สิทธิ์ก็คือต้นเงิน แต่ตอนนี้เนื่องจากสงคราม กิจการของหอคอยเหลียนเซียงจึงดูสิ้นหวังมาก

เมื่อเซียวเฉวียนมาถึงประตูหอคอยเหลียนเซียง ชือหลิวนั่งอยู่บนโต๊ะหันหน้าไปทางประตู มือข้างหนึ่งจับคางด้วยความสับสน

จนกระทั่งร่างของเซียวเฉวียนเข้ามาในดวงตา นางก็ยังคงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นางจะตอบสนอง

ชือหลิวที่กำลังมึนงงตอบสนองอย่างเชื่องช้า

แม้ว่าเซียวเฉวียนจะยืนอยู่ตรงหน้านาง แต่นางก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง

นางบีบแขนอย่างไม่เชื่อแล้วร้องว่า “โอ๊ย!”

เจ็บ!

ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่ได้ฝันไป เซียวเฉวียนอยู่ที่นี่จริงๆ!

..........

เชิงอรรถ

[1] ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา (留得青山在才会有柴烧) แปลว่า ตราบใดมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง

[2] สามสิบหกกลยุทธ์ (三十六计) เป็นตำรารวบรวมกลยุทธ์ของจีนที่ใช้ในการเมือง การสงคราม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย