ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 101

"ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง...เขาไปแล้ว เรากลับกันเถอะ" คนรับใช้คนหนึ่งออกมาพูดอย่างระวังว่า "คนผู้นี้มีตาหามีแววไม่ อย่าไปถือสามันเลย"

เซียวเฉวียนรับเงินของเซียนกวีแล้ว พิสูจน์ได้ว่าเขาได้ถูกชักจูงโดยเซียนกวีแล้ว ตามกฏิกา เซียนกระบี่จะมายุ่งอีกไม่ได้

"เซียนกวีลงมือไวชะมัด" เซียนกระบี่ยิ้มเยาะ "บุคคลคนนี้ ฉันก็ต้องการ"

ไม่มีอะไรอื่น เซียวเฉวียนไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเหมือนเขา มีพลังและเลือดร้อนอยู่ในกระดูก เขาชอบ!

เซียวเฉวียนควรอยู่ร่วมกับเขาเพื่อพัฒนาฝีมือดาบของต้าเว่ย บทกวีจะเขียนได้ดีแค่ไหน จะดีเท่าใช้ดาบหรือ?

ผู้คลั่งไคล้บทกวีของต้าเว่ยไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เขาล้มเหลวในการชักจูงก้งเซิง

เพราะหลังจากที่เซียวเฉวียนได้เงินมาแล้ว เขาไม่เคยได้กลับไปเยือนจวนอ๋องเลย!

เซียวเฉวียนรับเงินมาหกหมื่นตำลึง แล้วก็จบกันเพียงเท่านี้?

ตกลงไว้ว่าจะถือเอาเซียนกวีเป็นเพื่อนรู้ใจกันล่ะ?

เซียนกวีตั้งท่าไว้รออยู่แล้ว รอเซียวเฉวียนมาขอพบ รอได้แต่ลมกระโชกที่เย็นยะเยือก

เซียวเฉวียนใจจดใจจ่อจะเดินทางไปยังสถานที่รวมตัวของไพร่คุนหลุน สถานที่นี้ตั้งอยู่ในมุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ห่างไกลที่สุดของเมืองหลวง มีชื่อเรียกว่าอ้านย้วน (ความหมายว่าแหล่งน้ำลึกที่มืดมิด)

ชื่อนี้ตั้งขึ้นโดยผู้รู้หนังสือ ชื่อนั้นมืดมิด นึกสภาพก็รู้ได้ว่าไพร่คุนหลุนนั้นเป็นที่รังเกียจแค่ไหน ฟังแล้วก็รู้ว่ามันเป็นสถานที่มืดสนิทมองไม่เห็นแสงอาทิตย์และท้องฟ้า

สถานะของไพร่ในยุคโบราณนั้นต่ำต้อยมาก แม้แต่ชื่อสถานที่อยู่อาศัยยังถูกผู้รู้หนังสือเอาตักอักษรที่แย่ที่สุดมาตั้งชื่อให้

แม้ว่าชื่ออ้านย้วนจะดูเศร้าหมอง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดาๆ หากเซียวเฉวียวและไป่ฉีเดินด้วยเท้าไปที่อ้านย้วน ต้องเดินทางเป็นเวลาสองวัน เมืองหลวงของต้าเว่ยกว้างใหญ่พอสมควร ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะหาซื้อม้าระหว่างทาง

หลายวันมานี้ เซียวเฉวียนใช้จ่ายเงินเหมือนเทน้ำ

ครึ่งหนึ่งของทองคำหนึ่งพันตำลึงที่จักรพรรดิทรงประทานให้นำไปชำระค่าเล่าเรียน ที่เหลือห้าร้อยตำลึงถูกใช้เพื่อจัดงานเลี้ยงในตึกหมิงเยว่

นี่คือทองคำล้วนๆ เซียวเฉวียนใช้เงินโดยไม่กระพริบตา ราวกับว่าทองคำเป็นเหมือนดั่งดินทราย

ถึงจะมีบ่อนพนันอยู่ในครอบครอง แต่ครั้งก่อนมีคนจำนวนมากทุบจวี้เป่าฟาง โต๊ะเก้าอี้และเครื่องใช้ต่างๆ พังไปหมด จวี้เป่าฟางยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมปรับปรุง ยังไม่ได้เปิดทำการ

ไม่เปิดทำการหมายความว่าไม่มีเงินหมุนเวียนเข้ามา ค่าจ้างของคนงานยังต้องจ่าย ทุกวันไม่มีรายรับ แต่รายจ่ายมีเป็นฟ่อนๆ

บ่อนพนันไม่เปิด เซียวเฉวียนไม่เดือดร้อนไม่ว่า อี้กุยให้เงินมาสองแสนห้าหมื่นตำลึง เขาก็ไม่ได้ขนไปไว้ที่บ้าน แต่ยังเก็บอยู่ในบ่อนพนัน

เซียวเฉวียนบอกว่า ตั้งแต่วินาทีที่ได้บ่อนมา เงินที่มีในปัจจุบันและเงินในอนาคตของบ่อนจะเป็นของไป่ฉีและอาสือ

พวกเขาสองคนจะใช้ ก็นำไปใช้ได้อย่างสบาย

ร่ำรวยข้ามคืน !

อาสือดีใจแทบคลั่ง! สิ่งแรกที่เขาทำคือทำตามคำสั่งของเซียวเฉวียน เยี่ยมชมร้านอาหารรสเลิศทุกแห่งในเมืองหลวง! กินดื่มเที่ยวให้สนุก สำราญใจให้เต็มที่

มีเพียงไป่ฉีเท่านั้น ที่ไม่ได้หยิบใช้เงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว

ไป่ฉีรู้ดีว่าเขาเดิมพันถูก นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ด้วยสถานะของเขา ถึงเดิมพันถูกเขาก็จะไม่ได้เงิน บ่อนพนันนี้ได้มาก็เพราะคุณชายอี้ยอมรับเจ้านายเป็นลุงปู่ ถึงยกบ่อนพนันนี้ให้มาอย่างง่ายดาย

ทั้งบ่อนและเงินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไป่ฉีและอาสือเลย แต่เจ้านายยกทั้งหมดให้เป็นของพวกเขา สำหรับค่าใช้จ่ายรายวัน เจ้านายไม่ได้มายุ่งกับบ่อนพนันแม้แต่นิด ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอามาจากเงินหกหมื่นตำลึงที่เขาได้มาจากขายบทกวี

ทุกคนกล่าวหาว่าเจ้านายซึ่งเป็นลุงเขยของตระกูลฉิน เต็มไปด้วยความยากจนคร่ำครี ไป่ฉีคิดว่าหลังจากเซียวเฉวียนร่ำรวยในชั่วข้ามคืน เขาจะหาความสุขใส่ตัวอย่างเต็มที่ แต่ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่เขาไม่หาความสุขใส่ตัว เขายังมองว่าทรัพย์สินเงินทองนั้นเป็นแค่ดั่งมูลสัตว์

เจ้านายพูดอย่างใจป้ำ เงินทองใช้หมดแล้วเดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่ ควรนำไปใช้และนำไปจ่ายบ้าง

ยัง เขายังใช้เงินตั้งหกร้อยตำลึงซื้อม้าทั้งหมดในคอกม้าอีก และสั่งให้คนคุ้มกันพวกเขาไปตลอดทางด้วย

วันนี้ได้ลูกค้ารายใหญ่มามีเงินเข้ามากมาย คนขายม้าร่างใหญ่ดีใจมาก แต่พอเขาได้ยินว่าจะให้นำม้าไปส่งที่อ้านย้วน เขาก็ปฏิเสธอย่างขันแข็ง

สถานที่นั่นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับพ่อค้า พวกเขาคิดว่าอเวจีอันมืดมิดเป็นที่อับโชคมาก ถ้าโชคร้ายติดเสื้อผ้า จะกำจัดมันไม่ออก คุณก็จะโชคร้าย พวกพ่อค้าจึงไม่อยากไปที่นั่น

ไป่ฉีรู้สึกงงงวย "เจ้านาย ทำไมซื้อม้ามากมายขนาดนี้?"

”นี่เป็นครั้งแรกที่ไปบ้านคุณ ไม่ต้องเอาของขวัญไปด้วยเหรอ?”

ม้า ชาวบ้านทั่วไปไม่มีปัญญาซื้อม้าได้ มีแต่พวกลูกหลานผู้มีตระกูลเท่านั้นที่สามารถใช้ม้าได้ ของขวัญส่วนนี้หนักหนาเกินไป

แต่ผู้ขายไม่เต็มใจที่จะนำไปส่งให้ ไป่ฉีที่ดีใจตอนแรกรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ระหว่างเขากับเจ้านายมีช่องว่างของสถานะ แม้ว่าเขาได้มาเป็นผู้อารักขา แต่คนเหล่านี้ก็ยังดูถูกไพร่คุนหลุน

”นายท่าน สถานที่ตรงนั้นไปไม่ได้จริงๆ! พวกเราค้าขาย นอกจากหาเงิน ก็ตองหาสิ่งมงคลด้วย ขอเพียงให้มีความสงบสุข”

เดิมทีเซียวเฉวียนอารมณ์ดีและไม่ต่อรองราคากับเขา เขาขอเงินหกร้อยตำลึงและเขาก็ตกลงให้เลย

แต่แล้วเขาไม่ยอมส่ง? ม้าเหล่านี้จะจดจำคน ไม่ใช่คนรู้จัก จะไม่ยอมให้ขี่ง่ายๆ ไม่งั้นเซียวเฉวียนคงไม่คิดจะใช้เขาหรอก

ม้าราคาประมาณยี่สิบห้าถึงห้าสิบตำลึง เท่ากับ 50,000 ถึง 100,000 หยวนในยุคปัจจุบัน

พ่อค้าม้าเปลี่ยนสีหน้าทำท่ารังเกียจบนใบหน้าทันที เร่งลงมือเตรียมการทุกอย่างเพื่อทำงานต่อไป

สีหน้าของไป่ฉีผ่อนคลาย และเซียวเฉวียนเลิกคิ้วขึ้นมองเขา "พ่อค้าให้ความสำคัญกับกำไร เงินสามารถปลุกผีขึ้นมาโม่แป้งได้ หลายสิ่งหลายอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน อย่าไปคิดอะไรมาก ที่บ้านเกิดของฉัน เงินสามารถแก้ปัญหาได้เก้าสิบส่วนร้อย ต้าเว่ยพวกคุณพิเศษหน่อย เป็นโลกที่ใช้อำนาจ เงินสามารถแก้ปัญหาได้เพียงครึ่งเดียว แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับคุณที่จะแก้ปัญหาโดยส่วนใหญ่"

”ครับ เจ้านาย ไป่ฉีจะจดจำไว้”

ไป่ฉีกระโดดขึ้นหลังม้า พ่อค้าม้าเมื่อกี้ยังมีสีหน้าเล็กน้อยต่อหน้าไป่ฉี เมื่อเห็นเซียวเฉวียนคุยกับเขาเยี่ยงพี่น้อง ปากของเขาก็ฉลาดมากขึ้น “คุณพี่ คุณมีสายตาดีมาก นอกจากเจ้าม้าของนายท่านแล้ว ม้าของคุณก็ฝึกมาดีที่สุด!"

ไป่ฉีรู้สึกเสียดายและกระซิบว่า "เจ้านาย หนึ่งพันสองร้อยตำลึงแพงเกินไปแล้ว"

เซียวเฉวียนยื่นมือออกและตบหัวของเขา "ฉันสอนอะไรคุณไว้ ลืมอีกแล้วเหรอ? พูดออกมาดังๆ !"

”วันนี้มีสุราก็เมาให้เต็มที่ในวันนี้เถอะ เงินทองใช้หมดเดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่!”

นี่คือบทกวีที่เซียวเฉวียนบังคับให้เขาท่องจำ โดยกล่าวว่าจะเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจ ต้องเริ่มต้นจากวิธีคิดก่อน

เซียวเฉวียนหัวเราะเสียงดัง "นี่สิลักษณะที่ควรมีของจอมยุทธ! เงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณอีกต่อไป!"

หลังจากได้ยินเช่นนี้ พ่อค้าม้าก็จ้องไปที่เซียวเฉวียนอย่างงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง เงินทองใช้หมดเดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่ นี่มันช่างอาจหาญอะไรเช่นนี้?

”นายท่าน ท่านยังขาดคนอยู่ไหม? ผู้น้อยก็เป็นผู้อารักขาได้!” พ่อค้าม้าคิดว่าไป่ฉีเป็นเพียงยามธรรมดา พอเห็นเซียวเฉวียนใจกว้างขนาดนี้ เขาก็อดคิดไม่ได้

”ไม่ขาด” เซียวฉวนพูดเฉื่อยๆ น่องของเขาหนีบตัวม้า “ไป!”

คนสามคนและม้าสิบสองตัว ม้ายกเกือกห้อตะบึง รุกหน้าไปอย่างเหิมเกริม

ตอนซื้อม้า ที่ข้างๆ มีชายผู้หนึ่งถือดาบและยืนพิงกำแพงด้านนอกอยู่เสมอ

เขายังอุตส่าห์ยืนพิงอยู่ที่ตำแหน่งกระจ่างแจ้ง ในลักษณะซึ่งผู้คนออกประตูไปจะต้องมองเห็นอย่างแน่นอน

เขาคิดว่าเซียวเฉวียนสามารถเห็นเขาได้

แต่แล้ว เซียวเฉวียนควบม้าวิ่งไปเลย และคราวนี้เขาไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขา

เขากำลังจะตะโกนเสียงดัง แต่ฝูงม้ากวาดฝุ่นขึ้นมาฟุ้งไปหมด กลบปากของเซียนกระบี่เต็มไปด้วยดิน

เซียวเฉวียน!

เขาโมโหจนกำหมัดไว้แน่น!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย