ฉินซูโหรวไม่อยากจะเชื่อ "พวกเขาเจ็บจนสมองเบลอ ถึงได้บอกอย่างนี้หรือเปล่า?"
เด็กรับใช้ส่ายหน้าอย่างอึดอัดใจ “พวกเขากำลังรับการรักษาจากหมอ ดูเหมือนสติดีอยู่ครับ”
ฉินซูโหรวไม่เชื่อ
เธอไม่เพียงแต่ไม่เชื่อ เธอยังสงสัยว่าสองคนนี้ถูกเซียวเฉวียนซื้อตัวไปแล้ว
”ฉันจะไปถามเอง!” ฉินซูโหรวยกมุมกระโปรงขึ้นแล้วสั่งว่า “ดูแลลุงเขยให้ดีๆ อย่าให้ไอ้นี้หนีไปได้!”
เธอหันศีรษะไปมองเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าเคียดแค้น เซียวเฉวียนไม่ยอมรับข้อเสนอสงบศึกของเธอ ศักด์ศรีอันสูงส่งของเธอบุบสลาย
ความแค้นทั้งเก่าและใหม่ถาโถมเข้าใส่หัวใจของเธอ เธอหาเหตุผลมาลงโทษเขาไม่ได้ เธอทำใจไม่ได้!
น่าเสียดายที่ความปรารถนาของฉินซูโหรวไม่บรรลุผล
ผู้รอดชีวิตสองคนเล่าเรื่องความเป็นไปทั้งหมด ความแข็งแกร่งและความบ้าคลั่งของทหารม้าเหล่านั้นฟังจนฉินซูโหรวตัวสั่นด้วยความกลัว แม้เธอจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เธอก็สามารถจินตนาการได้ถึงความโหดร้ายรุนแรงของการสู้รบ
นายทหารย้ำเป็นพิเศษว่า ถ้าลุงเขยไม่เกณฑ์ไพร่คุนหลุนมาช่วยยันจนกว่ากองกำลังเสริมของจักรพรรดิมาถึง พวกเขาทั้งหมดจะต้องตาย และคุณชายใหญ่ก็กลัวว่าจะไม่รอดชีวิต
ฝ่าบาทมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ?
”พวกคุณถูกเซียวเฉวียนซื้อตัวไปหรือเปล่า?”
ฉินซูโหรวกัดฟัน เธอไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่ามีเพียงเซียวเฉวียนที่ถอนตัวกลับอย่างงดงาม คนอื่นๆ ล้วนได้รับความสูญเสียมากมาย
หากนี่เป็นจริง...
เซียวเฉวียนมีสติปัญญาสูงส่งระดับไหน?
สามารถรักษาตัวให้ปลอดจากภยันตรายในการสู้รบที่ดุเดือดเยี่ยงนี้ พี่ชายยังทำได้ไม่ดี แต่ทำไมเขาถึงทำได้?
”คุณหนู พวกเราเป็นคนของตระกูลฉิน เราจะโกหกคุณหนูได้อย่างไร” นายทหารสองคนถูกเธอกล่าวหาเช่นนี้ จึงรู้สึกอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง
”พวกคุณปกป้องพี่ชายฉันไม่ดี ขาดความสามารถขนาดนี้ รอการพิจารณาโทษก็แล้วกัน!”
ฉินซูโหรวหันตัวกลับอย่างหงุดหงิดและเดินจากไป นายทหารทั้งสองมองหน้ากันและส่ายหัว พวกเขาทำดีที่สุดแล้วจริงๆ......
ฉินซูโหรวไม่ได้โกรธที่นายทหารไร้ความสามารถ สิ่งที่เธอโกรธจริงๆ คือเซียวเฉวียนแสดงออกดีกว่าพี่ชายของเธอ!
เธอแอบรู้สึกไม่ยอมแพ้ในใจส่วนลึก
แต่ก่อน เธอคิดว่าเซียวเฉวียนเป็นนักวิชาการอ่อนแอ ซึ่งมีพรสวรรค์หน่อยๆ ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
แต่ตอนนี้เขามีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ เลอเลิศกว่าผู้รู้หนังสือและนักวิชาการหลายคน หากเขาสอบได้จ้วงหยวนอีกครั้งและขึ้นเป็นคนในราชสำนัก อย่าว่าแต่คู่ควรกับเธอ ถ้าเขายังไม่แต่งงาน ให้จับคู่กับองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ก็ยังได้เหลือๆ
เธออดไม่ได้...... หัวใจเธอเต้นแรง
หัวใจเต้นแรงไปชั่วขณะ ฉินซูโหรวระงับความคิดนี้ทันที น่าละอาย... เขาเป็นแค่เขยที่แต่เข้ามาบ้าน!
ฉินซูโหรวตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ และพูดกับตัวเองว่า "ไม่จริง สองคนนี้ต้องถูกซื้อตัวมาแน่"
เธอกระทืบเท้า มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊แล้วยังไง ไร้อำนาจไร้อิทธิพล ยังไงก็ไม่คู่ควรกับเธอ!
กลิ่นยาอบอวลไปทั่วจวนฉิน และทุกคนก็ยุ่งงานจนถึงวันรุ่งขึ้น เฝ้าดูอาการฉินเฟิงตลอดทั้งคืน
ไม่มีใครกล้าที่จะหลับตา ทั้งจวนมีเพียงเซียวเฉวียนคนเดียวที่หลับไปตลอดทั้งคืน
เมื่อเขาลืมตาขึ้นแสงแดดสว่างจ้าส่องเข้ามาในห้อง เขาอ้าปากหาว ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นเขาก็ตกใจกับกลุ่มคนที่อยู่ต่อหน้าของเขา
คนรับใช้ประมาณสิบกว่าคนได้รับคำสั่งให้คอยเฝ้าดูเขา ทุกคนประกอบด้วยขอบตาสีดำๆ สองวง สีหน้าคล้ำหมอง ยืนระเกะระกะ ดูเหมือนไม่ได้หลับตามาตลอดทั้งคืน
เซียวเฉวียนยืนขึ้นและก้าวไปหนึ่งก้าว พวกเขาก็ก้าวตามไปหนึ่งก้าว
เซียวเฉวียนกินอาหาร พวกเขาได้แต่จ้อง
ดื่มน้ำ พวกเขาได้แต่จ้อง
เมื่อไปที่กระท่อมเพื่อปล่อยทุกข์ พวกเขาก็ยืนล้อมกระท่อมไว้ กลัวเขาจะแอบหนี
“พวกคุณไม่กินไม่ดื่ม ตามข้าอยู่ทำอะไรนี่?”
เซียวเฉวียนแกล้งถามด้วยความสงสาร
“ลุงเขย นี่เป็นคำสั่งของคุณหนู”
"ทำเพื่ออะไรอะ?" เซียวเฉวียนรู้ว่ามีเพียงฉินซูโหรวเท่านั้นที่สามารถนึกถึงพฤติกรรมโง่ๆ แบบนี้ได้ แต่เขาคิดไม่ออกว่าทำไม
โกรธเพราะพี่ชายได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เป็นภัยที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ไม่พอใจเพราะตระกูลฉินรับรู้แล้วว่า เซียวเฉวียนนั้นเก่งกาจเยี่ยงมนุษย์ในหมู่มังกร แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับก็ตาม
ตระกูลฉินได้ปลูกฝังฉินเฟิงมาหลายปี แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ดีเท่าเด็กที่มาจากครอบครัวยากจน
ตระกูลฉินที่หยิ่งจองหองมาตลอดไม่สามารถยอมรับได้ ท่านยายฉินก็คิดไม่ออกว่าเซียวเฉวียนเก่งเกินไปหรือหลานชายของตัวเองด้อยกว่าเขา?
ที่เซียวเฉวียนไปก่อเหตุสู้รบกันในอ้านย้วนนั้น ท่านยายฉินได้คิดต้นสายปลายเหตุแล้ว เข้าใจถึงสาเหตุที่อยู่ภายใน แม้ว่านางจะไม่รู้จักเซียวเฉวียนดี แต่นางเป็นคนที่เคยเฝ้าดูองค์จักรพรรดิเติบโตมา
เมื่อผู้รอดชีวิตทั้งสองบอกท่านยายฉินเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านไป ท่านยายเน้นถามถึงเวลาที่กำลังเสริมของจักรพรรดิมาถึงเมื่อไหร่
ไม่เร็วและก็ไม่ช้า ถ้าถึงเร็ว เซียนกระบี่จะไม่ถูกยุแหย่ให้โกรธ
ถ้ามาถึงช้า ฉินเฟิงและเซียนกระบี่จะต้องตายอย่างแน่นอน
หลังจากกำลังเสริมของจักรพรรดิกลับไปแล้ว กำลังเสริมของหวางเก๋อค่อยมาถึง เจอแต่สนามรบที่ผ่านการต่อสู้เสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว
เขาสมรู้ร่วมคิดกับองค์จักรพรรดิ ยิงนกสามตัวด้วยหินก้อนเดียว แม้แต่ท่านยายฉินก็อดทึ่งไม่ได้กับแผนการดังกล่าวซึ่งแนบเนียนอย่างเทียบกันไม่ติด
เมืองหลวงจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
อคติเป็นภูเขาในใจคนยากที่จะเปลี่ยนแปลง อคติเชื่อมติดกล้ามเนื้อกับกระดูก ถ้าจะเอาภูเขาลูกนี้ออก เนื้อกระดูกจะต้องแตกหักแน่นอน
การกระทำของเซียวเฉวียนทำลายอคติในใจของตระกูลฉินอย่างดื้อๆ ทำให้พวกเขาเจ็บปวดยิ่งนัก
ความเจ็บปวดในความฝันของฉินเฟิง มีเซียวเฉวียนสถิตอยู่บนเบื้องสูงๆ โน้น
เซียวเฉวียนจ้องมองเขาอย่างใจเย็นและหยิ่งผยอง เยาะเย้ยความเย่อหยิ่งและฝีมือที่อ่อนหัดของเขา
"คุณสู้ไม่ได้แม้แต่ทหารม้าคนหนึ่ง จะมีคุณสมบัติอะไรมาคู่ควรกับดาบฉุนจวีนที่สูงศักดิ์ไร้เทียมทาน" พูดจบ เซียวเฉวียนก็ยื่นมือออกมา
"อ๊ะ!" ฉินเฟิงตะโกนในความฝัน เหงื่อออกซิบๆ และตื่นขึ้นในทันใดนั้น
ทุกคนดีใจ "คุณชายใหญ่ฟื้นแล้ว!"
ฟื้นก็ดีแล้ว เซียวเฉวียนกอดอก รอให้ฉินเฟิงอธิบายเสร็จ เขาก็ทวงคืนดาบฉุนจวีนของคุณพ่อแล้วออกจากจวนฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...