ระมัดระวัง?
ความระมัดระวังไม่ได้ทำให้คนมีชีวิตอยู่ได้
ความแข็งแกร่งต่างหาก ที่จะทำได้
เซียวเฉวียนชี้ไปด้านหลังเขา ตั้งแต่วันนี้ไป รวมถึงไป่ฉีด้วย เขามีผู้อารักขาสิบสองคน
พรุ่งนี้ ตระกูลเซียวจะนำแม่และน้องสาวของไป่ฉี รวมถึงไพร่คุนหลุนอีกสิบเอ็ดคนไปย้ายเข้าสำมโนครัวบ้านเซียว
สวีซูผิงคิดว่าเขาดื่มมากเกินไปในวันนี้และได้ยินผิดไป "คุณ... คุณอยากจะย้ายคนจำนวนมากขนาดนี้เข้าสำมโนครัวเหรอ?
อี้กุยและเหวินฮั่นก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
”ต้าเว่ยมีจำกัดจำนวนผู้อารักขาหรือ?” เซียวเฉวียนถามด้วยความสงสัย
”เรื่องจำกัดไม่มีหรอก” สวีซูผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แต่ไม่เคยมีผู้รู้หนังสือคนไหนรักสะสมไพร่คุนหลุนเหมือนเซียวฮุ่ยหยวนนี่นา”
ยิ่งไปกว่านั้น การเลี้ยงดูไพร่คุนหลุนต้องใช้เงินมากด้วย!
เงินมากมายมหาศาล!
เลี้ยงดูไพร่คุนหลุนคนหนึ่ง สำหรับผู้รู้หนังสือทั่วไปยังพอจะรับไหว เลี้ยงดูตั้งสิบสองคน มันเปลืองเงินมากเกินไป!
ไพร่คุนหลุนจะเป็นผู้อารักขาได้ ต้องมีการฝึกซ้อม อาวุธ ม้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายมหาศาล!
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเลี้ยงดูไพร่คุนหลุนได้!
"ไม่เป็นไร ฉันเลี้ยงไหว" เซียวเฉวียนจะขาดแคลนเงินได้อย่างไร? ทองคำกองเป็นภูเขา เงินกองเป็นภูเขา เขายื่นมือก็หยิบได้แล้ว!
สวีซูผิงเริ่มบ่น "คุณยืนกรานจะทำ ฉันก็จะไม่ห้ามคุณ แต่มันเปลืองเงินจริงๆ ฉันยังไม่คิดอยากจะเลี้ยง วันนี้ที่กระทรวงการคลังงานยุ่งจริงๆ ไม่เคยเห็นคนมากขนาดนี้พาไพร่คุนหลุนมาเข้าสำมโนครัว ที่ฉันมางานเลี้ยงคุณวันนี้ ฉันต้องลางานหนึ่งวัน ไม่รู้ว่าจะถูกหักเงินเดือนไปเท่าไหร่”
ปากของสวีซูผิงกำลังพูดพล่อยๆ เหวินฮั่นยิ้ม “เอาล่ะ ดึกแล้ว แยกกันกลับเถอะ”
”เฮ้ ดี ดี ดี!” สวีซูผิงถือบะหมี่ที่เซียวเฉวียนแจกมาให้ “นี่หมี่อะไรของคุณ ทำไมมันถึงมีกลิ่นหอมจัง ยังมีผักกาดดองมาให้ด้วย?”
”นี่เป็นหมี่ทอดน้ำมัน กลับบ้านแล้ว นำไปแช่ในน้ำเดือดสักนิด เติมน้ำมันเจหน่อยก็กินได้แล้ว”
“เหร่อ? อัศจรรย์อย่างงี้หรือ?” ดวงตาเมามายของสวีซูผิงสว่างขึ้น
”ที่บ้านเกิดผมเรียกว่าบะหมี่รสเปี้ยวผักกาดดองเหล่าถาน ลองชิมดูครับ”
นี่เป็นบะหมี่ที่เซียวเฉวียนสั่งให้ตึกหมิงเยว่ทอดไว้ล่วงหน้า ส่วนผสมก็พยายามจัดให้ใกล้เคียงกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยุคสมัยใหม่มากที่สุด
เพื่อทอดบะหมี่เหล่านี้ ตึกหมิงเยว่ต้องขนน้ำมันที่เก็บไว้ทั้งหมดออกมา เจ้าของร้านเจ็บเนื้อมากจนเลือดจะออก
เซียวเฉวียนบอกเขาว่า ต่อไปนี้ตึกหมิงเยว่สามารถสร้างรายได้มากมายโดยอาศัยบะหมี่นี้ เจ้าของร้านได้แต่เชื่อในขณะนั้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยไม่ให้เขาเลือดออกเพราะเจ็บเนื้อได้
ถูกต้อง แม้ว่าเซียวเฉวียนจะชอบอาหารเสียบไม้ บาร์บีคิว จิ้มจุ่มหมาล่า และหม้อไฟ แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาจึงตัดสินใจเสียสละยอดอาหารเลิศรสสำหรับมื้อยามดึกของชายเฝ้าบ้านทั้งหลายให้กับต้าเว่ย นั่นก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป !
เซียวเฉวียนจะใช้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นก้าวสำคัญในการเปิดต่อมรับรสของคนโบราณก่อน!
สวีซูผิงสูดจมูกอีกครั้ง กลิ่นหอมฉุน!
"ทันทีที่คุณได้กลิ่นก็รู้ว่ามันเป็นอาหารอันโอชะในโลกนี้ ไม่ใช่ของธรรมดา ต้องเป็นคนรวยถึงจะกินได้ ขอบคุณมากหลาย ซูไปได้โชคที่ไหนมาถึงได้พบกับคนใจกว้างอย่างเซียวฮุ่ยหยวน! "
"ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องเกรงใจ!" เซียวเฉวียนยิ้มๆ ฟันขาวของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและอิ่มอกอิ่มใจ
สวีซูผิงและเหวินฮั่นจากไปก่อน เหวินฮั่นอายุมากแล้ว ตัวสั่นเงอะงะตอนขึ้นไปบนรถม้า
เซียวเฉวียนรีบไปพยุงเขาอย่างไว “คุณครู ค่อยๆ “
เหวินฮั่นมีน้ำตาไหล “ขอบคุณ......”
เขารู้อยู่แล้วว่าเซียวเฉวียนขอร้องให้ฝ่าบาทเปิดโรงเรียนชิงหยวนออกสู่คนทั่วไป ซึ่งเป็นความปรารถนาในตลอดชีวิตของเขา จะเปิดหรือไม่เปิดนั้น ต้องรอให้เซียวเฉวียนสอบได้จ้วงหยวนแล้ว ทางโรงเรียนชิงหยวนถึงเปิดดูราชโองการลับได้
เซียวเฉวียนเข้าใจ ขณะที่พยุงตัวเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ศิษย์จะได้จ้วงหยวนอย่างแน่นอน ปีหน้า โรงเรียนจะสามารถรับสมัครนักเรียนได้ในฤดูใบไม้ผลิ คุณครูก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”
มือของเหวินเจี้ยวยวี่สั่นสะท้าน จับมือของเขาไว้ “ขอบคุณ ขอบคุณ”
เขาเปี่ยมด้วยคุณธรรมและบารมี เขาเป็นอาจารย์แท้ๆ ของจักรพรรดิ แต่เขาคงยังกล่าวคำขอบคุณต่อชายหนุ่มเซียวเฉวียนโดยไม่ละเว้น
ร่างกายของเหวินฮั่นสั่นไปทั้งตัว ในร่างกายวัยชรา ความไม่สมใจและความปรารถนาที่สั่งสมมานานหลายปีดูเหมือนกำลังผลุดโผล่อย่างโหมกระหน่ำ
ในต้าเว่ย เหวินฮั่นคือบุคคลอันดับหนึ่งที่เซียวเฉวียนให้ความเคารพอย่างแท้จริง เหวินฮั่นสามารถอยู่ที่ตำแหน่งสูงๆ ได้โดยไม่สนใจใยดีกับใคร แต่เพื่อให้ประชาชนทั่วไปอ่านออกเขียนได้ เขาคิดเรื่องนี้มาตลอดชีวิต จนความพยายามนั้นแทบจะเหือดแห้งหมดสิ้น
อี้กุยมองดูรถม้าของเหวินฮั่นออกไปอย่างเงียบๆ “ลุงปู่ วันนี้จูเหิงมาที่นี่ ลุงปู่เห็นไหม”
เซียวเฉวียนพยักหน้า จูเหิงส่งเสียงดังมากที่หน้าตึกหมิงเยว่ แม้แต่คนตาบอดก็ยังรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่น
อี้กุยดูออกว่าเซียวเฉวียนเป็นคนนิสัยบ้าระห่ำ และเขาก็บ้าได้ ลุงปู่สามารถฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอยด้วยปากกาไม่เคยเห็นใครสำคัญอยู่ในใจ แม้แต่จักรพรรดิ ก็อาจเป็นเพียงคนธรรมดาในใจของเขา
ผู้คนที่มาจากสถานที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่หรือลุงปู่ ดูเหมือนจะไม่เคยเอาชาวต้าเว่ยไว้อยู่ในใจ
"เหรอ......"
”เห็นเจ้ากังวลอะไรเปล่าๆ อยู่ทุกวัน สองวันนี้ ทำธุระอย่างหนึ่งให้ฉันหน่อยสิ”
”ลุงปู่สั่งมาได้เลยครับ”
"ฉันจะหาซื้อบ้านหลังใหญ่หันหน้าเข้าหาถนนเพื่ออยู่อาศัยและเปิดร้านอาหาร" คนในบ้านเพิ่มขึ้นมาก จักรพรรดิ์ก็ให้เงินมามากมาย จึงเป็นเรื่องปกติน่าจะหาซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ เพื่ออยู่อย่างสบายๆ ให้ดูสง่ามีราศีสักหน่อย
”อ้าว? ลุงปู่มีทะเบียนกาค้าหรือ?” อี้กุยคลางแคลงใจมาก ทะเบียนการค้าขอยากมาก ลุงปู่มีได้ยังไง?
”ถ้าสอบได้จ้วงหยวน ก็จะได้ทันที” เซียวเฉวียนยิ้มๆ เขาได้ทำข้อตกลงกับเฉาสิงจือไว้แล้ว
”ลุงปู่อยากได้บ้านใหญ่แค่ไหน?”
”ให้มันใหญ่กว่าจวนตระกูลฉินก็พอ”
"อา?" อี้กุยผงะ จวนฉินเป็นตระกูลนายพลและคฤหาสน์นั้นได้รับประทานให้โดยจักรพรรดิ จวนฉินนั้นใหญ่มากจนติดหนึ่งในห้าอันดับต้นๆ ในเมืองหลวงด้วย!
”มีปัญหาอะไรหรือ?” เซียวเฉวียนเห็นเขาประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง ฉันมีเงินพอ”
มันเกี่ยวกับเงินเหรอ?
”ลุงปู่ ทำอย่างนี้มันจะโอ้อวดไปหน่อยหรือเปล่า?”
”หลังจากซื้อบ้านแล้ว” เซียวเฉวียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ให้ขึ้นป้ายไว้ คฤหาสน์ตระกูลเซียว”
อี้กุยสะดุ้ง ที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเซียวเฉวียนถึงทำเช่นนี้
ตระกูลเซียวตกอับ หลังจากย้ายออกจากเมืองหลวงไป ก็ไม่มีจวนเซียวเหลืออยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป
เซียวเฉวียนกำลังจะสถาปนาคฤหาสน์อีกครั้ง!
การสถาปนาคฤหาสน์ แสดงให้เห็นว่าตระกูลเซียวกลับมาอย่างแท้จริง!
แต่ตำแหน่งจ้วงหยวนนั้นมันจะได้มาง่ายขนาดนั้นหรือ?
อี้กุยเตือนเซียวเฉวียนว่า "ลุงปู่ รู้ไหมว่าในหมู่ก้งเซิงครั้งนี้ มีคนหนึ่งที่มีความสามารถไม่ด้อยไปกว่าลุงปู่? เขาเป็นรองแค่ลุงปู่ในการสอบ เขาเก่งที่สุดในการเขียนพู่กัน และตอบวิชาเลขถูกห้าข้อ"
นอกจากเซียวเฉวียนแล้ว คนนี้ก็จะเป็นตัวเลือกที่สองของตำแหน่งจ้วงหยวน เป็นเพราะคะแนนของเซียวเฉวียนดีเกินไป จึงไม่มีใครสนใจเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...