ท่านยายฉินรอคอยหลานสาวอยู่ตลอดเวลา พอได้ยินมีเสียงเคลื่อนไหวจึงค้ำไม้เท้าออกมา “ทำไมโหรวเอ๋อไปอยู่ข้างนอกดึกๆ ดื่นๆ ถึงกลับมา?”
ฉินซูโหรวหันศีรษะมา หน้าตาโสมมผมเผ้ารุงรัง ท่านยายฉินเห็นแล้วตกอกตกใจ
เธอรู้สึกน้อยใจยิ่งนักกำลังจะร้องกล่าว ด้วยขี่บนหลังม้ากระแทกมาตลอดทาง เธอกลั้นเอาไม่อยู่จึง “โอ้ก” อ๊วกออกมาใส่ร่างท่านยายฉินเต็มตัว
ท่านยายฉินสะดุ้งหน้าซีด หลบตัวไม่ทัน สิ่งโสโครกราดตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่งกลิ่นบูดเหม็นหึ่งไปทั่ว
“โหรวเอ๋อ เจ้า……” ท่านยายฉินหลับตาสนิท กำลังจะตำหนิเธอ เอาฮึ เอาฮึ หลานสาวเราเอง !
“ไอ้หยา! ” เซียงหมิงมาเห็นเข้า จึงรีบเรียกคนมาดูแลและเก็บกวาด จวนฉินจึงวุ่นวายไปพักใหญ่อีก
กลางดึกในเมืองหลวงเงียบสงบ ฝนตกไม่หยุด
ต้าเว้ยไม่มีกฎห้ามออกนอกเคหสถานช่วงกลางคืน อนุญาตให้ผู้คนออกข้างนอกได้ เพียงแต่ถึงเวลาแล้ว จะมีคนเดินถนนน้อยลงมาก
เซียวเฉวียนกำลังอารมณ์ดีจึงแล่นด้วยความเร็วไปตามถนนที่ว่างเปล่าที่มีผู้คนขวักไขว่ในอดีต มีไป่ฉีและเหมิงเอ้าตามมาอยู่ด้านหลัง
ตอนที่เหมิงเอ้าอยู่ที่อ้านย้วน เขาและไป่ฉีสนิทกันมากและโตมาด้วยกัน
หลังจากที่ไป่ฉีได้มาเป็นผู้อารักขา เหมิงเอ้าก็ชื่นชมมาก คิดไม่ถึงว่าในเวลาอันสั้น เขาก็ได้หนีออกจากอ้านย้วน และได้มาติดตามผู้เป็นเจ้านายคนเดียวกันด้วย
“พี่ไป่ ทำไมเจ้านายถึงร่าเริงใจขนาดนี้? ”
“คงเป็นเพราะเรื่องหย่ากับเมียกระมัง”
หลังติดตามเซียวเฉวียนมาเป็นเวลานาน ไป่ฉีจึงเข้าใจทำไมเขาถึงเริงร่าสุขสำราญจากส่วนลึกของหัวใจ
“เหรอ?” เหมิงเอ้ายังหนุ่มน้อย ตอนนี้อายุประมาณยี่สิบปีเห็นจะได้ เขาฝันอยากจะมีภรรยาที่มีรูปโฉมสวยงามดั่งดอกไม้ เจ้านายทำเช่นนี้ เขาไม่เข้าใจ
ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ เซียวเฉวียนซึ่งอยู่ข้างหน้ามีความสุขมากจนตัวแทบลอย วันนี้ได้แกล้งฉินซูโหรวที สะใจมากๆ!
นึกถึงศีรษะของเธอแทบจะกระแทกหลุดออกมา เซียวเฉวียนที่เอาชนะได้ก็หัวเราะออกมาดังๆ
ในเวลานี้ บนตัวเซียวเฉวียนยังมีกลิ่นหอมของเธอหลงเหลืออยู่เลย
เมื่อม้าได้กลิ่นนี้เข้า เริ่มมีอาการกระวนกระวายขึ้นเรื่อยๆ
กีบเท้าทั้งสี่ของมันกำลังย่ำบนพื้นอย่างกระสับกระส่าย เหมิงเอ้ากำลังจะคารวะเจ้านายอย่างเป็นทางการ จู่ๆ ม้าเหงื่อโลหิตก็วิ่งพรวดพราดไปอย่างคึกคะนอง!
แย่แล้ว!
ไป่ฉีและเหมิงเอ้าตกตะลึง
ม้านั่นวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง หายตัวไปกลางสายฝน!
“ตามไป! ” ไป่ฉีคำราม
“จยะ! ”
ทั้งสองวิ่งไล่ตามไป
ฝนตกลงมาหนักมากขึ้น ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำเซียวเฉวียนมองไม่เห็นทางข้างหน้า!
ขณะที่ม้านั้นวิ่งอย่างพลุ่มพล่าม เขาจับสายบังเหียนไว้แน่น ถ้านิ้วหย่อนเพียงนิดเดียว เขาก็อาจถูกสะบัดออกจากหลังม้าในทันที!
ความเร็วขนาดนี้ถ้าถูกโยนออกไป ความเจ็บปวดที่ได้รับก็พอๆ กับอุบัติเหตุทางรถยนต์!
ม้าตัวนี้มันคลั่งไปแล้ว! เซียวเฉวียนไม่กล้าปล่อยมือ เอาตัวแนบกับหลังของม้าไว้แน่น!
ทางใต้ของเมือง!
กลางหมอกยามค่ำคืน เขาพอจะจำได้ว่าที่นี่เป็นทางใต้ของเมือง!
เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่ามีลางร้าย!
กลิ่นหอมยิ่งมายิ่งแรงขึ้น เป็นกลิ่นหอมที่ติดมาบนเสื้อผ้าของฉินซูโหรวเมื่อครู่นี้!
ม้าวิ่งอย่างบ้าคลั่งมาถึงนาข้าวแห่งหนึ่ง
อะไรที่จะเกิดก็ต้องเกิด จะหลบก็หลบไม่พ้น!
เซียวเฉวียนขมวดคิ้ว ที่นี่ดูเปลี่ยวมาก ร้ายมาก แผนมันร้ายมาก
กลิ่นหอมบนตัวของฉินซูโหรวเมื่อครู่นี้ทำให้ม้ากระสับกระส่ายอยากตามหา จึงชักจูงให้วิ่งออกมาถึงนี่!
ในนาข้าวนั้น มีกลิ่นคล้ายกับที่มีอยู่บนตัวของฉินซูโหรว
ถ้าเดาไม่ผิด จะต้องมีคนเจตนาทำแบบนี้
ฉินซูโหรวไม่มีระดับสติปัญญาในการทำเช่นนี้ ต้องมีหนอนบ่อนไส้อยู่ในจวนฉินแน่ๆ!
“ฮี้!”
กลิ่นยิ่งมายิ่งแรงขึ้น ม้าก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น จู่ๆ ม้าก็ยกขาหน้าขึ้น เทตัวเซียวเฉวียนพลิกล้มลงกับพื้น
เซียวเฉวียนพลิกตัวไปตามแรงเหวี่ยง ร่อนตัวเองลงไปในทุ่งนา ซึ่งเหลือแต่ตอซังข้าวหลังเก็บเกี่ยวใหม่ๆ ในฤดูใบไม้ร่วง เขาพลิกตัวได้อย่างทันท่วงที มิฉะนั้นตอซังข้าวอาจแทงตรงๆ เข้าที่ตาทั้งสองข้างของเขา!
เขามือถือดาบฉุนจวีน ม้าอาการหงุดหงิดดิ้นรน แล้วหันตัวกลับมา กีบม้าย่ำมาที่เซียวเฉวียน!
ม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้ รูปร่างสูงไม่ถึงหนึ่งเมตรห้าสิบ แต่มีน้ำหนักอยู่หนึ่งตัน!
ด้วยความเร็วขนาดนี้ถ้าย่ำโดนตัวเซียวเฉวียน โครงกระดูกหน้าอก กระโหลกศีรษะจะแตกออกทันที คนก็จะจบชีวิตลงทันที
เซียวเฉวียนหลบได้อย่างหวุดหวิด ม้าย่ำพลาดไป จนน้ำและโคลนกระเซ็นขึ้นสูง!
“ฮี้!”
มันร้องเสียงทั้งดังทั้งยาวนาน นัยน์ตาทั้งโตทั้งมืดของมันเต็มไปด้วยอารมณ์ดุร้าย!
เซียวเฉวียนปัดน้ำฝนไปทีหนึ่ง ชายผู้นั้นเดินเข้ามาทางเขาทีละก้าว ฝีก้าวที่แข็งแรงหนักแน่นย่ำจนน้ำโคลนดังแปะๆ
“เซียวเฉวียน ม้าของคุณย่ำจนนาข้าวของฉันเสียหายหมด จะคิดบัญชีกันยังไงนี่? ”
“คุณคิดจะเอายังไงล่ะ” เซียวเฉวียนท่าทางเย็นชา
“เอาชีวิตมาแลกซะ” ชายคนนั้นก้าวมาข้างหน้าด้วยมือเปล่า
“ก่อนโน้น คุณก็สังหารอี้อู๋หลี่แบบนี้หรือ? ”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ชายคนนั้นก็หัวเราะขึ้น “ไม่คิดเลยว่า ยังมีคนรุ่งเด็กจำเขาได้”
อี้อู๋หลี่เชี่ยวชาญการสร้างดาบกระบี่ จึงมีฉายานามว่า บรมกระบี่
ทุกคนให้ความเคารพนับถือเขา บรมกระบี่ตายในมือเขาเองเป็นความภูมิใจของเขามาตลอด “เขาเองต้นคอบอบบางเกินไป โทษเขาลงมือหนักไม่ได้”
“เหรอ?” เซียวเฉวียนเอนศีรษะพูด “ทุกคนเกิดมาล้วนเท่าเทียมกัน ต้นคอของคุณก็คงบอบบางไม่แพ้กัน”
เกิดมาเท่าเทียมกันหรือ? ใบหน้าภายใต้หมวกไม้ไผ่สั่นระริก เหมือนเขากำลังกลั้นยิ้มอยู่ “นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดที่ฉันเคยได้ยินมา ครั้งแรกที่ได้ยินก็ออกมาจากปากของอี้อู๋หลี่ คราวนั้นก็อยู่ที่นี่เหมือนกันในวันฝนตกเช่นนี้ด้วย”
“ตลก? ” เซียวเฉวียนมองเขาอย่างเขม่น “แล้วคุณสังหารเขายังไง? ”
“ก็ไม่มีอะไร แค่กดเข้าไปในน้ำของนาข้าวซ้ำๆ กัน เขาก็ตายแล้ว” เสียงของชายผู้นั้นแหบแห้งอย่างกะคนมีอายุ เขายิ้มหึๆ “ฉันไม่ได้รับงานมานานแล้ว ไอ้หนู คุณมีอะไรจะสั่งเสียไหม? ”
“อี้อู๋หลี่มีพูดอะไรสั่งเสียไหมล่ะ? ”
“มี เขาพูดว่า……” ในเวลานี้ ชายผู้นั้นอยู่ห่างจากเซียวเฉวียนเพียงสามก้าว “ไม่มีใครรอดจากความตายได้นับแต่โบราณ……”
“รักษาความซื่อสัตย์แห่งใจ” เซียวเฉวียนพูดอย่างเย็นชา “เพื่อพิสูจน์ความจริง”
เห็นได้ว่าอี้ฮู๋หลี่ตอนนั้นได้ทำใจเสี่ยงด้วยชีวิต ล้มตายไปท่ามกลางความหนาวเหน็บยามฝนตกค่ำคืน
“คุณรู้ได้อย่างไรกัน? ” ชายคนนั้นตกตะลึง เพราะในคืนนั้นมีเพียงแค่เขาและอี้อู๋หลี่เท่านั้น
“แล้วคุณล่ะ มีอะไรจะสั่งเสียไหม? ” เซียวเฉวียนหยิบดาบฉุนจวีนขึ้นและชี้ไปที่ชายผู้นั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นเด็กบ้าบิ่นจริงๆ !” ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงดัง “คุณไม่รู้กฎกฏิกาของนักพเนจรหรือ? ออ คุณเป็นคนจับพู่กัน ไม่รู้ก็ไม่แปลกอะไร”
หากคู่ต่อสู้ใช้มือเปล่า คุณจะใช้อาวุธไม่ได้ ไม่งั้น คุณจะถูกผู้คนประณามเอา
คนอื่นไม่มีดาบ แต่เซียวเฉวียนมี แล้วเขายังไปต่อสู้กับเขาด้วยมือเปล่างั้นหรือ? มีเพียงคนโง่เท่านั้นถึงทำ
“คุณลุง คุณว่าฉันเหมือนคนที่ทำอะไรตามกฎหรือ” เซียวเฉวียนพูดออกมาพล่อยๆ “ฉันจะทำตามกฎของตัวเองเท่านั้น”
“กฎอะไรของคุณ”
“ฉันหรือ? ” เซียวเฉวียนเลิกคิ้วและเอนศีรษะ “กฎของฉัน ก็คือไม่ทำตามกฎ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...