ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 156

ท่านปู่...

คำว่าท่านปู่หนึ่งคำทำเอาความเศร้าโศกอาบขึ้นในดวงตาของอี้กุย เขาพลันตาแดง “ไม่ใช่...”

ท่านปู่อี้อู๋หลี่เป็นผู้ที่หลงใหลการสร้างกระบี่มาตลอด นานๆ ครั้งถึงจะหาเรื่องทะเลาะกับเจ้าของที่ไม่ก็กะเทาะผลแตงและผลถั่ว แต่เขากลับไม่ได้ติดต่อสนทนาอะไรกับใครมากนัก

“เจ้าลองตั้งใจคิดๆ ดูซิว่าเขาจะต้องเคยพูดอะไรกับเจ้ามาก่อน” เซียวเฉวียนลุกขึ้นยืนพลางปัดๆ ก้น “เช่น คำพูดที่ดูสิ้นหวังเป็นพิเศษ”

ดูสิ้นหวังงั้นหรือ?

แต่ไรมาท่านปู่แข็งแกร่งมากมาตลอดก็ไม่เคย...

ในยามนี้อี้กุยพลันคิดขึ้นมาได้ถึงอะไรบางอย่าง “ท่านปู่ไม่ชอบการโอดครวญ นอกจากถอนหายใจว่าชีวิตของชาวประชาต้าเว่ยไม่ง่ายแล้วเขาก็ยังพูดว่า...”

เขาชะโงกเข้ามาใกล้ด้วยกลัวผู้อื่นจะได้ยิน “เห็นพูดว่าการสร้างเตาหลอมเฉียนคุนจนใจที่ขึ้นอยู่กับข้าผู้ไม่รู้ประวัติศาสตร์ไม่ใช่สวรรค์...”

ก่อนหน้าท่านปู่จะถูกคนทำร้ายเสียชีวิตนั้น คำพูดที่อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งเหล่านั้นกระทั่งตัวอี้กุยก็ฟังไม่เข้าใจ หลายปีที่ผ่านมานี้ตัวเขาขบคิดหลายครั้งก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

อี้กุยจำได้ว่าท่านปู่ในช่วงเวลานั้นสภาพจิตใจตกต่ำเป็นอย่างมาก

สายตาของเซียวเฉวียนกะพริบตาหนึ่งครั้ง หม้อหลอมเฉียนคุน นอกจากขุนนางกังฉินมีชื่อในจีนแล้วสิ่งนี้ยังปรากฏอยู่ในชะตาของแคว้นต้าเว่ยในเวลาเดียวกัน!

สิ่งที่สามารถเปลี่ยนชะตาจุดจบของขุนนางผู้ภักดีและทรยศได้ บ่มเพาะชะตาข้ามิใช่ลิขิตฟ้า!

อี้อู๋หลี่จะต้องค้นพบถึงความลึกลับของหม้อหลอมนี้เป็นแน่!

เพียงแต่ว่า ก่อนหน้าเขาจะตายนั้นเพราะเหตุใดสภาพอารมณ์จึงตกต่ำถึงเพียงนั้นกันหรือ?

“เป็นไปได้ไหมว่าที่ท่านปู่อยู่ในสภาพนั้นตอนหลังๆ มาเพราะว่าผู้อารักขาของเขาถูกคนทำร้ายเสียชีวิต”

อี้อู๋หลี่มีผู้อารักขาด้วยหรือ?

ภายในใจของเซียวเฉวียน ผู้อารักขาธรรมดาผู้หนึ่งสิ้นไปทำเอาอี้อู๋หลี่ตกอยู่ในสภาพนี้เนี่ยนะ?

“ผู้อารักขาของเขานามว่าอะไร?”

อี้กุยกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะตกอยู่ในความเงียบ เขายังจำได้ว่ายามที่ท่านปู่ได้รับผู้อารักขารายนี้มาเขาตื่นเต้นยินดีจนแทบจะกระโดดขึ้นมาได้

คนรอบข้างเหยียดหยามผู้อารักขาทว่าท่านปู่กลับชอบอย่างมาก

ไม่เพียงแต่ให้ผู้อารักขากินอยู่ร่วมกันกับเขาแต่ยังให้ผู้อารักขารู้หนังสือร่ำเรียนด้วย ผู้อารักขารายนั้นทั้งซื่อสัตย์ภักดีและเฉลียวฉลาด ท่านปู่กล่าวว่าอีกหน่อยเขาจะต้องกลายเป็นขุนนางสัตย์ซื่อรับใช้ประเทศชาติ

เพื่อผู้อารักขารายนี้ ท่านปู่ถึงกับจงใจสร้างอาวุธชิ้นหนึ่งขึ้นมาเป็นพิเศษนามว่าหอกลี่เฉวียน

หอกเทพลี่เฉวียนนั้นยาวประมาณหนึ่งจ้างแปดฉื่อ อานุภาพการโจมตีของมันนับเป็นราชาในหมู่ผู้ใช้หอก

ทักษะการรุกของหอกนั้นคือการทุบ แทง กวาดและตวัด ส่วนทักษะการป้องกันนั้นคือการปัด กัน ขวาง และโบก

หอกนั้นมีอัตลักษณ์ส่วนตน มันสามารถออกกระบวนท่าที่ทั้งเป็นการรุกและป้องกันไปได้พร้อมกันในตัว ระหว่างที่ป้องกันก็รุกคืบไปด้วย เป็นเหตุให้ศัตรูหาโอกาสจู่โจมไม่มี

เป็นขุนนางสัตย์ซื่อรับใช้ประเทศชาติ

หอกเทพลี่เฉวียน

เซียวเฉวียนพลันมีปฏิกิริยา “ชื่อของเขา หรือว่าชื่อ...เย่วเฟย?”

“ท่านปู่น้อยท่านทราบได้อย่างไร?”

อี้กุยตะลึงงัน!

ก่อนหน้าที่ไป๋ฉี่จะมาถามเรื่องมีผู้อารักขาหรือไม่นั้น อี้กุยจงใจละเว้นชื่อเย่ว์เฟยไว้เพราะเหตุว่าตัวเขาที่เอ่ยถึงท่านปู่กับเย่ว์เฟยแล้วรู้สึกโศกเศร้ายากจะหาที่ระบาย

สาเหตุที่เย่ว์เฟยตายนั้นเพราะเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกปรักปรำ ในปีนั้นท่านปู่กับเย่ว์เฟยเดินทางไปยังชานเมืองของนครหลวงและได้พบกับเชื้อพระวงศ์แสนโอหังและภรรยาของเขาที่ออกเดินทางพอดี

เดิมทีทั้งสองครอบครัวก็ไม่ได้คบหาอะไรกัน ใครละจะคาดคิดว่าภรรยาของคนผู้นี้ดันพูดว่าเย่ว์เฟยไร้มารยาทใส่นางทำเอาเชื้อพระวงศ์รายนั้นเดือดดาลสาหัสจับเย่ว์เฟยมาขังไว้ในคุก

อี้อู๋หลี่วิ่งวุ่นไปทั่วสี่ทิศด้วยอาการใจร้อนรนดุจไฟผลาญแต่กลับไม่อาจจะช่วยเย่ว์เฟยเอาไว้ได้

ท่านปู่ที่เห็นเย่ว์เฟยต้องถูกประทานความตายในคุกรู้สึกจิตใจพังพินาศ สภาพจิตของเขาตกต่ำถึงที่สุดขนาดที่ว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนจะปลอบเช่นไรท่านปู่ก็ไม่เคยสร้างกระบี่อีกเลยสักเล่ม อีกทั้งไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงที่เชื้อพระวงศ์เข้าร่วมอีก แถมยังออกคำสั่งบรรพชนไม่ยอมให้ลูกหลานตระกูลอี้สอบเข้ารับราชการในราชสำนักด้วย

ทุกคนต่างคิดไม่ตกว่าเพราะเหตุใดอี้อู๋หลี่จะต้องรู้สึกผิดกับผู้อารักขารายหนึ่งถึงขั้นกินข้าวไม่ลงเช่นนี้ จนกระทั่งร่างกายนับวันก็ยิ่งอ่อนแรงจนสุดท้ายถึงถูกคนจับกดน้ำตายในนาเฉิงหนานกัน

คนรอบข้างไม่รู้ทว่าอี้กุยกลับทราบ

ท่านปู่พูดว่าเย่ว์เฟยเป็นคนดี เป็นขุนพลทรงคุณธรรม ภายภาคหน้าจะต้องเป็นเสาหลักของแผ่นดินได้

ทว่าเขากลับไม่ได้ปกป้องเย่ว์เฟยให้ดี

ส่วนหอกลี่เฉวียนหลังจากที่เย่ว์เฟยสิ้นลมแล้วก็ถูกฝังตามเย่ว์เฟยไปด้วย

ส่วนอี้กุยนั้นก็ทำตามที่ท่านปู่กำชับไว้ยามมีชีวิตอยู่จัดการฝังศพท่านปู่ไว้ข้างเย่ว์เฟย

ซือชือเป็นถึงสุนัขป่าตัวโต! ยังอำมหิตโหดเหี้ยม ลึกล้ำเสียยิ่งกว่าเจี้ยนชือเสียอีก!

ทว่าในยามนั้นตัวนางยังไม่ได้เป็นพระชายา

ทว่า เป็นเพียงอนุตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

หลังพระชายาเอกประชวรจนสิ้นพระชนม์แล้ว ตัวนางที่อาศัยรูปลักษณ์อันงดงามก็ได้กลายเป็นพระชายาเอกในเวลาต่อมา

เหอะ!

จากวาจาของซ่งจือแล้วผู้ที่เขาไม่อาจจะยุ่งด้วยนั่นคือซือชือ! ศัตรูนี่มันยากจะหลีกเลี่ยงเสียจริง!

ก่อนหน้าที่ซ่งจือจะตายยังคิดอยากจะหลอกเซียวเฉวียน!

ฉากที่ซ่งจือยังอวดโอ่ไม่เลิกนั้นยังปรากฏชัดอยู่ในสายตา “เจ้าคิดว่าคือสามผู้โง่เขลางั้นหรือ?”

แถมยังโอหังด้วยว่า “คนผู้นั้นเจ้าคงจะคิดไม่ถึงตลอดไปหรอก! ตัวข้าก็จะไม่มีวันบอกเจ้าตลอดไป!”

ยังจะพูดว่าตลอดไป

สามวันให้หลังเซียวเฉวียนก็รู้แล้ว

ซ่งจือเป็นแค่ตัวกระจ๊อกเท่านั้น เกรงว่าคงจะไม่ได้คิดอยากหลอกเซียวเฉวียนจริงๆ หรอก ยิ่งเมื่อแคว้นต้าเว่ยกับสามผู้โง่เขลานั้นเป็นหัวหน้าของเขา แล้วคนพวกนั้นเหตุใดต้องมานั่งอธิบายอะไรกับลูกกระจ๊อกด้วยล่ะ

จิตใจอันล้ำลึกผิดธรรมดาของซือชือนั้นลงมืออำมหิตยิ่ง

ในปีนั้นเพื่อเย่ว์เฟยแล้วอู๋อี้หลี่วิ่งวุ่นไปทั่วราชสำนักแต่กลับไม่มีใครไยดีผู้อารักขาของอี้อู๋หลี่เลยสักคน แล้วใครจะกล้าไปล่วงเกินท่านอ๋องกันล่ะ?

บางทีอาจจะเพราะแบบนี้ จึงเป็นสาเหตุดั้งเดิมที่อี้อู่หลี่นั้นหมดกำลังใจในชีวิต

ราชสำนักช่างดำมืดไร้ที่สิ้นสุด กัดกินเลือดเนื้อผู้คนอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

คนผู้หนึ่งตายแล้วหาได้เกิดระลอกคลื่นใดๆ สักนิดเลยก็หาไม่

“นางมาแล้ว”

อี้กุยชี้ๆ เซียวเฉวียนหันหน้าไปมองใบหน้าเต็มๆ ตาของสตรีวัยกลางคนสูงศักดิ์ผู้หนึ่งที่ถูกหญิงรับใช้ประคองลงมา นางแต่งหน้าลงแป้งมาคล้ายจะไม่ได้มาเข้าร่วมงานศพเลยสักนิดกระนั้น นางเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาพลางทำท่าคล้ายคุยเล่น เม็ดมุกบนร่างนั้นส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง

“ไอ้หยา ช่วงนี้ช่างไม่เป็นมงคลเสียเลยจริงๆ พอเข้าร่วมงานศพของจวนฉินเสร็จแล้วยังต้องไปจวนซ่งอีก ใบหน้าข้าจะถูกลมพัดแข็งไปหมดแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย