ซ่งจือไม่พอใจในตัวเฉาสิงจือมาโดยตลอด เขามองตาเฉียง "ท่านเฉา คุณไม่ต้องมาเรื่องมาก ถ้าฉันกระหายน้ำ ฉันจัดการเองได้"
ซ่งจือยังไม่ยอมละมือ ด้วยความโกรธของเขายังไม่ได้ถูกระบาย เขาหรือจะยอมปล่อยให้เขยคนนั่นที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำรอดตัวไปได้ง่ายๆ ?
หากเรื่องในวันนี้แพร่งพรายออกไป เขาจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน?
ถ้าคนที่เอาชนะเขาได้เป็นคนที่มีความสามารถก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เป็นเซียวเฉวียน ถึงแม้จะเป็นการโต้เถียงกันทางวาจาก็เถอะ ต่อไปนี้เพื่อนร่วมงานเหล่านั้นจะคิดว่าคารมคมคายของเขาสู้ไม่ได้แม้กระทั่งแค่เด็กในฐานะเจี่ยเหยียนคนหนึ่ง
ในจังหวะที่เขากำลังจะบันดาลโทสะ แต่เซียวเฉวียนกลับไม่เปิดโอกาสให้เขา
เซียวเฉวียนโบกมือ เปลี่ยนท่าทีที่ไม่ให้ความร่วมมือเมื่อสักครู่นี้และพูดว่า "ถ้าท่านซ่งยืนยันจะให้เซียวน้อยแต่งบทกวี เซียวน้อยจะขอเขียนบทหนึ่ง และจะขอมอบบทกวีนี้ให้ท่านเฉาและแขกทุกท่านที่อยู่ในที่นี้"
เซียวเฉวียนได้เจาะจงทำการคำนับให้เฉาสิงจือ เพื่อตอบแทนความกรุณาของเขาที่ช่วยเปิดทางให้เขาเมื่อตะกี้
“เอากระดาษมา!”
“พู่กันด้วย!”
“แท่นฝนหมึกมาด้วย!”
เซียวเฉวียนตะโกนสามครั้ง เด็กรับใช้อาสือที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ รีบนำพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นหมึกขึ้นมาด้วยความเคารพ
ทั้งพู่กัน หมึก กระดาษ และแท่นหมึกล้วนเป็นรางวัลที่ประทานจากจักรพรรดิ เดิมทีเซียวเฉวียนต้องการที่จะอวดอยู่แล้ว ได้โอกาสพอดี เยี่ยมมาก
ผู้คนส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดจากผู้มีวิชาปัญญา และพวกเขาก็รู้ค่าของสิ่งของเป็นอย่างดี
พู่กันนั้นทำมาจากขนนกกระเรียนเมฆสีแดงที่หาดูได้ยาก งดงามและประณีต ยากที่จะหาได้ในเมืองหลวง
กระดาษฟางนั้นเป็นเกรดชั้นสูงในบรรดากระดาษฟาง –กระดาษไม้จันทน์เขียว- กระดาษไม้จันทน์เขียวมีคุณสมบัติซับน้ำหมึกได้ดี จัดเก็บง่าย ทนนานไม่ฉีกขาด ไม่เสียรูป ไม่ซีดจางและทนแมลง ขึ้นชื่อเป็น "กระดาษอายุยืนพันปี” จึงเป็นตัวแทนในสายพัทธุ์กระดาษ กระดาษชนิดนี้ผลิตขึ้นน้อยมากและมีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้สอยได้
สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือแท่นหินฝนหมึกสี่เหลี่ยมนั่น ซึ่งทำให้ทุกคนมองดูด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
คนในราชสำนักที่มีแท่นหินหมึกสี่เหลี่ยมนี้อยู่ในความครอบครอง มีไม่เกิน 7-8 คน และพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นขุนนางที่ได้สร้างคุณูปการมากมาย แค่เจี่ยเหยียนคนหนึ่งซึ่งได้รับรางวัลอันดีเลิศนี้จากจักรพรรดิ แสดงว่าพระองค์คงเอ็นดูคนนั้นเป็นอย่างมาก
หลังจากสิ่งเหล่านี้ถูกเผยออกมา เสียงสนทนาอึกทึกของทุกคนก็เบาบางลง
แล้วเซียวเฉวียนใช้พู่กันด้ามใหญ่ตวัดหมึก เขียนอย่างคล่องแคล่วโดยไม่หยุดพัก ความห้าวหาญเปล่งเต็มพิกัด ซึ่งทำให้ผู้คนจ้องมองทั้งกลั้นหายใจ
บทกวีที่เขียนโดยเซียวเฉวียน คือ "กวนชางไห่" (ชมทะเลหลวง) ของ เฉาเชา (โจโฉ) วีรบุรุษในยุคสงคราม ไม่มีสถานที่ที่เรียกว่าชางไห่ ในราชวงศ์ต้าเว่ย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนเหล่านี้มาจับผิด เซียวเฉวียนก็เปลี่ยนชื่อไปอย่างแยบยล เฉาสิงจือเดินก้าวมาด้วยความเร่งรีบ ดูเขาเขียนไปและท่องไปในเวลาเดียวกัน
" “ชมทะเล” ——
ถึงเขาเจี๋ยสือทางบูรพา เพื่อชมทะเลหลวงกว้างใหญ่
คลื่นกระฉอกครั่นครึนกลางน้ำ หมู่ภูเรียงชันเสียดสูงลิ่ว
ต้นไม้ดงหญ้าขึ้นรกครึ้ม นานาพันธุ์งอกงามดื่นดาษ
ลมสารทโชยมาเยือกเย็น คลื่นน้ำท่วมท้นมโหฬาร
โคจรดวงจันทร์และอาทิตย์ ดั่งปรากฏออกจากสมุทรนั้น
สกายดาวเจิดจรัสพร่างพราย ดุจพวยพุ่งจากในทะเล
โชคดีมหันต์สุดที่จะอ้าง จึงร่ายเพลงนี้เผยใจเอย "
ทุกคนตกตะลึงและมองไปที่เซียวเฉวียนด้วยความเหลือเชื่อ แค่หายใจเข้าหายใจเออกไม่กี่อึด เขาก็เขียนบทกวีออกมาดีได้ขนาดนี้!
พวกเขาเหมือนมองเห็นคลื่นน้ำปั่นป่วนกลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ในบทกวี ดุจดั่ง "ภูเขาโผล่ลอยขึ้นมาหวิวๆ !"
คำพูดบอกความในใจ หากนักกวีไม่มีแรงบันดาลใจอันสูงส่ง ไม่มีความทะเยอทะยานในการสร้างผลงาน ไม่มีความมั่นใจในอนาคตและมองโลกในแง่ดี ก็คงไม่สามารถเขียนบทกวีที่งดงามเช่นนี้ได้!
เฉาสิงจือตบไหล่เซียวเฉวียนและชมเชยเขาว่า "เจ้าสมควรได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งจากฝ่าบาทให้เป็นเจี่ยเหยียน! จิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญนี้ไม่มีใครเทียบได้! มีเพียงนายพลฉินผู้อาวุโสในศาลปัจจุบันเท่านั้นที่มีจิตวิญญาณเยี่ยงนี้อยู่!"
อาสือพูดอย่างขยันขันแข็งว่า "นายท่านจะกลับไปอยู่ที่บ้านเซียวเอง มีอะไรจะให้ขนย้ายไปให้ด้วยไหม"
จวนฉินจัดสรรสิ่งของมากมายให้นายท่าน แม้ว่าจะเป็นเพียงพวกของมีค่าแต่ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยังมีราคาสูงอยู่ ทิ้งเอาไว้ในบ้านจะไม่เสียดายหรือ?
ทันทีที่อาสือเตือนเขา เซียวเฉวียนก็จำได้ว่า "นอกจากกระดาษ หมึก พู่กัน และแท่นหมึกที่พระองค์ประทานมาให้แล้ว นำเจ้าสุนัขมาส่งให้ฉันด้วย"
"อะ? นายท่าน? เอาสุนัข? ต้องการแค่สุนัขนะหรือ?
อาสือผงะและกำลังจะถาม เซียวเฉวียนก็เดินไกลออกไปแล้ว
เส้นผมเส้นเดียวของตระกูลฉิน เซียวเฉวียนก็ไม่ต้องการจะติดมือไป เขาแค่สงสารสุนัขตัวนี้ มีสภาพเหมือนกับเขาในตอนแรก ต้องมาอยู่พึ่งพาบ้านเขา ข้าวก็กินไม่อิ่มท้อง
สุนัขเมื่อเลี้ยงไปๆ ก็มีความรู้สึกรักซึ่งกันและกัน รักเซียวเฉวียนมากยิ่งกว่าคนที่ไร้จิตใจบางคนเสียอีก ตอนนี้สถานการณ์ของเซียวเฉวียนดีขึ้นมาก และสุนัขก็ต้องการที่จะใช้ชีวิตที่ดีขึ้น
เวลานี้ ในพระราชวัง
"ท่านเสนาบดี มีเหตุเร่งด่วนปานใด ทำไมเจ้าต้องการพบข้ากลางดึกเช่นนี้"
“ฝ่าบาทโปรดทอดพระเนตร”
เฉาสิงจือเลิกคิ้วขึ้นและยกกระดาษฟางในมือขึ้น ราวกับว่าเขาถือสมบัติอันล้ำค่าอยู่ในมือ
จักรพรรดิเข้าใจ ดวงพระเนตรของพระองค์สว่างขึ้น และความง่วงของพระองค์ก็หายไป "น่าจะเป็นผลงานของเซียวเจี่ยเหยียนแน่เลยใช่ไหม"
เฉาสิงจือพยักหน้า พระองค์รักผู้มีวิชาพรสวรรค์ และท่านจะมีความสุขมากก็ต่อเมื่อได้พบเห็นคนที่มีวิชาพรสวรรค์หมั่นเรียนรู้อย่างแท้จริง
จักรพรรดิทรงกระฉับกระเฉงชึ้นมา และเขาตรัสอย่างมีความสุขว่า "หม่ากงกง รีบถวายขึ้นมาให้โดยเร็ว"
"ขอรับ!" ขันทีหม่ารับกระดาษฟางในมือเฉาสิงจือมาแล้วรีบถวายขึ้นไป
พระราชวังฉางอัน ห้องโถงสว่างไสวและ เฉาสิงจือกับจักรพรรดิก็อยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืนนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...