ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 232

"เหตุใดรากเหง้าการฝึกตนของพี่เขยถึงได้... งอกงามถึงเพียงนั้น?" ฉินหนานถึงกับอ้าปากค้างไปในทันที เมื่อเห็นปกคอเสื้อของเซียวเฉวียนที่มิอาจปกปิดรากเหง้าการฝึกตนได้มิด

รากเหง้าการฝึกตนนั้นเป็นเสมือนต้นไม้ ทั้งยังมีการเจริญเติบโตและพัฒนาคล้าย ๆ กัน เช่นการงอกเงย การแตกใบ และการแผ่กิ่งก้าน

ฉินเฟิงที่เกิดมาพร้อมกับรากเหง้าการฝึกตนนั้น อีกทั้งรากเหง้าการฝึกตนของเขายังแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไปเสียด้วย โดยปกติแล้ว ยามที่คนปกติธรรมดาเกิดขึ้นมานั้นจักมีรากเหง้าการฝึกตนเล็กขนาดเท่าต้นถั่วเขียวเท่านั้น ทว่า รากเหง้าการฝึกตนของฉินเฟิงกลับมีขนาดเท่ากับต้นกล้าเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้ตระกูลฉินมีความสุขยิ่งนัก

ด้วยทั้งฉินเฟิงที่มีความเฉลียวฉลาด มุมานะบากบั่นพากเพียรมาตั้งแต่เด็ก รากเหง้าการฝึกตนที่มีขนาดเท่าต้นกล้านั้น หลังจากผ่านการฝึกฝนทางด้านความรู้และพรสวรรค์ที่มีมาตั้งแต่กำเนิดจนล่วงเลยมายี่สิบกว่าปีนี้ รากเหง้าการฝึกตนของเขาจึงได้ขยายขึ้นมาถึงลำคอแล้ว

ทว่า ในบรรดาเหล่าบัณฑิตทั้งหลายนั้น ฉินเฟิงจัดว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง หากแต่เซียวเฉวียนที่เพิ่งได้รับรากเหง้าการฝึกตนไม่นานนั้น รากเหง้าการฝึกตนของเขากลับเติบโตแซงหน้ากว่าของฉินเฟิงที่ใช้เวลาเจริญเติบโตมานานนับยี่สิบปี?

ฉินเฟิงที่ทั้งตกใจและตกตะลึงนั้น เขาได้แต่กำหมัดแน่นที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยามากมาย แม้แต่ในยามหิมะโปรยปรายลงมาเช่นนี้ ทว่า ท่วงท่าการเดินเซียวเฉวียนกลับสง่างามยิ่งนัก

โดยปกติแล้ว เซียวเฉวียนจักต้องปรี่เข้ามาทุบตีเขาสักที หากแต่วันนี้เซียวเฉวียนหาได้แตะต้องฉินเฟิงสักครั้งไม่

เซียวเฉวียนเพียงแค่กล่าวกับฉินเฟิงว่า:ในภายภาคหน้าของดี ๆ สิ่งใด ข้าจักเอาไปทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่องค์หญิง!

"น้ำหน้าเช่นเจ้าหรือ?"

ฉินเฟิงเอ่ยพึมพำกับตนเอง เจ้าคิดว่าผู้ที่อยู่ในรัฐไป๋ลู่ไร้น้ำยาหรืออย่างไร? เขาจักยอมให้เจ้าได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการไปเสียหมดหรือ? เซียวเฉวียน เจ้าอาชนะเขาไม่ได้หรอก!

แม้ว่าเจ้าจักมีรากเหง้าการฝึกตน หรือพรสวรรค์แล้วอย่างไร เจ้าก็ไม่อาจเอาชนะบุรุษจากรัฐไป๋ลู่ไปได้!

เซียวเฉวียนทระนงตนไปว่า ตนเองมีความสัมพันธ์อันดีกับองค์จักรพรรดิงั้นหรือ ทว่า เว่ยชิงจากรัฐไป๋ลู่ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่าบาทเช่นกัน!

หากย้อนกลับไปคิดดี ๆ แล้วนั้น พวกเขาเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันทั้งยังมีส่วนเสี้ยวของเชื้อพระวงศ์อีกด้วย เซียวเฉวียนจักนับเป็นสิ่งใดได้?

ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิยังให้ความสำคัญกับเว่ยชิงลูกพี่ลูกน้องของตนเองมากกว่า เว่ยชิงที่เป็นถึงบุคคลสำคัญและมีอำนาจมากผู้หนึ่งเช่นนี้ เพียงแค่อี้กุยที่เป็นคนคอยให้การสนับสนุนเซียวเฉวียน ยังไม่สามารถเทียบเคียงเท่ากับปลายเส้นผมของเว่ยชิงได้ เซียวเฉวียนจักมีสิ่งใดไปแย่งชิงองค์หญิงมาได้กัน?

“มิรู้จักเจียมเนื้อเจียมตนเอาเสียเลย!” ฉินเฟิงกล่าวตะคอกออกมาอย่างเย็นชา “กลับตระกูลฉิน! เรื่องราวในวันนี้ อย่าได้ริบอกกล่าวกับผู้ใดเป็นอันขาด”

"ขอรับ..." หลังจากที่เซียวเฉวียนเดินจากไปแล้ว ฉินหนานที่ยังคงยืนตกตะลึงอยู่กับที่นั้น ก็ไม่อาจดึงสติกลับมาได้!

มันช่าง!

สุดยอดยิ่งนัก!

รากเหง้าการฝึกตนของพี่เขยต้องการจักพลิกแผ่นฟ้าหรืออย่างไรกัน?

ความทรมานที่พี่เขยต้องทนทุกข์เช่นนี้! นับว่าคุ้มค่าแล้ว!

แต่หลังจากที่มีปัญหากับพี่ชายใหญ่ในวันนี้...เกรงว่าพี่เขยจักต้องโกรธเกลียดตระกูลฉินเป็นแน่

ฉินหนานเหม่อมองไปยังร่างที่หุบหายเข้าไปในหิมะ พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย พี่เขยจักต้องเกลียดพวกเขามากแน่ ๆ เลย

หอปี๋เซิ่ง

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ภายในหอหอปี๋เซิ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก ในทุก ๆ วันจักต้องมีเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพมากินดื่ม หลังจากนั้นก็ชักดาบหนี

เมื่อเทียบกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและความเรียบง่ายครั้นในยามเปิดกิจการใหม่ ๆ นั้น หอปี๋เซิ่งในยามนี้ กลับกลายเป็นสถานที่ที่เหล่าราษฎรเพียงแค่ชำเลืองมองก็ยังขวัญหนีดีฝ่อไปเลยทีเดียว

เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพต่างก็ถือดาบถือกระบี่เข้ามา เมื่อเหล่าราษฎรอยากจะเข้ามาใช้บริการนั้น แค่เห็นพวกเขาต่างก็วิ่งหนีไปที่อื่นแล้ว

เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพหาได้มีฮูหยินมีบุตรมีหลายสืบสกุลไม่ ทั้งยังไม่รู้จักความเมตตาใด ๆ อีกด้วย มักจะอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ในช่วงเทศกาลและวันขึ้นปีใหม่ต่าง ๆนั้น พวกเขาล้วนแต่พากันมารวมตัวในเหลาอาหารเพื่อกินดื่มไม่มีหยุด

โดยปกติแล้ว พวกเขามักจะชอบไปร้านอาหารร้านเล็ก ๆ แต่ในปีนี้ พวกเขากลับพากันยกโขยงมาที่หอปี๋เซิ่งเสียได้

สุราของหอปี๋เซิ่งนั้น ยังกลมกล่อมและมีรสชาติดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อดื่มลงคอไปแล้วรสชาติเผ็ดร้อนกลับแผ่กระจายไปทั่วลำคอ! นับว่าเป็นสุราชั้นเลิศ! พวกเขาชื่นชอบมันยิ่งนัก!

นับตั้งแต่เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพได้ยินข่าวเซียวเฉวียนกลายเป็นคนอัมพาตไปนั้น พวกเขาต่างก็พากันมากินข้าวที่หอปี๋เซิ่ง โดยมิยอมจ่ายเงินเลยสักตำลึง

ยามที่เจ้าหนึ่งจักเข้าไปติดเงินนั้น เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพพลันถ่มน้ำลายใส่ในทันที "ถุ้ย! พวกข้ามากินบะหมี่ที่เหลาอาหารของพวกเจ้า เพราะเห็นแก่หน้าตาเหลาอาหาร! เจ้ากล้ามาคิดบัญชีกับพวกข้างั้นรึ?"

พูดจบ ก็พลันชักดาบชักกระบี่ออกมาในทันที!

เพียงเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงการคิดบัญชีนั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยเมื่อกินข้าวกินปลาเสร็จก็ชักดาบชักกระบี่ออกมาทำลายข้าวของไปในทันที ทำเอาหอปี๋เซิ่งที่ตกแต่งขึ้นมาอย่างงดงามนั้นต้องพังทลายลง หลังจากเกิดการลงไม้ลงมือเช่นนี้หลาย ๆ วันนั้น ทำให้แม่เซียวกับเซียวจิงรู้สึกทุกข์ใจยิ่งนัก

หากแต่พวกนางหาได้มีพละกำลังอันใดไม่ ถึงอย่างไรพวกนางเองก็เป็นเพียงแค่อิสตรี จักไปเป็นคู่มือต่อกรกับเหล่าโจรอันธพาลพวกนี้ได้อย่างไร? พวกนางโกรธโมโหเสียจนอดไม่ได้ที่จะมอบเหลาอาหารให้อาสือจัดการแทน ก่อนที่พวกนางจักกลับจวนตระกูลเซียวไป

ส่วนอาสือและเหมิงเอ้ารวมไปถึงคนอื่น ๆ เองกลับรู้สึกโมโหยิ่งนัก ทว่า ไม่เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพก้าวร้าวและค่อยยั่วโมโหพวกเขามากเพียงใด พวกเขาก็เป็นราษฎรคนธรรมดาที่หาได้มีตำแหน่งใด ๆ ไม่ ในฐานะที่เหมิงเอ้าและเจ้าหนึ่งพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้อารักขา หากมิได้รับคำสั่งจากเจ้านายของพวกเขาแล้ว พวกเขาย่อมไม่สามารถลงไม้ลงมือกับเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพได้

มิฉะนั้น ดาบจิงหุนของเหมิงเอ้าคงได้จัดการพวกเหล่าอันธพาลที่กินเสร็จแล้วคิดจะชักดาบหนีไปจนหมดแล้ว!

ในสถานการณ์ที่น่าคับขันเช่นนี้ อาสือที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นเถ้าแก่ของเหลาอาหารนั้น เดิมทีเขาวางแผนที่จะปิดเหลาอาหารเป็นการชั่วคราว ทว่า เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพเห็นว่าที่กินข้าวกินปลาของตนเองถูกปิดลงนั้น เขาก็ได้ทำการทุบทำลายที่ล็อกประตูของหอปี๋เซิ่ง พลางเดินเข้ามาขู่บังคับให้หอปี๋เซิ่งเปิดให้บริการพวกเขาเสีย

เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพยังกล่าวขึ้นมาอีกว่า หากให้บริการพวกเขาไม่ดีแล้วละก็ พวกเขาจะเผาหอปี๋เซิ่งทิ้งเสีย

ดังนั้น อาสือและเหล่าผู้อารักขาที่กำลังโมโหจนเดือดดาลนั้น จึงได้แต่ต้องจำใจเปิดเหลาอาหารต่อไป!

ในวันปีใหม่นั้น หอปี๋เซิ่งมีความครื้นเครงยิ่งนัก

เมื่อได้ยินมาว่าหอปี๋เซิ่งมิมีการเก็บค่าอาหารใด ๆนั้น เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพจากที่อื่นจึงพากันมารวมตัวกันที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ

“อะไรกัน? ในยามนี้เจ้าตั้งตัวได้แล้วรึ ถึงได้ไม่รู้จักสำเหนียกตนเองเช่นนี้?”

เอ้าเหยียบีบไหล่ของอาสืออย่างแรง ก่อนจะพ่นวาจาน่ารังเกียจออกมา "ตอนนี้เจ้านายของเจ้าพิการไปแล้ว! แม้แต่อาจารย์ของเจ้านายของเจ้า ก็หาได้ต้องการเขาอีกต่อไปไม่! คนเช่นเจ้าจักนับว่าเป็นสิ่งใดไปได้?"

เอ้าเหยียคว้ามืออันเรียวยาวของมั่วสี่ขึ้นมา ก่อนจะกล่าวว่า "ข้าชอบเจ้ามานานแล้ว! มานี่สิ!"

มั่วสี่ตกใจเสียจน พยายามดิ้นรนที่จะหลุดพ้นออกจาเงื้อมมือของคนตรงหน้า "ปล่อยข้านะ! อ๊าย!"

แม้ว่ามั่วสี่จะมีอายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้น หากแต่นางกลับมีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งนัก เอ้าเหยียที่มีท่าทีน้ำลายยืดไหล พลางใช้นิ้วมือหยาบโลนของคนจับใบหน้ารูปไข่นั่นไว้ "แม่นางน้อย เจ้าไปกับลุงสิ ลุงเอ็นดูเจ้ายิ่งนัก"

เหมิงอ้าวโกรธโมโหเสียจนใบหน้าแดงก่ำไปในทันที "ปล่อยนางไป!"

นางเป็นถึงน้องสาวของไป๋ฉี่!

“เจ้าจักตะโกนอะไรเสียงดังนักหนา” เอ้าเหยียเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้านายของเจ้าหาได้อยู่ที่นี่ไม่ เจ้าไม่กล้าลงมือทำร้ายข้าหรอก”

“หรือแม้ว่าเจ้านายของเจ้าจักอยู่ที่นี่ เขาก็มิอาจเอาชนะข้าได้! ข้าได้ยินมาว่า หลังจากที่เจ้านายของพวกเจ้าเป็นอัมพาตไปนั้น แม้แต่ผู้อารักขาก็ไม่อาจจัดการได้แล้ว!”

เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพรู้จักความสามารถและขอบเขตของเหล่าผู้อารักขาเป็นอย่างดี

หากเซียวเฉวียนมิอยู่ละก็ ผู้อารักขาอย่างเหมิงเอ้าย่อมมิอาจทำการสิ่งใดโดยพลการได้ หากเพียงผู้อารักขาลงมือต่อราษฎรตาดำ ๆ เมื่อใดนั้น ก็จักเป็นการทำให้เจ้านายของตนเองเดือดร้อนไปด้วย

“มาสิ ตีข้าสิ!”

เอ้าเหยียที่ได้ใจเช่นนั้น พลางยื่นหน้าออกมาก่อนจะกล่าวว่า "ตีข้าสิ! ตีข้าให้ตายเลย! ข้ากลัวจัง! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพคนอื่นๆ ต่างพากันหัวเราะคิกคักออกมาด้วยความขบขัน!

ลิ้นของเอ้าเหยียที่คลุกเคล้าไปด้วยสุรานั้น พลันสอดใส่เข้าในปากของมั่วสี่ในทันที!

มั่วสี่ร่ำไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง! ยิ่งนางร้องไห้ฟูมฟายมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งส่งเสียงเฮฮามากเท่านั้น!

"ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม!" เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพมองเหตุการณ์ณ์ตรงหน้าด้วยความขบขัน!

เมื่อเหล่าผู้อารักขาไม่อาจทำสิ่งใดได้นั้น!

แต่อาสือทำได้

เมื่อเห็นมั่วสี่ถูกทำให้แปดเปื้อนเช่นนี้ อาสือผู้ที่อดกลั้นความโกรธแค้นของตนเองในหลายวันที่ผ่านมา พลันโกรธโมโหเสียจนนัยน์ตาแดงก่ำไปในทันที "เจ้าพวกกากเดนที่เอาแต่รังแกคนอ่อนแอเช่นพวกเจ้า! ข้าจักสู้กับพวกเจ้าเอง!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย