ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 234

“ไม่มีคำพูดใดอยากจะสั่งเสียแล้วใช่หรือไม่?” ราวกับเซียวเฉวียนมิได้ยินสิ่งใด เขาพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะจับจ้องไปทางเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพที่อยู่ตรงนั้น "ข้าขุนนางในราชสำนักขั้นห้า รองหัวหน้ากองราชองครักษ์เซียวเฉวียน! พวกเจ้ากระทำการกลั่นแกล้งราษฎรในที่สาธารณะ! ทั้งยังทำร้ายบุรุษข่มเหงสตรีเช่นนี้!”

เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพถึงกับตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง! ห้า ขั้นห้า? เหตุใดเป็นขุนนางขั้นห้าแล้วเล่า?

นัยน์ตาของเซียวเฉวียนพลันทอประกายเย็นวาบ "กฎของต้าเว่ยกำหนดเอาไว้ว่า ... "

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมาจากปากของเซียวเฉวียนนั้น เอ้าเหยียและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกชาไปทั่วตัว ราวกับพวกเขาคาดคะเนได้ว่า เซียวเฉวียนจะเอ่ยอันใดออกมา!

“ภายในเมืองหลวงและพระราชวังนั้น นอกจากทหารองครักษ์ ทหารยาม ท่านเจ้าเมือง ท่านแม่ทัพแล้ว ผู้อื่นมิสามารถนำอาวุธเข้ามาภายในเหลาอาหารได้ ไม่ว่าจักเป็นร้านรวง บ้านเรือนผู้คนและสถานที่สาธารณะมากมาย!”

เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพถึงกับถลึงตาโตเต็มไปด้วยความตกใจในทันที! ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดเซียวเฉวียนถึงมาบอกพวกเขาเช่นนี้ เพราะว่าในยามนี้เขาเป็นขุนนางขั้นห้าแล้ว!

ขุนนางขั้นห้ามิจำเป็นต้องรายงานแก่ผู้คนชั้นสูงแต่อย่างใด ทว่ามีสิทธิ์ตัดสินลงโทษได้ในทันที!

ใช่แล้ว เมืองหลวงมีกฎเกณฑ์เช่นนี้! ห้ามนำดาบและกระบี่เข้าเหลาอาหาร! ทว่า กฎหมายนี้นับว่าไร้ประโยชน์ยิ่งนัก! เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา หาได้มีเจ้าหน้าที่คนใดมาจัดการพวกเขาไม่!

“พวกเจ้าก่ออาชญากรรมฐานละเมิดกฎ!”

เซียวเฉวียนพูดออกมาคำหนึ่ง ร่างกายของเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพพลันสั่นสะท้านไปในทันที! เอ้าเหยียเอามือปิดหูที่มีเลือดไหลออกมา พลางกล่าวว่า "เจ้า...เจ้ากล้าหรือ! วันนี้เป็นวันแรกของปีใหม่! วันปีใหม่เช่นนี้! เจ้า..."

“ข้า เซียวเฉวียนขอออกคำสั่งตามกฎบ้านกฎเมือง! ตัดสินโทษประหารพวกเขาเสีย!”

เซียวเฉวียนที่เอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา ทว่า กลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขากลับแผ่กระจายเสียจน ผู้ที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรยังต้องรู้สึกหนาวสั่น:

“ไป๋ฉี่! เหมิงเอ้า! เจ้าหนึ่งถึงเจ้าสิบ!” เซียวเฉวียนออกคำสั่ง “จัดการสังหารเหล่าโจรอันธพาลเหล่านี้ให้สิ้นซากเสีย! จักได้เป็นการส่งสารไปเตือนผู้อื่นด้วย!”

"ขอรับ! ! !"

ทั่วร่างของเหล่าผู้อารักขาพลันผุดเดือดเลือดร้อนขึ้นมาในทันที!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งไป๋ฉี่และเหมิงเอ้าที่มีพันธสัญญากับเซียวเฉวียนนั้น ทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยพลังที่ไม่อาจบรรยายได้แผ่กระจายออกมา!

ความแข็งแกร่งอันทรงพลังที่นายท่านมอบให้!

"ไป!"

"ฟึบ!"

เหล่าผู้อารักขาทั้งทั้งสิบสองคนนั้น ภายใต้คำสั่งของเซียวเฉวียน กลิ่นอายรังสีฆ่าฟันของพวกเขาจึงเพิ่มขึ้นสูงในทันที!

"จัดการ!" เอ้าเหยียคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่มีเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพคนใดเป็นผู้ไร้ฝีมือ ไม่ว่าผู้อารักขาของเซียวเฉวียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน! ทว่า คนฝั่งพวกเขามีเยอะกว่ามาก!

ทั้งสองฝ่ายต่างก็หยิบอาวุธเข้าห้ำหั่นกันในทันที!

เซียวเฉวียนนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารข้างประตูเหลาอาหารนั้น พลันหยิบถั่วลิสงขึ้นมา

ภายในหอปี๋เซิ่งนั้น จึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในทันที!

เสียงร้องโหยหวนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดยังคงดำเนินต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ !

เสียงคร่ำครวญเหล่านั้นล้วนแต่มาจากเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพทั้งหมด!

กลุ่มผู้อารักขานั้น หาได้เคยร่ำไห้โอดครวญเพราะความเจ็บปวดไม่!

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเป็นเพราะความเหนือชั้น ไม่ว่าเหล่าผู้อารักขาจะได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้มากเพียงใด พวกเขาก็สามารถฟื้นฟูและรักษาตนเองได้อย่างรวดเร็ว!

เมื่อประกอบกับความแข็งแกร่งของเจ้านายตนเองแล้วนั้น บาดแผลของพวกเขาสามารถฟื้นฟูจนหายไปได้อย่างรวดเร็ว จนน่าประหลาดใจ!

คมดาบที่แหลมคมของเอ้าเหยียนั้น พลันฟันไปที่หัวไหล่ของเจ้าเก้าในทันที เพียงพริบตาเดียว เลือดจึงพุ่งกระฉูดออกมาจากบาดแผลในทันใด ก่อนที่เลือดจะไหลหยดย้อยออกมานั้น มันก็กลับฟื้นฟูเข้าที่เช่นเดิม!

เอ้าเหยียถลึงตาโตมองการฟื้นฟูบาดแผลตรงหน้าในทันที!

"เจ้า แม้งเอ๊ย! “เอ้าเหยียยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก!

นี่มันพวกปีศาจอะไรกัน!

กลุ่มภูตผีปีศาจเหล่านี้!

มีคำอธิบายคำเดียวเท่านั้น!

นั่นก็คือ เจ้านายของพวกผู้อารักขาเหล่านี้แข็งแกร่ง!

แข็งแรงมาก!

อาสือที่ล้มลงไปกับพื้นนั้น ภาพตรงหน้าของเขาเสมือนกับเต็มไปด้วยภาพมายามากมาย!

กลุ่มพวกไป๋ฉี่ลงมือรวดเร็วเกินไปแล้ว!

รวดเร็วเสียจน เขาเห็นแต่เพียงสีสันของเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกเขาเท่านั้น!

"มา นั่งลง" เซียวเฉวียนช่วยพยุงอาสือลุกขึ้นมา ก่อนที่อาสือจะเริ่มร่ำไห้ออกมาในทันทีเมื่อเห็นเขา "พี่ชาย! ขาของท่านหายดีแล้วใช่หรือไม่? ฮือฮือฮือ! ข้ามีความสุขมาก ๆ เลย! ฮือฮือฮือ!"

อาสือร้องไห้พร้อมกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

“หากเจ้าไม่รู้วรยุทธ์ แล้วเหตุใดเจ้าถึงได้พุ่งตัวออกไปเช่นนั้นเล่า?”

“ข้าไม่อาจทนเห็นมั่วสี่ถูกรังแกได้!” อาสือปาดน้ำตาออกมา ในยามที่เซียวเฉวียนไม่อยู่ที่นี่นั้น พวกเขาถูกพวกโจรอันธพาลเข้ามารังแกทุกวัน จนพวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะตดออกมาเสียด้วยซ้ำ “ไม่กี่วันมานี้ พี่ไปอยู่ไหนมากัน?"

“ข้าถูกท่านอาจารย์ส่งไปฝึก”

“อ่า? แม้แต่ในยามวันส่งท้ายปีเก่าเช่นนี้ก็ยังต้องฝึกฝนด้วยหรือ? ข้าได้ยินมาจากตระกูลฉินกล่าวว่า ท่านมิได้ไปแม้แต่งานเลี้ยงในพระราชวังเสียด้วยซ้ำ!”

แม้แต่ในยามที่เหล่าผู้อารักขาและเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพกำลังห้ำหั่นและฆ่าฟันนั้น พวกเขาทั้งสองกลับเอ่ยพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพตกตายไปคนหนึ่งนั้น เซียวเฉวียนก็คีบถั่วลิสงลงบนโต๊ะ

หนึ่งเม็ด

สองเม็ด

สามเม็ด

หอปี๋เซิ่งเปรียบเสมือนกับนรกบนดินก็ไม่ปาน ทั้งโต๊ะ เก้าอี้และพื้นต่างก็เต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือดสีแดงทั้งหมด แม้แต่อาสือผู้ที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นแห่งความสุขที่แล่นเข้ามาภายในหัวใจของเขา!

คนเหล่านี้ต่างก็พากันมารังแกหอปี๋เซิ่งเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว พวกเขาสมควรที่จะโดนเช่นนี้!

ในขณะเดียวกัน เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพเองก็ถูกจัดการไปครึ่งหนึ่ง ตกตายลงไปประมาณยี่สิบกว่าคนได้

ในด้านของเซียวเฉวียนนั้น ผู้อารักขาทั้งสิบสองคนหาได้รับบาดเจ็บใด ๆ ไม่ ต่างกับสี่สิบกว่าคนตรงหน้ามากนัก

“มั่วสี่ มานี่สิ”

เซียวเฉวียนเรียกเด็กสาวเข้ามาหาเขา มั่วสี่จึงโค้งกายทำความเคารพ "เจ้าค่ะพี่ใหญ่เซียว"

มั่วสี่และเซียวจิงต่างก็ร่ำเรียนศึกษามาด้วยกัน พวกนางบย่อมเรียนรู้เกี่ยวกับมารยาทมามากมาย ดังนั้นการประพฤติตนของพวกนางย่อมเสมือนกับคุณหนูในตระกูลใหญ่ก็ไม่ปาน

“เมื่อครู่เขาแตะต้องเจ้า เจ้าอยากจะจัดการเขาเช่นไร?” เซียวเฉวียนชี้ไปที่เอ้าเหยีย

เอ้าเหยียกลับเอ่ยออกมาด้วยท่าทีได้ใจว่า “ถุ้ย ! แพ้ชนะหาได้ตัดสินไม่! เจ้ายังมีการบอกว่าจะจัดการ…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ดาบจิงหุนที่อยู่ในมือของไป๋ฉี่จึงพุ่งออกไปแทงลำคอเหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพที่นั่งอยู่ข้างกายเอ้าเหยียในทันที!

ในยามที่ไป๋ฉี่ลงไปต่อสู้ด้วยนั้น เขาเก็บงำความสามารถที่แท้จริงของตนเองเอาไว้!

เอ้าเหยียระงับความหวาดกลัวในใจของตนเองเอาไว้ พลางกล่าวว่า "ข้า ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก!"

“พี่ใหญ่เซียว” มั่วสี่มองไปที่เซียวเฉวียนก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “เมื่อกี้นี้ ท่านบอกพี่อาสือว่า เขาเป็นคนของใครหรือ?”

“ท่านอ๋องเว่ยชิง”

“ท่านอ๋องพระองค์นี้รับมือยากหรือไม่?” มั่วสี่เอ่ยถาม

“นิดหน่อย เว่ยชิงเป็นท่านอ๋องรัฐไป๋ลู่” เซียวเฉวียนเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง "นอกจากนี้ เขายังมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่าบาทอีกด้วย"

เอ้าเหยียที่ถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งนั้น พลางส่งเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา ในเมื่อรู้ว่าเขาเป็นคนของใครยังคิดกล้าสังหารเขาอีกงั้นหรือ?

มั่วสี่พลางกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา "คำถามที่พี่ใหญ่เซียวเอ่ยถามข้าไปเมื่อกี้ ว่าข้างต้องการทำอะไรน่ะหรือ ข้าอยากเข้าไปในวังหลังเจ้าค่ะ ข้าอยากไปเป็นสนมคนโปรด ข้าต้องการจะจัดการกับเว่ยชิง!"

เมื่อครู่นางรู้สึกรังเกียจจูบเหม็น ๆ ที่เอ้าเหยียประทับริมฝีปากลงมายิ่งนัก!

ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เกิดจากเว่ยชิง!

เซียวเฉวียนตกใจเป็นอย่างมาก เด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้กลับมีความคิดเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ

ใช่แล้ว บางครั้งสตรีก็สามารถเป็นกระบี่ที่แหลมคมได้เช่นกัน เซียวเฉวียนเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "เจ้าคิดดีแล้วหรือ?"

"อืม"

“ถุ้ย! เจ้าน่ะหรืออยากขึ้นเป็นสนมคนโปรด?” เอ้าเหยียพลันส่งเสียงหัวเราะออกมา “พวกเราทุกคนล้วนรู้ดีว่า เหล่าสตรีที่ออกมาจากหุบเหวเช่นพวกเจ้า ล้วนแต่เคยหลับนอนกับพวกขุนนางมากันหมดแล้ว!”

ร่างดั้งเดิมของมั่วสี่ที่อยู่ในฮว๋าเซี่ยนั้นเป็นถึงนางสนมปีศาจ การที่นางอยากจะเป็นพระสนมคนโปรดนั้น นับว่าง่ายเพียงนิดเดียว

เซียวเฉวียนเหลือบมองถั่วลิสงที่ยังอยู่ในชาม พลางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา "ในเมื่อมั่วสี่ต้องการจะเข้าไปในพระราชวังนั้น เช่นนั้นแล้ว เหล่าจอมยุทธ์ของยุทธภพที่รู้เรื่องนี้ย่อมมิอาจเก็บไว้ได้อีก"

“ไป๋ฉี่”

เซียวเฉวียนส่งเสียงแผ่วเบากล่าวออกมา "มั่วสี่ หลับตาลง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย