“อึก!”
เซียวเฉวียนทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดเข่าอย่างรุนแรง เถ๋าจี๋เตะมาหนึ่งครั้ง ขาซ้ายของเซียวเฉวียนไม่ทันระวังเขาจึงพุ่งกระโจนไปข้างหน้า!
เซียวเฉวียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเข่าข้างเดียว!
เถ๋าจี๋จับมือข้างหนึ่งของเซียวเฉวียนทันที ทำให้เซียวเฉวียนไม่สามารถขยับได้! ไอ้สารเลวน้อย เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะสู้กับข้า!
ร่องรอยความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าเว่ยชิง เซียวเฉวียนหนอเซียวเฉวียน เจ้าหยิ่งยโสอันใดกัน?
ขุนนางระดับสามผู้เดียวจับเจ้าได้!
ในบรรดาขุนนางมากมายหน่วยงานเดียวกับเว่ยชิง เถ๋าจี๋เป็นผู้ที่รู้ใจเขาที่สุด
เซียวเฉวียนไม่คาดคิดว่าเถ๋าจี๋จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
ปัญญาชนในต้าเว่ยฝึกวิทยายุทธ์ตั้งแต่เล็ก แม้รูปร่างจะไม่สูงใหญ่เท่าผู้อารักขา แต่ความแข็งแกร่งย่อมมีไม่น้อย!
เถ๋าจี๋สะบัดแขนเสื้ออย่างค่อยเป็นค่อยไป เซียวเฉวียนเหลือบมองรากเหง้าการฝึกตนที่แผ่กระจายบนแขนของเขา!
ลายมังกรที่ปรากฏเหมือนกิ่งก้านยืดเหยียดบนแขนของเถ๋าจี๋!
สามารถเห็นได้จากรากเหง้าการฝึกตนว่าเถ๋าจี๋เป็นคนมีความสามารถกวีที่โดดเด่น!
แต่เถ๋าจี๋นั้นไร้ความกล้า ทันทีที่ได้ยินบทกวีที่น่าตกใจของเซียวเฉวียน เขาก็เปลี่ยนกฎทันที เขาไม่กล้าแข่งขันกับเซียวเฉวียนในด้านบทกวี เขาจึงไม่อาจควบคุมผู้อารักขาได้ไปด้วย
มีช่วงเวลาดีๆ มากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็เป็นเพียงคนขลาด
เถ๋าจี๋ไม่เหมือนเซียวเฉวียนที่ต้องเดินทางอย่างนองเลือด เขาไม่เหมือนเซียวเฉวียนลึกลงไปกระดูกมีเพียงเลือด
เซียวเฉวียนคิดว่าหากมีการต่อสู้กันจริงๆ ไป๋ฉี่อาจไม่สามารถปกป้องเขาได้
ท้ายที่สุดเมื่อต่อสู้กับบทกวี บทกวีที่เขียนจะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากต้องสู้อีกก็จำเป็นต้องแต่งใหม่ เมื่อต้องแต่งใหม่เซียวเฉวียนอาจไม่สามารถเขียนบทกวีที่น่าทึ่งได้ในทันที!
เซียวเฉวียนที่ถูกกดขี่พยายามลุกขึ้นยืน คาดไม่ถึงว่าเถ๋าจี๋จะแข็งแกร่งมาก! แขนของเซียวเฉวียนร้าวจนลั่นดังเอี๊ยด อีกนิดแขนเขาจะหักแล้ว!
หลี่มู่กังวลมากจนกำลังจะพูด หากคิดจะขอร้องเถ๋าจี๋ก็ลืมไปได้เลย จู่ๆ เซียวเฉวียนก็เงยหน้าขึ้น “ไม่ต้องกังวล! ข้ารับมือได้!”
ทุกคำพูดและทุกประโยคเต็มไปด้วยการปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
แม้เซียวเฉวียนจะเป็นปัญญาชน แต่ในกระดูกของเขา เขามีความดื้อรั้นเช่นเดียวกับทาสคุนหลุนในใจ
หากเป็นคนทั่วไป คงจะร้องขอความเมตตาไปแล้ว เซียวเฉวียนกัดฟัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความเจ็บปวด แต่เขากลับไม่คิดยอมแพ้เลย!
ไป๋ฉี่กำหมัดแน่น จ้องมองเถ๋าจี๋ หากมีภัยร้ายเกิดขึ้นกับนายท่าน เขาจะสังหารขุนนางสุนัขตัวนี้แน่!
แต่เมื่อไม่มีคำสั่งจากนายท่านและหลี่มู่ก็มาที่นี่อีก ไป๋ฉี่ที่อยากบดขยี้เถ๋าจี๋ให้ตายจึงต้องบังคับตัวเองไม่ให้ขยับ
เซียวเฉวียนเป็นชายที่อยู่ในต้าเว่ยมานานมากแล้ว ทุกวัยได้กินทั้งปลาและเนื้อสัตว์มากมาย ทั้งยังมีอาหารเสริมให้พลังงานที่มีคุณภาพสูง และเขาออกกำลังกายทุกวัน แม้เถ๋าจี๋จะฝึกวิทยายุทธ์มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เซียวเฉวียนยังจะถูกเขาปราบปรามได้หรือ?
เซียวเฉวียนลุกขึ้นยืนในทันที เข่าของเขาขยับช้าๆ
ยืดตัวขึ้น!
เถ๋าจี๋กัดฟัน คว้ามือเซียวเฉวียนไว้แน่น น้ำหนักตัวทั้งหมดของเขากดลงบนเซียวเฉวียน พยายามหยุดเขาไม่ให้ลุกขึ้นยืน แต่กลับไม่เป็นผล
“เซียว...เฉวียน...เจ้ากล้าขัดขืนข้าหรือ จงคุกเข่าลง!”
เถ๋าจี๋พยายามอย่างหนัก ใบหน้าเขาเปลี่ยนเป็นสีเหมือนตับหมู เพราะเขาพยายามอย่างหนักเพื่อกดแรงลงไป
“ข้า...ไม่คุกเข่า!” เซียวเฉวียนกัดฟันลุกขึ้นยืน!
ผู้คนต่างปรบมือ
“เซียวเฉวียน...เจ้าจะต่อต้าน!”
ยามนี้เถ๋าจี๋ไม่มีข้อได้เปรียบอีกต่อไปแล้ว เซียวเฉวียนสูงกว่าเขา เขาจับแขนของเซียวเฉวียนไว้แน่น ซึ่งดูจะยากสักหน่อย
“ออกไป!” เซียวเฉวียนคำรามด้วยความโกรธแล้วดึงแขนออกจากข้อมือที่ยึดแน่นของเถ๋าจี๋!
เถ๋าจี๋เซจนแทบจะยืนไม่ไหว ยังดีที่เขามีเว่ยชิงเข้ามาประคอง
นับตั้งแต่นั้นเซียวเฉวียนก็หลุดพ้นและมีอิสรภาพโดยสมบูรณ์!
ผู้คนปรบมืออย่างตื่นเต้นอีกครั้งราวกับพวกเขากำลังดูละครสัตว์
เถ๋าจี๋แข็งแกร่งเกินไป ในระหว่างขั้นตอนการดึงออก แขนของเซียวเฉวียนเริ่มแดงและบวม!
ที่แท้ชายจากตระกูลยากจนคนหนึ่งก็สามารถหยิ่งได้มากเพียงนี้!
“ไป๋ฉี่!”
ทันทีที่เซียวเฉวียนร้องเรียก ไป๋ฉี่ซึ่งรอมานานก็ปรากฏตัวขึ้นทันที เสียงเขาราวกับน้ำแข็ง เงาสูงของเขาปกคลุมร่างเถ๋าจี๋ “ขอรับนายท่าน”
“ข้าเป็นขุนนางระดับสูง! ข้าเป็นคนตั้งกฎ! เจ้ากล้าใช้ผู้อารักขาหรือ?”
เถ๋าจี๋ในฐานะขุนนางระดับสามมีความรู้สึกมั่นใจในตนเองอย่างมาก ตราบใดที่ยังมีฐานะขุนนางระดับสามอยู่ มันเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้มีอำนาจตัดสิ้นใต้หล้า
“ข้าจะใช้ แล้วเจ้าจะว่าอย่างไรได้?”
เซียวเฉวียนเยาะเย้ย “ใต้เท้าเถ๋า ขุนนางระดับสูงมีอำนาจออกกฎเกณฑ์ แต่ทำได้เพียงครั้งเดียว”
“ยามนี้” เซียวเฉวียนลดคิ้วลง “ถึงตาข้าแล้ว”
เถ๋าจี๋ตกใจมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าเซียวเฉวียนจะกล้าต่อต้าน “เจ้าจะสังหารข้าหรือ?”
“ใช่ ข้ายั่วยุเจ้า”
เซียวเฉวียนผู้ทรงพลังเปรียบเสมือนราชา
เขาก้าวไปข้างหน้าโดยมีไป๋ฉี่เดินตาม เซียวเฉวียนพูดอย่างเย็นชา “เพียงแค่สังหารเจ้า ข้าจะได้รับการยกเว้นจากความผิด ไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดข้าจะไม่ทำ?”
“เมื่อเจ้าตาย เจ้าย่อมไม่สามารถตำหนิข้าได้ เจ้าสามารถโทษตัวเองที่ด้อยกว่าผู้อื่นได้เท่านั้น” เซียวเฉวียนยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ว่าลมหายใจของข้าจะไม่มั่นคงเพียงใด เจ้าจะต้องตายก่อนที่ข้าจะหายใจไม่ออกตายอย่างแน่นอน!”
“เจ้า!” เถ๋าจี๋ตื่นตระหนกเล็กน้อย ใบหน้าเขาซีดเผือด! เขาเพียงมาเพื่อชักชวนเว่ยชิงไม่ให้อารมณ์เสีย ไม่ได้คาดหวังว่าเซียวเฉวียนจะดุร้ายเพียงนี้!
เถ๋าจี๋เป็นคนที่ไม่มีความกล้าต่อกร
เขาแค่เอาแต่พูดว่าเขาอยากให้เซียวเฉวียนตาย แต่เมื่อเซียวเฉวียนเข้าหาจริงๆ เขากลับตื่นตระหนก
เซียวเฉวียนผู้เต็มเปี่ยมด้วยพลังพูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าการต่อสู้ระหว่างข้ากับเว่ยชิงเป็นเพียงการต่อสู้ของเด็กๆ หรือ? เจ้าอยากหยุดก็หยุด เจ้าคิดว่าตนจะไม่มีทางพ่ายแพ้เลยเชียวหรือ?”
“โอหัง! โอหัง! เหตุใดข้าจะแพ้ไม่เป็น!” เถ๋าจี๋ตะโกน “เข้ามา!”
เถ๋าจี๋เรียกหาผู้อารักขา!
“วันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าจนคุกเข่า!” เถ๋าจี๋ตะคอกอย่างเย็นชา “เข้ามา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...