ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 302

จวนเซียว

ฮูหยินเซียวได้ยินว่าไป๋ฉี่จะเอากระบี่ฉุนจุนไป ก็ขมวดคิ้ว กังวลใจเป็นอย่างมาก “เกิดเรื่องขึ้นเหรอ? จวนฉินรังแกลูกชายข้าอีกแล้ว?”

ไป๋ฉี่ส่ายหน้า “ฮูหยิน ไม่ใช่เช่นนั้น แต่เป็น...”

ไป๋ฉี่ยังไม่ทันอธิบาย เซียวเฉวียนและหลี่มู่ก็เข้ามา

ไม่เจอกันสามเดือน เซียวเฉวียนผอมลงไปมาก แต่กลับดูแข็งแรงขึ้นมากเช่นกัน

“ลูกแม่! จวนฉินรังแกเจ้า จึงมาเอากระบี่ฉุนจุนไปอีกครั้ง?”

กระบี่ฉุนจุนสามารถฆ่าคนของราชวงศ์ได้ ถ้าไม่ใช่ฮูหยินเซียวสร้างความวุ่นวาย...

“ท่านแม่ นี่เพื่ออาจารย์ของข้า”

ฮูหยินเซียวได้ฟัง ก็ไปเอากระบี่ฉุนจุนออกมาทันที

กระบี่ฉุนจุนเก็บซ่อนไว้อย่างลึกลับ ในห้องลับของจวนเซียว

ประตูห้องลับเปิดออก อย่างที่คิด มันเองก็สั่นอยู่บนชั้นวางกระบี่

เซียวเฉวียนและหลี่มู่สบตากัน อย่างที่คิดไว้

สวนหรงหยวนแห่งเมืองหลวง

ชาน้ำกาหนึ่ง ส่งกลิ่นหอมที่ทำให้คนจิตใจเบิกบานผ่อนคลายออกมา

“ชาหลงจิ่งแก้วนี้ ยอดเยี่ยมนัก”

คนผู้หนึ่งยกดื่มอย่างสง่างาม เอ่ยปากชื่นชมต่อเนื่อง “มองใบชานี้สีเขียวงามวาว ใบแบนเรียบสวยเงางาม แผ่นใบแผ่สยาย มีชีวิตชีวา เมื่อดื่มเข้าปากแล้วนั้นยิ่งอ่อนนุ่มและมีกลิ่นหอม ชาดี ชาดี”

“อย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ มีเพียงที่แห่งนี้ของท่านเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรสชาหลงจิ่งยอดเยี่ยมเช่นนี้ ชาของคนอื่น ไม่ได้ดีเท่าของท่านเลยสักนิด”

จูโชงชื่นชมไม่หยุด เว่ยชิงกลับไม่แม้แต่จะขยับคิ้ว

จูโชงบีบแก้วชา ท่าทางชมเชยเมื่อครู่ ลดตัวต่ำลงไปสามส่วน

จูโชง เป็นลูกหลานตระกูลขุนนางคนเดียวที่เข้ามาในสวนหรงหยวนได้

เว่ยชิงภักดีต่อฮ่องเต้ เพื่อที่จะหลบเลี่ยงตัวอยู่ในเมืองหลวง ไม่มีทางที่จะเชิญคนมาที่สวนหรงหยวน เพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงต่อการที่จะถูกคนตราหน้าว่าสมคบคิดเพื่อประโยชน์ส่วนตน

วันนี้จูโชงขอพบ ยืนรอแล้วรอเล่าอยู่นอกประตู ทั้งยังบอกว่าถ้าไม่ได้เจอเว่ยชิง ก็จะไม่ไปไหนเด็ดขาด

สู้กับตราประทับเหวินอิ้นของเซียวเฉวียนครั้งหนึ่ง ตอนที่เว่ยชิงฟื้นขึ้นมา มีเพียงจูโชงอยู่ข้างตัว หมูตัวนี้ ยังไม่ได้สติยิ่งกว่าเขานัก

ตอนนั้นเว่ยชิงจัดเสื้อผ้าเรียบร้อย ชำระล้างคราบเลือดบนเส้นผมและใบหน้าจนเสร็จ มีรูปลักษณ์ที่สง่างามดังเช่นเดิมแล้ว ถึงค่อยทำให้จูโชงฟื้น ถามเขาว่าเห็นอะไรไปบ้าง

จูโชงโบกมือเป็นพัลวัน บอกเซียวเฉวียนตีเขาจนสลบโยนเข้ามาแล้ว เขาก็ไม่รู้เห็นอะไรอีก

เว่ยชิงไหนเลยจะรู้ สภาพที่เขาถูกเซียวเฉวียนตีจนอเนจอนาถ ถูกจูโชงเห็นหมดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

จูโชงเป็นคนที่เอาแต่ขานรับอย่างเดียว ไม่เคยมีความเห็นมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้ฉลาดเช่นจูเหิง แม้ว่าเขาเห็นอะไรมา ถึงเว่ยชิงจะให้อภัยเขาก็ไม่กล้าบอกคนอื่น

เดิมทีวันนี้เว่ยชิงไม่อยากเจอเขา ปู่ของจูโชงคืออัครเสนาบดีจู อาคือพระชายาจูแห่งเว่ยเจียนกั๋ว เว่ยชิงควรหลบเลี่ยงอย่างสุดความสามารถ

แต่จูโชงกลับบอกว่า มีเรื่องใหญ่มาก เกี่ยวกับอาจารย์ของเขา

ดังนั้น เว่ยชิงถึงแหกกฎ ให้จูโชงเข้ามา

ทั้งยังให้จูโชงดื่มชาล้ำค่าที่ฮ่องเต้ทูลให้มา ชาหลงจิ่ง

หากจูโชงพูดเรื่องที่ไม่สำคัญพอละก็ ชาแก้วนี้ จูโชงก็เทียบไม่ติด

“คุณชายจูมาวันนี้ มีเรื่องใด?” เว่ยชิงถามเรียบๆ

มือที่ถือแก้วชาขึ้น เจ็บปวดไปถึงในใจ ล้วนเป็นเซียวเฉวียนที่ทำ!

เว่ยชิงเพิ่งคำนับอาจารย์เสร็จ ผู้คนรู้กันทั่ว ผลสุดท้ายไม่เห็นแม้แต่ร่องเงาของอาจารย์ แม้แต่ขนเส้นเดียวเว่ยชิงก็ไม่ได้เรียนรู้กับปีศาจกวี ซ้ำยังมีศิษย์พี่มาอีกคนหนึ่ง!

คิดถึงพู่กันเล่มแดงสดของเซียวเฉวียนเล่มนั้น ในใจเว่ยชิงก็นิ่งขรึม อาจารย์กลับเอาของดีเช่นนั้นให้แก่เซียวเฉวียนแล้ว

น่าโมโหนัก!

ดังนั้น เว่ยชิงที่ร้อนใจอยากตามหาอาจารย์ ถึงได้ให้จูโชงเข้าสวนหรงหยวนมาพูดจา

มิฉะนั้นในเวลาปกติ แม้ท่านปู่ของจูโชงจะมาด้วยตนเอง เว่ยชิงก็ไม่อยากจะพบ!

ถ้ารู้อย่างนี้ฆ่าเซียวเฉวียนให้ตายตั้งแต่ด้านนอกซะก็ดี!

เช่นนี้เซียวเฉวียนก็จะไม่เจอกับปีศาจกวี!

ก็จะไม่มีเรื่องหลังจากนั้นแล้ว!

แต่ว่า มันสายไปแล้ว!

เว่ยชิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ที่มา เพื่อจะพูดเรื่องไม่มีมูลกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

เว่ยชิงยุ่งมาก พรุ่งนี้ยังต้องไปเข้าร่วมงานประลองยุทธเลือกคู่ขององค์หญิง เขาไม่มีเวลามาพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้

“ท่านอ๋อง ข้าไม่ได้พูดมั่วๆนะ ข้าได้ยินมาว่า มีคนเห็นร่องรอยของเซี้ยวเฟิงแล้ว”

“อะไรนะ?” ถึงเว่ยชิงจะไม่โกรธแต่จูโชงเองก็ไม่กล้าหลอกเขาแน่ๆ ยืนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “อยู่ที่ไหน? เวลาใด? ใครเป็นคนเห็น!”

หากเว่ยชิงหาเซี้ยวเฟิงพบ เช่นนั้นเขาก็จะได้คุณงามความดียิ่งใหญ่แน่นอน!

เขาต้องเอาชนะเซียวเฉวียนได้แน่ๆ

“ทั่วทั้งเมืองล้วนเล่าลือกันว่า อยู่ในป่าไผ่แห่งหนึ่งนอกเมือง เป็นตาเฒ่าคนหนึ่งเห็นเข้าขณะไปขุดหน่อไม้”

จูโชงพูดไปคิ้วก็ขยับไป แสดงออกชัดเจนทั้งน้ำเสียงและสีหน้า เม็ดสิวทั้งใบหน้าก็ราวกับตื่นเต้นด้วยเช่นกัน “ตาเฒ่าคนนั้นไปตั้งแต่รุ่งสาง สะพายตะกร้าสานไว้ที่หลัง เดินๆไป โอ้ มองเห็นเข้า นั่นคือตัวอะไร...”

เว่ยชิงเริ่มโมโหที่เขาพูดพล่าม แต่ยังคงแสดงท่าทางอย่างสุภาพชน “คุณชายจู เชิญพูดเข้าเรื่องหน่อย”

“อะแฮ่ม!” จูโชงพยักหน้า “ก็ที่ตรงนั้นในภูเขา เห็นพยัคฆ์ตัวขาวโพลนตัวหนึ่ง ไม่มีขนแม้แต่เส้นเดียว ดวงตาทั้งคู่แดงราวกับโคมกระดาษแดง!”

“ตาเฒ่าคนนั้นตกใจจนขวัญดีหนีฝ่อ วิ่งหนีจนแม้แต่รองเท้าก็หาย รีบจนแม้แต่ชะลอมก็ไม่เอาแล้ว!”

“วิ่งๆไป! เขาก็เจอกับเซียวเฉวียน!”

จูโชงพูดตรงไปตรงมา จมูกคือจมูก ดวงตาคือดวงตา ประโยคด้านหน้าทั้งหมดนั่นคือความจริง ส่วนประโยคด้านหลังที่บอกว่าเจอกับเซียวเฉวียนนั้นกลับเป็นเขาที่เติมเข้าไปเอง

พูดให้ถูกหน่อย เป็นท่านปู่อัครเสนาบดีจูให้เขาเพิ่มไป

ส่วนที่ว่าทำไม จูโชงไม่รู้ เขาเป็นแค่หลานหัวอ่อนที่เชื่อฟังคำสั่ง ท่านปู่ให้เขาเพิ่ม เขาก็เพิ่ม

เว่ยชิงที่เมื่อกี้ยังคิดที่จะหาเซี้ยวเฟิงให้พบสร้างคุณงามความดี เมื่อได้ยินคำว่าเซียวเฉวียนสองคำนี้ ความสุขุมก็หลุดในทันที “เจ้าพูดว่า เซียวเฉวียนหาเซี้ยวเฟิงเจอแล้ว? ถ้าเจ้ากล้าแต่งเรื่องมั่วซั่ว ข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย