เจ้านาย?
เซียวเฉวียนยังไม่ทันได้คืนสติ ฮว๋าเซี่ยและต้าเว่ย มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน แต่ผู้คนไม่เหมือนกัน เวลานี้โผล่ไป่ฉีออกมาคนหนึ่งแล้วมาเรียกเขาว่าเจ้านาย
เซียวเฉวียนรู้สึกสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขายังไม่ค่อยจะรู้ซึ้งห้วงแห่งเวลาและสถานที่นี้มากนัก
”เซียวเจี่ยเหยียน? นี่คือทะเบียนบ้านของไป่ฉี คุณก็มีหนึ่งฉบับ” สวีซูผิงหัวเราะกั๊กๆ ขัดจังหวะความคิดของเขา
เซียวเฉวียนทำความเคารพ รีบรับทะเบียนบ้านมาใส่เข้าในแขนเสื้อ และรีบพยุงไป่ฉีที่คุกเข่าอยู่ให้ลุกขึ้น "ลุกขึ้น"
เจ้าหน้าที่ทั้งน้อยใหญ่เห็นเขาทำกับผู้อารักขาด้วยความสุภาพขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มพูดคุย "ทุกคนกล่าวหาว่าเขาไม่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในสายตา ฉันว่ามันไร้สาระสิ้นดี!"
”ก็แน่ละสิ คนที่พระองค์ทรงคัดสรรเลือกมาจะแย่อย่างนั้นได้ไง คนพวกนั้นมันอิจฉาตาร้อนกัน”
"ฉันก็ต้องการมีผู้อารักขาเหมือนกัน! แต่ฉันไม่กล้าวะ!"
”คนอย่างคุณละหรือ พอเถอะ ระวังจะถูกผู้หลักผู้ใหญ่เก็บเสีย!”
"แข็กๆ!" สวีซูผิงไอแห้งๆ เซียวเฉวียนยังไม่ได้ออกไป ทำเสียงดังขนาดนี้ กลัวเซียวเฉวียนจะไม่ได้ยินหรือ?
เซียวเฉวียนไม่สนใจ "เสียงซุบซิบ" ของคนเหล่านี้ และข่าวซุบซิบในกระทรวงการคลังนี้ก็ไม่เบาทีเดียว ไม่ต่างอะไรกับปากของพวกพ่อค้าแม้ค้าตามตลาด เขาทำความเคารพและพูดว่า "ธุรกิจเสร็จเรียบร้อย ขอขอบคุณท่านสวีที่ได้มาจัดการด้วยตัวเอง ฉันเซียวไม่ขอรบกวนเวลาอีก......"
”เซียวเจี่ยเหยียนไม่ต้องเกรงใจ ฉันเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ทำอะไรด้วยตัวเองก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง” เซียวเฉวียนพูดยังไม่ทันจบ ท่านสวีก็เปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมาด้วยตัวเอง “การสอบแข่งขันระดับเมืองหลวงกำลังจะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้ ฉันมองว่าเซียวเจี่ยเหยียนมีแววดูดีมาก ไว้สอบได้อีกครั้ง อย่าลืมเลี้ยงฉันกินเหล้าสักจอกนะครับ ฉันนี่ชอบคุยกับคนที่มีพรสวรรค์อย่างเซียวเจี่ยเหยียนจริงๆ ได้โปรด ได้โปรดนะครับ”
เซียวเฉวียนยิ้ม ด้วยกิริยาท่าทางอย่างสุภาพบุรุษ ทำให้คนไม่อาจละสายตาได้ "ถ้าเซียวโชคดีสอบได้ ต้องมาชักชวนอย่างแน่นอน"
"อันที่จริง ถึงจะสอบไม่ติดก็มาชวนได้นะครับ ฉันแค่ชอบถกคุยเรื่องแต่งบทกวี บทเพลงกับสุภาพชนที่รู้วิชา คุยเรืองดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ไปเรื่องยุคก่อนประวัติศาสตร์ แล้วก็เรื่อง……”
"แค็ก! แค็ก! แค็ก!" ผู้ใต้บังคับบัญชาของสวีซูผิง กระไอกระแอมอย่างลนลาน พูดแบบนั้นได้อย่างไร ไปว่าเขาสอบไม่ติดต่อหน้าคนได้ไง?
แม้ว่าทุกคนในกระทรวงการคลังจะเคยได้ยินมาว่าเซียวเฉวียนไม่เก่งวิชาเลข จะสอบไม่ติด แต่ท่านหัวหน้าสวีก็ทำเกินไป!
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาสะกิดเตือนอย่างลนลาน สวีซูผิงจึงรู้สึกตัวว่าทำพลาด เขารีบหุบยิ้มและแก้เขินพูดอย่างถูกต้องชอบธรรมว่า "จริงๆ แล้วสอบได้ดีที่สุดน แต่ถ้าไม่ได้ก็มาเลี้ยงเหล้าได้นะ"
ผู้ใต้บังคับบัญชาช่วยแก้หน้าให้ ท่านสวีนี้ทำเรื่องขายขี้หน้าต่อเจ้ากระทรวงการคลังจริงๆ
"หากไม่มีประเทศก็จะไม่มีบ้าน หากไม่มีบ้านเล็กๆ ก็จะไม่มีบ้านใหญ่ๆ ท่านสวีมีหน้าที่ดูแลทะเบียนบ้านช่องซึ่งเป็นรากฐานที่สุดของประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในประเทศใหญ่ จะเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยได้อย่างไร ถ้าเซียวมีโอกาสดื่มกับท่านได้ จะเป็นบุญวาสนาของเซียว ไว้เซียวสอบได้แล้ว บุคคลแรกที่เชิญต้องเป็นท่านสวีแน่”
สวีซูผิงผงะไปครู่หนึ่ง ทุกคนบอกว่าเจ้ากระทรวงการคลังตำแหน่งสูงแต่มีอำนาจน้อย เป็นเหมือนหมอนปักลายดอก ดูสวยหรูแต่ไร้ประโยชน์
ผู้รู้หนังสือหลายต่อหลายคน ไม่ชอบมากที่สุดที่จะมาอยู่ในกระทรวงการคลังนี้
มีเพียงใบหน้าของเซียวเฉวียนที่ไม่มีท่าทีดูถูกดูหมิ่นแต่อย่างใด เขาแสดงมารยาทด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง
สวีซูผิงมาส่งทั้งเจ้านายและผู้อารักขาทั้งสองคนออกจากกระทรวงด้วยตัวเอง และยืนอยู่ที่ประตูอย่างครุ่นคิดเป็นเวลานาน ไม่มีอาการหัวเราะตลกให้เห็น
เมื่อได้เจอเขาในวันนี้ เซียวเฉวียนคนนี้เป็นอย่างที่พระองค์ตรัส ไม่ใช่บุคคลธรรมดาจริงๆ
เขายืนหันหน้าสู้ลมเป็นเวลานาน ทันใดนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาร้องเรียกอย่างไม่เกรงใจผู้หลักผู้ใหญ่ “ท่านครับ เข้ามาได้แล้ว!”
นัยน์ตาสีเข้มของมารดาเซียวส่อความอ้างว้างเล็กน้อย แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ยังคงช่วยเขารินเหล้าและตักข้าวด้วยรอยยิ้มอยู่เช่นเดิม
เซียวเฉวียนคีบพริกแดงๆ ชิ้นหนึ่งให้อาสือ "นี่แหละคือพริก จะมีอาการแสบร้อนเมื่อเข้าปาก รู้สึกชาในลำคอและร้อนในร่างกาย หลังจากนั้นไม่นานจะรู้สึกชาไปทั้งตัว มีความรู้สึกเหมือนเทวดานางฟ้า ลองแล้วจะไม่มีวันลืมอีกเลย”
อาสือคิดว่าสิ่งที่นายพูดมาในอดีตนั้น เป็นเพียงมาหลอกลวงเขา แต่ตอนนี้จะมีสิ่งยอดเยี่ยมแบบนี้จริงหรือ
ทุกคนต่างควบตะเกียบคีบชิมดู ต่างแลบลิ้นเพื่อคลายความเผ็ด ทั้งดื่มน้ำอย่างบ้าระห่ำ หลังอาหารมื้อนั้น ทุกคนแสบร้อนหูตาแดง เหงื่อไหลไคลย้อย
แต่มันก็เป็นอย่างที่เซียวเฉวียนพูดจริงๆ สิ่งอัศจรรย์นี้ทำให้เสพติดได้จริงๆ ถือเป็นกับแกล้มชั้นยอด
ด้านนอกลานบ้านของตระกูลเซียว เงาร่างที่เพรียวบางและสวยงามกำลังกำผ้าเช็ดหน้าแน่น เมื่อครู่ตอนที่เซียวเฉวียน ตะโกนว่าเขาไม่ใช่คนอะไรของตระกูลฉิน ฉินซูโหรวได้ยินเข้าหูหมดแล้ว
เวลานี้เซียวเฉวียนกล้าที่จะไม่อยู่อาศัยในบ้านตระกูลฉินอย่างโจ่งแจ้ง ทั้งยังพูดจาไม่ให้เกียรติกัน ทั้งๆ ที่โมโหสุดจะทน มองดูประตูที่ปิดสนิทของบ้านตระกูลเซียว เธอกลับรู้สึกถึงความเกรงกลัวอย่างบอกไม่ถูก
”คุณหญิง กลับกันเถอะ กลางคืนมันหนาวเกินไป ระวังจะเป็นหวัด” อาเซียงพูดด้วยความลำบากใจ ประตูบ้านของตระกูลเซียวปิดตลอดเวลา เคาะประตูก็แล้ว เสียงดื่มเหล้ากันหยอกเย้ากันข้างในดังเกินกว่าจะได้ยิน
เที่ยวก่อนมาทะเลาะกับเซียวเฉวียนทำให้ฉินซูโหรวโกรธเคืองไม่น้อย และเซียวเฉวียนทำไงไม่รู้ ทำให้ฉินหนานเกิดป่วยหนัก ดังนั้นเธอจึงเกลียดตัวเซียวเฉวียนมากและไม่ได้มาตอแยกับเขาอีก
คุณยายฉินเกลี้ยกล่อมฉินซูโหรวว่า แม้เธอจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ควรแสร้งทำเป็นว่ารักใคร่กลมเกลียวกัน ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ให้คนภายนอกรู้ว่าสองคนแยกทางกันอยู่ นอกจากจะดูไม่ดีแล้ว ยังทำให้ตระกูลฉินเสียหน้า และไม่ดีต่อชื่อเสียงของฉินซูโหรวด้วย
เดิมทีคิดว่าหลังจากเซียวเฉวียนได้ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงเหล่านั้นแล้ว หลายวันมานี้เขาคงนึกเสียใจอยู่ ยังไงตระกูลฉินก็เป็นตระกูลใหญ่ ออกจากจวนฉินจะทำให้เซียวเฉวียนเสียหายได้ แต่ดูๆ แล้ว เขายังคงกินดีอยู่ดีของเขาอยู่ แถมยังรับอุปถัมภ์ไพร่ชาวคุนหลุนหนึ่งคนอย่างเปิดเผยเข้ามาอยู่ในบ้านอีกต่างหาก
ไม่เหมือนฉินซูโหรวซึ่งมีอาการน้ำไม่ดื่มข้าวไม่ตกท้องเพราะอารมณ์ขุ่นเคืองช่วงหลายวันนี้? เธอโกรธมากจนโยนห่อผ้าในมือลงกับพื้น "เราไปกันเถอะ!"
ในห่อผ้านั้นมีชุดแต่งงานหรูหรา ซึ่งเป็นชุดที่เซียวเฉวียนเอาไปจำนำทิ้งไว้กับโรงรับจำนำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...