ตระกูลฉินอบรมสั่งสอนกันมาเป็นรุ่นสู่รุ่น ชื่อเสียงการอบรมเลี้ยงดูอันเข้มงวดของพวกเขาโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง
ฉินหนานและฉินเป่ยเป็นเช่นนี้ มันช่างเป็นความโชคร้ายของวงศ์ตระกูล
เดิมทีตระกูลเซียวมีอำนาจสูงส่งกว่าตระกูลฉิน เพียงแค่พวกเขาไม่ได้ร่ำรวยได้เพียงสามชั่วอายุคน
มีบทเรียนเรื่องเงินทองของตระกูลเซียวก่อนหน้านี้ คุณยายฉินกระตุ้นและเลี้ยงดูลูกหลานของนางเป็นอย่างดีมาโดยตลอด กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ยอมให้ออกนอกลู่นอกทาง
ตระกูลเซียวไม่เคยมีผู้ดีถือกำเนิด จึงต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ดังนั้นตระกูลฉินจึงควรต้องระมัดระวังเรื่องพวกนี้ถึงจะถูก
“ฮึ......” คุณยายฉินระงับความโกรธ ไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว ฉินหนานและฉินเป่ยตกใจจนก้มหน้าลงต่ำ
ท่านยายเข้มงวดมาโดยตลอด แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่าโชคร้ายได้มาเยือนพวกเขาแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะเซียวเฉวียน!
ทุกคนมีความกังวลเป็นของตนเอง แต่ในสายตาของเซียวเฉวียนมีเพียงแค่อาหารเท่านั้น
ร่างกายนี้ของเซียวเฉวียนไม่ได้สัมผัสเนื้อมานานแล้ว กลิ่นเนื้ออันหอมหวานทำให้ร่างกายของเซียวเฉวียนรู้สึกตื่นเต้น
อาหารและเนื้อที่ดีขนาดนี้ มันราวกับว่าเป็นอาหารในงานเลี้ยงที่มีความมุ่งร้ายแอบแฝง
เหมือนกับคำพังเพยที่ว่า ขุนนางใหม่ต้องแสดงให้เห็นความสามารถก่อนถึงจะได้รับการยอมรับ วันนี้ที่คนตระกูลฉินเลี้ยงอาหารชั้นดีก็เพราะคิดไว้แล้วว่าจะจัดการกับเซียวเฉวียนอย่างไร
ในตอนที่เซียวเฉวียนยื่นตะเกียบออกไป คุณยายฉินก็ตีตะเกียบของเขาลง
“แกร๊ก......”
ตะเกียบของเซียวเฉวียนร่วงลงบนโต๊ะอาหาร คิ้วของเขาลุกเป็นไฟ “ไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอะไรจะสั่งสอนงั้นหรือ?”
สีหน้าของเขาดูดุร้าย ทำให้คุณยายฉินไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ตระกูลฉินของข้ามีแต่คนมากความสามารถ ไม่มีคนไร้ประโยชน์ เวลานี้มีเพียงเจ้าที่เป็นปัญญาชน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เจ้ามีแผนจะทำอย่างไรต่อไป?”
คำถามนี้เป็นคำถามเกี่ยวกับแผนที่วางไว้ แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ต้องการสื่อคือเจ้าไม่มีอะไรเลย หลังจากนี้หากอยู่ในตระกูลฉินต่อไปควรเจียมตัวให้มากกว่านี้
“ข้าจะเข้าร่วมการทดสอบระดับชนบท”
เซียวเฉวียนตอบไปอย่างแน่วแน่ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ฉินเฟิงตะโกนออกมาดังลั่น “เซียวเฉวียน อย่าหาว่าข้าหยาบคาย การตอบผู้อาวุโส เจ้าต้องเพิ่มคำว่า เรียนท่านยาย สามพยางค์นี้เข้าไปด้วย!”
ใบหน้าของฉินซูโหรวมืดมนยิ่งกว่าเดิม ในเวลานี้ฉินหนานเองก็แทบจะทนไม่ไหว การทดสอบระดับชนบท? ใครต่างก็รู้ว่าเซียวเฉวียนไม่มีชื่อในอันดับมาสามปีติดต่อกัน! เขากลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวงไปตั้งนานแล้ว!
เส้นทางการทดสอบระดับชนบท สำหรับเซียวเฉวียนแล้ว มันเป็นเส้นทางที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุด!
ฉินซูโหรวผู้ซึ่งรักในตัวน้องชายกระแอมออกมา ใช้ตะเกียบคีบผักไว้ในถ้วยของฉินหนาน จากนั้นกล่าวออกมาว่า “หนานเออร์ อย่าไปสนใจเขา ทานอาหาร นี่คือเป็นที่ข้าสั่งให้พ่อครัวทำให้เจ้าเป็นพิเศษ”
“ขอบคุณพี่สาว” ฉินหนานรีบถอนตัวอย่างรวดเร็ว คนปากร้ายอย่างเซียวเฉวียน เขาไม่สามารถต่อกรได้
คนของตระกูลฉินมีความสุข เซียวเฉวียนที่ทานอิ่มแล้วก็ไม่สนใจที่จะเถียงกับคนพวกนี้อีกต่อไป
อีกอย่างตะเกียบก็ถูกตีตกไปแล้ว เซียวเฉวียนหมดความสนใจในอาหารมื้อนี้
เซียวเฉวียนยืนขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย ไม่เย่อหยิ่งหรือถ่อมตัว “ข้าทานอิ่มแล้ว ไม่ขอรบกวนเรื่องอาหาร ข้าขอตัวก่อน”
ภายใต้ความประหลาดใจของทุกคน เซียวเฉวียนสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป
“ไร้มารยาท! ท่านยายอนุญาตให้เจ้าไปแล้วงั้นหรือ!”
ฉินเฟิงตบโต๊ะอาหาร ถ้วยแกงบนโต๊ะอาหารหกเลอะเทอะ แต่เซียวเฉวียนก็แค่โบกมือลาโดยไม่หันกลับมา
ภายใต้ความสง่างาม เซียวเฉวียนกำหมัดแน่น ลูกผู้ชายจะไม่ทานอาหารของผู้อื่น ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขา เซียวเฉวียน จะต้องหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างสง่าผ่าเผย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...