ในเวลาเดียวกัน ความประหลาดใจของเซียวเฉวียนก็ปรากฏขึ้นอย่างท่วมท้น เหมือนคลื่นยักษ์ทับถมอยู่ในทรวงอก!
คนจีนฮว๋าเซี่ยที่แหวกห้วงทะลุเวลามาเมื่อ 40 ปีก่อนนั้น คงเหมือนเซียวเฉวียนที่ข้ามทะลุมาอย่างกะทันหัน คนๆ นั้นคงหวังว่าจะเจอคนจีนคนอื่นๆ โดยอาศัยสูตรท่องจำทางคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมนี้
เซียวเฉวียนรู้สึกประหลาดใจที่ราชวงศ์ต้าเว่ยที่มีผลผลิตไม่เพียงพอ เทคโนโลยีที่ล้าหลัง แต่สามารถสร้างมีดเหยียนเยว่อย่างของสวีต๋าได้ เขาคิดว่านี่คงเป็นความพิเศษของต้าเว่ย
ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีคนจีนมาที่นี่นานแล้วและถ่ายทอดเทคโนโลยีการถลุงเหล็กไว้ หอคุนหวูเริ่มสร้างดาบในปีที่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าเว่ย และเริ่มสร้างอาวุธไว้หลายชุด อาวุธที่ผลิตขึ้นก็เป็นที่รู้จักกันดี
ได้ยินมาว่าหอคุนหวูก็มีร่วมมือกับราชสำนัก ถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำดาบให้ทางราชสำนัก ช่วยเสริมสร้างกำลังการต่อสู้ของราชวงศ์ต้าเว่ยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
เป็นเพราะหอคุนหวูมีคุณงามความดี จึงมีคุณสมบัติที่จะเปิดหอกระบี่ที่งดงามและสูงสง่าเช่นนี้ในเมืองหลวงได้ มีสาขาในที่ต่างๆ ซึ่งเป็นรูปแบบของการขายในสมัยใหม่นี้
ที่สาขาแห่งอื่น ดาบที่จำหน่ายมีแค่ระดับ 1 ถึง 5 ตำลึง ที่หอคุนหวู ไม่ว่าจะขายดาบระดับชั้นไหนก็ตาม การเปิดราคาขั้นต่ำก็คือ 50 ตำลึง ซึ่งยังรับเป็นทองคำด้วย
หลังจากอ่านคำถามแล้ว เซียวเฉวียนรีบสอบถามว่า "คนที่เขียนคำถามนี้อยู่ในหอคุนหวูหรือเปล่า?"
เดิมทีเซียวเฉวียนดูเต็มไปด้วยความมั่นใจ และเจ้าของร้านยังพอมีความหวัง ตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้าของเซียวเฉวียนเต็มไปด้วยความตกตะลึง เจ้าของร้านก็ตะคอกอย่างเย็นชา ลูกหลานเมืองหลวงนี้มักจะหยิ่งยโสเสมอ และคนในหอคุนหวูไม่ชอบคนอหังการพวกนี้เป็นที่สุด
เดิมทีคิดว่าในที่สุดคนที่มีภูมิความรู้มาจนได้ แต่กลับกลายเป็นคนงี่เง่า มีเพียงความมั่นใจในตนเองและความโอ่อ่าบนผิวหน้า
เขาเตือนซ้ำแล้ว แต่คนๆ นี้ก็ยังยืนกรานที่จะใช้ทองคำ 50 ตำลึงเพื่อแลกกับข้อคำถาม ถ้าตอนนี้เขาไม่สามารถตอบคำถามได้ กล้าดียังไงมาถามเกี่ยวกับบรรพบุรุษของหอคุนหวูอีก!
พวกใช้เงินเพื่อหาความสนุก ผู้คนในหอคุนหวูนั้นรำคาญเป็นที่สุด ลูกหลานคนในเมืองหลวงส่วนใหญ่เอาแต่ใจตัวเอง อาศัยว่ามีเงิน เข้ามาหาเอาแต่ดาบชั้นหนึ่งทุกวัน แต่ไม่เคยมีคนไหนตอบคำถามได้ถูก
ทอง 50 ตำลึงลอยไปกับน้ำ คนพวกนี้ก็ไม่เคยติดใจแถมยังกลับไปอย่างร่าเริงสำราญใจ เจ้าของร้านรู้สึกเพียงว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ที่บรรพบุรุษสืบทอดมานั้น ไม่ได้รับความเคารพ เขาเหล่านั้นจึงมักผลักไสไล่ส่งลูกหลานของเมืองหลวง
ตอนนี้เซียวเฉวียนก็ดูมีลักษณะนี้เช่นกัน ไม่มีปัญญา ทำไมจึงจะมาขอเอาดาบระดับชั้นหนึ่งนี้เพื่ออะไร?
เจ้าของร้านตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า "ดาบชั้นหนึ่งนี้สร้างโดยบรรพบุรุษของหอคุนหวู บรรพบุรุษกล่าวไว้ว่าเฉพาะคนที่ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และฉลาดที่สุดเท่านั้นที่สามารถครองคู่ดาบนี้ได้! นายท่านตอบไม่ได้ก็ขอเชิญกลับไปเถอะ"
คนงานในหอคุนหวูส่งเสียงเชอะ คนซื่อบื้อโผล่มาอีกหนึ่งละ เงิน 50 ตำลึงนี้หมดไปก็ดี เดี๋ยวจะมาทำให้ดาบระดับชั้นหนึ่งขอหอคุนหวูติดด่างพร้อย!
ในเมื่อถูกว่าเป็นบรรพบุรุษ พี่ใหญ่คนนั้นดูเหมือนจะจากไปแล้ว เซียวเฉวียนส่ายหัว รู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง พี่ใหญ่ ทำไมท่านทิ้งไว้แค่วิชาการทำดาบ? อย่างน้อย อันดับแรก ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของต้าเว่ยก่อนก็ยังดี! ถ้าทำเช่นนี้เซียวเฉวียนก็ ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อปฏิรูปคนโง่เง่าเหล่านี้
แต่ว่า อย่างน้อยพี่ใหญ่ก็ทิ้งดาบดีๆ ไว้ให้น้องบ้านเดียวกันคนนี้ กับไป่ฉี ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้ว!
มันเป็นโคลง แต่จริงๆ แล้วมันเป็นรหัสลับของจีน สำหรับคนต้าเว่ย มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ แต่สำหรับคนจีนฮว๋าเซี่ยแล้ว มันง่ายนิดเดียว
”เอาพู่กันามา!” เซียวเฉวียนสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย
เจ้าของร้านทั้งคนงานผงะไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าพวกเขากำลังดูคนเล่นตลก พวกเขาไม่ขยับแม้แต่นิด
”คุณครับ ฉันบอกให้หยิบพู่กันมาให้หน่อยครับ” เซียวเฉวียนยิ้มเล็กน้อย
"นายท่าน... จะตอบคำถามนี้จริงหรือ?" เจ้าของร้านไม่อยากจะเชื่อ เซียวเฉวียนไม่มีทีท่าลังเลใดๆ บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เมื่อเทียบกับลูกหลานเมืองหลวงหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะสามารถตอบคำถามได้อย่างงั้น
”เขาคงไม่ตอบมั่วมั่ง”
"ไม่แน่! อย่าลืมว่า มีลูกหลานในเมืองหลวงไม่น้อยเขียนมั่วไปงั้น ไม่รู้ทำเป็นรู้!"
คนงานคุยไปเรื่อย เซียวเฉวียนยื่นมือออกมา “ไหนอะ คุณ?"
เจ้าของร้านดึงสติกลับมาได้ ส่งสัญญาณบอกให้คนงานรีบนำพู่กัน หมึก กระดาษและหินหมึกมาให้ ผู้คนสัญจรไปมายืนมองดูแออัดตรงหน้าประตู เขยของตระกูลฉินออกมาสร้างปัญหาอีกแล้ว ไม่อยู่ทบทวนหนังสือเพื่อเตรียมสอบ แต่มาหาซื้อดาบ กะว่าเวลาทำข้อสอบไม่ได้ จะเอาดาบไปฟันข้อสอบหรือไง?
พี่ใหญ่คนนี้จงใจมอบดาบชั้นสองและดาบล่างให้กับชาวต้าเว่ย และทิ้งดาบชั้นหนึ่งไว้ให้ชาวจีนฮว๋าเซี่ยเท่านั้น แต่ดาบนี้ก็ไม่เคยได้ถูกพรากจากไป ดูเหมือนว่าเซียวเฉวียนจะเป็นคนจีนคนที่สอง ที่มาถึงต้าเว่ยนี้
พี่ใหญ่คนนี้เป็นนักเรียนวิทยาศาสตร์ดั้งเดิม ใจตรง ยึดติด ทั้งชีวิตของเขาที่อยู่ตรงต้าเว่ยนี้ คงทำแค่งานสร้างดาบงานนี้เพียงงานเดียว
ว่ากันว่าเซียวติ้ง เด็กเนิร์ดมักจะเข้าๆ ออกๆ เมืองหลวง ไม่รู้อะไรเลยนอกจากอ่านหนังสือ เซียวเฉวียนครุ่นคิด เขาจะต้องออกข้างนอกมากกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะไป่ฉี เขาคงยังไม่ได้ให้สนใจว่ามีสถานที่หอคุนหวูนี้ ดูๆแล้วคล้ายเป็นเหตุการณ์ที่ฟ้าบันดาลให้เกิด
เจ้าของร้านวิ่งเหยาะๆ มาตลอดทาง ครั้งนี้ไม่รู้เป็นไร เจ้าของร้านกระวนกระวายจากก้นบึ้งของหัวใจ และเขาก็ใจร้อนอยากรู้ว่าคำตอบนั้นถูกต้องหรือไม่เช่นกัน
ออกจากหอคุนหวู วนจากสวนหลังบ้าน ต้องเดินผ่านทางยาวและผ่านหินประดับ เจ้าของร้านมาถึงลานที่สง่างามแห่งหนึ่ง
ในลานบ้านมีต้นไม้เขียวขจี มีกำแพงหินด้านขวาซึ่งปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำ หยดน้ำไหลจากบนลงล่าง ลงสู่ร่องน้ำ ซึ่งใสและส่งเสียงไพเราะ ละเอียดอ่อนและน่ารื่นรมย์
พ่อบ้านยืนอยู่ในลานบ้าน และพูดด้วยความเคารพกับประตูที่ปิดสนิทอยู่ "นายน้อย วันนี้มีคนมาตอบคำถาม"
"อืม" ในบ้าน คุณอี้ตอบอย่างหนักแน่นโดยไม่สนใจใดๆ
ตามระเบียบเดิมๆ เจ้าของร้านกระแอมและพูดว่า "ผู้น้อยจะอ่านคำตอบ ขอให้นายน้อยตรวจสอบให้คำวินิจฉัย"
สำหรับโคลงคู่ในอดีต คุณอี้จะให้คะแนนประเมินเป็นสามแบบ: บน กลาง และล่าง ถ้าออกมาเป็นบน ก็จะได้รับดาบระดับสาม เช่นนี้เป็นต้น ถ้าออกเป็นล่าง ก็จะได้รับเพียงดาบระดับห้าธรรมดา
เจ้าของร้านเปิดกระดาษข้อตอบ พบว่าลายมืออักษรบนนั้นบินว่อนเหมือนมังกรเคียงหงส์ ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง "คนที่ตอบคำถามในวันนี้ คำถามที่เลือกเป็นคำถามคู่ โคลงบน เป็นฉีเปี้ยนโอ่วปู๋เปี้ยน...... "
เมื่ออ่านถึงคำตอบ เจ้าของร้านก็กลืนน้ำลาย “คำตอบคือฝูเฮ่าคั่นเซี่ยงเสี้ยน”
แม้ว่าเจ้าของร้านจะไม่ได้รับการศึกษาแต่เขาก็ยังรู้ว่าโคลงคู่ล่างนี้ไม่เข้ากันเลยโดยสิ้นเชิง หลังจากอ่านจบ คนในห้องก็เงียบไปครู่หนึ่ง
ด้วยเสียง "ถูก" ประตูห้องที่ไม่ค่อยได้เปิดก็เปิดออกมาจนได้! มีคนจับประตูด้วยแววตาที่ตื่นเต้นและดีใจ" ใครเป็นผู้ตอบคำถาม?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...