ตระกูลเซียวถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ให้ร้ายเสมอ ทุกคนแทบไม่ลังเลที่จะละเลงน้ำลายป้ายใส่กำแพงบ้านของตระกูลเซียว ยิ่งครั้งนี้เซียวเฉวียนสอบได้ตำแหน่งสูงสุด คนไม่น้อยต้องเสียเงินเดิมพัน จึงเครียดแค้นในตัวเซียวเฉวียนยิ่งนัก กระทั่งจะแงะกะโหลกศีรษะของเซียวเฉวียนออกเพื่อดื่มเลือดของเขา
ถึงเกลียดแค่ไหนก็กล้าแต่เก็บไว้ในใจ ผู้ที่สูญเสียเงินในจำนวนไม่น้อย ต้องการจะถอนเงินที่เสียไปคืนจากตัวเซียวเฉวียน
หากพวกเขาสามารถซื้อบทกวีของเซียวเฉวียนได้ เวลานี้เซียวเฉวียนมีชื่อลือเป็นเทพดาวเหวินชาง ขอให้มีบทกวีของเขาอยู่ในมือ นำไปขายต่อ จะร่ำรวยได้อย่างไม่มีปัญหา
พวกคนที่มีความคิดเช่นนี้ คือพวกนักพนันที่เสียเงินไปจำนวนมาก
พอผู้คนที่ประตูบ้านของเซียวแยกย้ายกันไป พวกเขาแอบเรียกเซียวจิงพร้อมกับขนมอบว่า "คุณหนูเซียว ขอถามอะไรหน่อยสิ ฮิ ฮิ ฮิ"
”มีอะไรเหรอคะ?” เซียวจิงหันไปถามด้วยความสงสัย มองไปที่คนแปลกหน้าที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ เหล่านี้ นอกจากคนรับใช้ที่บ้านแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนนอกเรียกเธอด้วยความเคารพว่าคุณหนู
”เมื่อวานนี้ คุณบอกว่าจะขายบทกวีของเซียวฮุ่ยหยวนมิใช่หรือ พวกเราจะมาขอซื้อ” ผู้นำเป็นชายร่างผอมบาง ชนิดลมพัดแรงหน่อยก็อาจจะปลิวไปได้ เขาจับที่ขอบประตูมองซ้ายมองขวา กลัวคนอื่นจะมาแย่งพูด
"คุณไม่มีปัญญาซื้อหรอก"
ในคำพูดของเซียวจิง มีความมั่นใจเช่นเดียวกับเซียวเฉวียน พี่ใหญ่สั่งไว้ว่า หนึ่งตัวอักษรหนึ่งพันตำลึงถึงจะขายได้
บทกวีทั้งบทชื่อ ดื่มเหล้า ของถาวยวนหมิง บทกวีทั้งหมดรวมชื่อแล้วมี 52 ตัวอักษรดังนี้
พักอยู่ในแหล่งคน ไร้ซึ่งเสียงเกรียวกราว
ถามว่าได้อย่างไร จิตไกลถิ่นจึงสงบ
เก็บดอกรั้วบูรพา เย็นใจชมหนานซาน
อากาศรื่นยามเย็น นกหวนคู่เพื่อนกัน
ในนั้นมีความแท้ จะแยกกลับลืมคำ
หากต้องการซื้อบทกวีทั้งหมด ต้องจ่ายห้าหมื่นสองพันตำลึง
ไม่กี่วันก่อน เซียวจิงถูกเยาะเย้ยมากมายบนท้องถนน ว่าเธอกำลังฝันกลางวัน จะขายบทกวีแลกเงิน?
วันนี้เซียวจิง จริงๆ อยากเอาเครื่องหมายวรรคตอนนับรวมเข้าไปด้วย แต่พี่ใหญ่ของเธอบอกว่า ช่างเถอะ การค้าการขายเอาแค่พอเหมาะพอควร เอาแค่หัวข้อรวมเข้าไปก็พอ
ดังนั้นชื่อเดิมของบทกวีนี้คือ "ดื่มเหล้า" แต่พี่ใหญ่ได้แก้ไขเพิ่มเติมและตอนนี้เรียกว่า "ดื่มเหล้าระรื่นกับคนในภูสงบ" เพิ่มอักขระอีก 7 ตัวซึ่งคิดเป็นเจ็ดพันตำลึง
ชื่อบทบวกกับเนื้อบทกวี 59 ตัวอักษร บทกวีนี้วันก่อนมีราคาเพียง 500 ตำลึง แต่ตอนนี้ราคา ห้าหมื่นเก้าพันตำลึงถึงจะขายได้!
ฮ่า ฮ่า ฮ่า!
เซียวจิงยกย่องพี่ใหญ่ว่าฉลาดหลักแหลมเป็นที่สุด!
คนเหล่านี้รู้เพียงว่าเซียวจิงมีบทกวี แต่พวกเขาไม่รู้เนื้อหาของบทกวี มือของชายร่างผอมที่จับขอบประตูอ่อนลง เขาไม่อยากเชื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าชื่อบทก็คิดเงิน แถมชื่อบทยาวเสียด้วย! มีตั้งเก้าตัวอักษร?
นี่อดอยากจนบ้าไปแล้วเหรอ?
คนเหล่านั้นมองกันไปมองกันมา ด้วยหน้าตาโศกเศร้า ถึงแม้จะขายให้ พวกเขาก็ไม่มีปัญญาซื้อ!
พวกเขานึกเสียดาย เสียดายมาก!
ถ้าหากเมื่อวานนี้ซื้อไปเลย จะดีแค่ไหน?
แต่อักษรตัวหนึ่งขายตั้งหนึ่งพันตำลึง คนโง่เท่านั้นถึงจะซื้อ!
มีฮุ่ยหยวนมากมายในราชวงศ์ต้าเว่ยเท่าที่ผ่านมา ไม่มีใครขายบทกวีอย่างเซียวเฉวียน และไม่มีใครกล้าขายมันแพงขนาดนี้!
เซียวเฉวียนคงอดอยากจนบ้าคลั่ง ถึงแหกปากเรียกราคาสูงขนาดนี้!
พวกเขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เซียวจิงยิ้มอย่างมีชัย ไอ้พวกนี้เคยบอกว่าบทกวีของพี่ใหญ่จะกลายเป็นใบหญ้าข้างถนน แถมเงินให้พวกเขายังไม่เอา ยังกล้ามาขายห้าร้อยตำลึง!
ตอนนี้จะขายกว่าห้าหมื่นตำลึง พวกเขากลับคิดอยากได้! ไม่มีปัญญาซื้อ ยังมีความโกรธแค้นอยู่ในดวงตา เซียวจิงถอยหลังห่าง กลัวว่าพวกเขาพาลโกรธขึ้นมา
"คุณหนูเซียว เอาบทกวีนี้ให้ผู้เฒ่าคนนี้เถอะ"
ชายชราแต่งกายหรูหราเดินเข้ามาพร้อมกับผู้อารักขาหลายคน
เซียวจิงผงะ พี่ใหญ่บอกว่าเธอต้องเดินไปที่ถนนใหญ่ก่อนถึงจะมีใครเต็มใจซื้อบทกวีนี้ ตอนนี้บ้านยังไม่ทันออก ก็มีคนมาซื้อถึงบ้านแล้ว?
คนผอมบางไม่มีความหวังที่จะได้ซื้อบทกวี จะชิงก็ไม่กล้า เมื่อมีคนอื่นมาขอซื้อ จึงได้แต่ยืนก้มหน้าหงุดหงุดอยู่ข้างๆ อยากดูว่าคนโง่คนไหนมีเงินมากพอที่จะมาซื้อบทกวีนี้!
อักษรหนึ่งตัวหนึ่งพันตำลึง!
นั่นมันหนึ่งตัวอักษรขายหนึ่งพันตำลึง!
ไม่ใช่คนรวยธรรมดาทั่วไปสามารถจะซื้อได้!
ห้าหมื่นเก้าพันตำลึง เป็นเงินกองดุจเกล็ดหิมะ เอามาถลุงใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไม่ดีกว่าเหรอ?
ซื้อบทกวีบทหนึ่ง กินไม่ได้ดื่มไม่ได้ กอดนอนก็ไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไร?
เซียวเฉวียนเพียงแค่ต้องการเงินจริงๆ
เขามีจักรพรรดิอยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องการให้ใครมาเป็นที่พึ่งพา
เขาแค่ต้องการจะดูว่ามีคนในสมัยโบราณชอบใช้เงินโง่ๆ จำนวนมากๆ หรือไม่ และปรากฏว่ามีเสียด้วย
คนสมัยก่อนยินดีจ่ายเพื่อวัฒนธรรมพอๆ กับคนรวยในสมัยใหม่ เป็นเหมือนกันทุกประการ
หกหมื่นตำลึงแลกกับบทกวีบทหนึ่งของถาวยวนหมิง ปรมาจารย์กวีแนวสันโดษ เขาก็ไม่เสียหายอะไร
จีนมีวัฒนธรรมห้าพันปี ถาวยวนหมิงเป็นหนึ่งในไข่มุกที่ส่องแสงมากที่สุด เซียวเฉวียนยังรู้สึกว่าหกหมื่นตำลึงยังน้อยเกินไป รู้งี้ เขาคงเขียนเพิ่มอีกหลายตัวอักษรที่ชื่อบท
บทกวีนี้ขายได้รวดเร็วเกินความคาดหมายของเซียวเฉวียน
ข่าวแพร่กระจายรวดเร็วถึงขนาดนี้ ยิ่งเกินความคาดหมายของเซียวเฉวียน
ตอนที่เขายังอยู่ที่โรงเรียนชิงหยวน ก็ได้ยินว่ามีคนมาซื้อบทกวีไปแล้ว
เป็นใครเขาไม่รู้ เขาไม่รู้ว่าบทกวีที่ยอดเยี่ยมของเขา ได้ชักนำหมาป่ายักษ์ออกมาแล้วตัวหนึ่ง
เขารู้เพียงว่ามีคนเอาตั๋วเงินปึกหนาๆ ก้าวเข้าไปในประตูบ้านของเซียว โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ซื้อเสร็จแล้วก็ไป รวดเร็วทันใจ ไม่เยิ่นเย้อยืดยาดแม้แต่น้อย
ประการแรกมีจวี่เป่าฟางเข้ามาอยู่ในครอบครอง มีเงินอีกหกหมื่นตำลึง ธุรกิจร้านอาหารมีที่ยึดเหนี่ยวแล้ว
เซียวเฉวียนเป็นเหมือนไข่มุกที่สุกใส ส่องแสงเรืองรองในเมืองหลวง แสงเจิดจ้าบานสะพรั่ง
อย่างไรก็ตาม เหวินเจี้ยวยวี่ปฏิเสธพบหน้าเขา สั่งให้เขาจ่ายค่าเล่าเรียนในห้องหนังสือแล้วให้กลับไปได้เอง
บัณฑิตคนอื่นๆ ที่ได้รับเลือกก็มาขอบคุณเจี้ยวยวี่ เมื่อเห็นเซียวเฉวียนถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบ ทุกคนก็รู้สึกสะใจมาก
เหวินเจี้ยวยวี่ไม่ชอบคนทำเรื่องเอิกเกริกเป็นพิเศษ เซียวเฉวียนไปอาละวาดที่บ่อนพนัน ยังขายบทกวี ทั้งตัวเปรอะเปื้อนด้วยกลิ่นเหม็นของเงินทองแดง เป็นคนแรกเท่าที่มีในโรงเรียนชิงหยวน
คนอื่นไม่เข้าใจ แต่เซียวเฉวียนเข้าใจ
เหวินเจี้ยวยวี่สอนด้วยวาจาและการกระทำ แอบบอกเซียวเฉวียนว่า เงินทองเป็นสิ่งอยู่นอกประตู การเรียนหนังสือเป็นสิ่งอยู่ในประตู เงินไม่ควรเข้าทางประตู และด้านข้างยังบอกเซียวเฉวียนว่าเขาต้องแยกแยะเรื่องทั้งหนักและเบาออกให้ชัดเจน
ในต้าเว่ย มีเงินยังไม่พอ อำนาจถึงจะเป็นนายที่แท้จริง เหวินเจี้ยวยวี่บอกเขาว่าอย่าใจร้อนเกินไป จนลืมไปว่าการเรียนหนังสือเป็นหน้าที่หลัก
เซียวเฉวียนเข้าใจ เขาโค้งคำนับหน้าประตูลานที่ปิดสนิท ขอบคุณเหวินเจี้ยวยวี่สำหรับการสั่งสอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยของเขา จากนั้นสะบัดแขนเสื้อแล้วกลับบ้านไปเพื่อนับเงิน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...