ณ เมืองเจียง
ภายในคฤหาสน์ฉิน
ชายหนุ่มหลับตาพริ้มพร้อมกับส่งเสียงกรนเบาๆบนรถเข็นผู้ป่วย
หน้าของเขาเอียงไปด้านข้าง ทั้งยังมีน้ำลายไหลย้อยตามมุมปากอีกด้วย คือท่าทางของคนปัญญาอ่อนโดยสมบูรณ์
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ลืมตาพรึบขึ้น
ราวกับเพิ่งตื่นจากฝันร้าย มือกำราวจับวีลแชร์ไว้แนบแน่น แผ่นหลังเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อกาฬ
“เฮ้อ!”
ชายหนุ่มหายใจหอบเหนื่อยแรงๆด้วยดวงตาที่งงงวย
ในสมองเขาค่อยๆมีภาพความฝันฉากสุดท้ายผุดขึ้นมา
“หลินเซียว นายเป็นอุปสรรคต่อแผนการของฉันมากที่สุด”
“ฉันจะทำให้นายทรมานอย่างแสนสาหัส เหมือนสุนัขที่ต้องดิ้นทุรนทุรายเพราะเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย”
บุคคลในความฝันแยกเขี้ยวยิงฟันใส่หลินเซียว เสมือนจะกัดกินเนื้อสดๆของหลินเซียว
“ฉันเป็นใคร?”
“ฉันคือ...หลินเซียว”
ความสับสนมึนงงในนัยน์ตาชายหนุ่มเลือนหาย แทนที่ด้วยประกายแสงเย็นยะเยือก
เดิมทีหลินเซียนเป็นเด็กกำพร้า
ทว่าโชคดีที่หลี่ฉงกวง แม่ทัพอาวุโสแห่งค่ายพายัพที่สี่รับไปเลี้ยงดู อุปถัมภ์ค้ำชูเป็นอย่างดี
นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ใช้ชีวิตที่ชายแดนทิศตะวันตกเฉียงเหนือมาโดยตลอด เขาจะไปฝึกกับทหารตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาอายุได้สิบห้าปีก็เป็นทหารอย่างเป็นทางการ
เขาโลดแล่นอยู่ในสนามรบอย่างห้าวหาญ สร้างผลงานนับครั้งไม่ถ้วน
ตอนอายุยี่สิบปีก็ถูกแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดไนท์สตาร์ โดยมีกองทัพอันแข็งแกร่งนับล้านชีวิตอยู่ใต้บังคับบัญชาเขา
ตอนนั้นหลี่ฉงกวง พ่อบุญธรรมของเขาถูกข้าศึกล้อมฆ่าจนเสียชีวิต
หลินเซียวจึงนำกองทัพนับล้านไปพิชิตพรมแดน ห้ำหั่นจนผู้บัญชาการของข้าศึกเสียชีวิตไปสิบนาย
ผลการรบประจักษ์สู่สายตาผู้คน ผู้คนต่างบอกว่าเขาคือเทวดาจุติมาเกิด เพราะเขาได้ช่วงชิงอาณาจักรกลับคืนมาได้อย่างน่าทึ่ง
หลังสงครามใหญ่อันดุเดือดผ่านไป เขาก็ล้มตัวลงอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
จากนั้นก็ถูกลูกน้องใจคดทำร้ายตอนเขาสลบ
สมองของเขาจึงถูกกระทบกระเทือน กลายเป็นคนปัญญาทึบโดยปริยาย ซ้ำร้ายยังเป็นอัมพาต เดินเหินไม่ได้ด้วย
หลินเซียวรำลึกเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วก็กระตุกยิ้มเยาะมุมปาก
ยามนี้สติปัญญาของเขากลับมาดีเหมือนเดิมแล้ว จึงถึงเวลาต้องคิดบัญชีบางอย่างเสียที
หลินเซียวค่อยๆเงยหน้าขึ้น อยากลองใช้สองขาเดินดู
แต่สองขาของเขากลับทำให้ผิดหวัง เขาไม่มีแรงลุกขึ้นเดินได้เลย เหมือนคนอัมพาตจริงๆอย่างไรอย่างนั้น
หลินเซียวเอื้อมมือไปจับชีพจรที่ขา จากนั้นก็ค่อยๆ นวดเส้นเอ็นบริเวณขาเบาๆ
“ยังดีหน่อย ก็แค่นอนและนั่งบนรถเข็นนานจนเลือดอุดตัน จากนั้นก็ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ”
หลินเซียวพูดเองเออเอง หากใช้ทักษะทารการแพทย์อันล้ำเลิศของตัวเองไปพร้อมกับกายภาพบำบัด เขาต้องกลับมาหายดีอย่างรวดเร็วแน่
เขามองสำรวจห้องที่ตกแต่งเรียบง่าย ความทรงจำในสมองเขาก็ปะติดปะต่อกันเป็นหนึ่งเดียว
เขากลายเป็นคนปัญญาอ่อนสองปีเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะขาดทักษะการจำ
“ที่นี่เป็นบ้านของตระกูลฉิน?”
หลินเซียวพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง
เป็นคนดีมีน้ำใจ คอยปกป้องเขาโดยไม่คิดชีวิต
“ปัง!”
เกิดเสียงดังกึกก้องปลายสายกะทันหัน
“นายว่า...นายเป็นใครน่ะ?”
เสียงหยวนเจิงสั่นระริกเล็กน้อย
“หลินเซียว”
หลินเซียวชะงักงันแล้วพูดอีกครั้ง
ปลายสายเงียบไปราวสิบกว่าวินาที จากนั้นก็เอ่ยว่า
“นายใหญ่มาจากไหน ทำไมต้องโทรหาฉันด้วย?”
“คนปัญญาอ่อน พิการ จะคู่ควรโทรหาทหารอย่างฉันได้ยังไง? ไสหัวไปซะ”
เสียงของหยวนเจิงกรุ่นโกรธยิ่ง แต่ยังระคนเสียงที่สั่นเทาเล็กน้อย
หยวนเจิงก่นด่าเสร็จก็วางสายทิ้งทันที
หลินเซียวรู้สึกอึ้ง วางมือถือลงด้วยสีหน้าซีดขาว
ก่อนหน้านี้เขาโดนลูกน้องทำร้ายจนเป็นสภาพนี้
ตอนนี้ยังถูกหัวหน้าทหารคุ้มกันอย่างหยวนเจิงปฏิบัติกับเขาเช่นนี้อีก
นี่เขาถูกคว่ำบาตรจากญาติมิตรสหายหรอกหรือ?
“เหอะ! พอหมดประโยชน์ก็ต้องเจอแบบนี้”
หลินเซียวกุมมือถือแล้วเหยียดยิ้มเย้ยหยันตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดาบพิทักษ์แผ่นดิน
รบกวนอัพเดทเรื่องนี้ให้หน่อยครัย...