ภายในตัวรถอันคับแคบ จู่ๆ บรรยากาศก็เปลี่ยนจนซับซ้อนขึ้นเรื่อย ญาธิดามองชายหนุ่มที่สื่อความเร่าร้อนออกมาตรงๆ โดยไม่มีการปกปิดสายตาสักนิด จนลำคอเริ่มตีบตัน
แววตาของเธอหวั่นไหว พลางพูดตะกุกตะกัก “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าคุณ...”
ยังพูดไม่ทันขาดคำ ร่างกายของชายหนุ่มก็บีบเข้าใกล้เธอขึ้นเรื่อย ภวินท์เขยิบเข้าใกล้เธออีกคืบ เธอก็ถอยหลังหนีเล็กน้อย แม้ว่าจะไร้หนทางถอยหนี เธอก็ยังพยายามเบี่ยงศีรษะถอยหลังหลบอย่างสุดกำลัง
ทว่าภายในรถเป็นสถานที่กว้างได้เพียงแค่นั้น แม้ว่าเธอจะมีวิชาหดตัวย่อส่วน ก็ไม่สามารถหนีไปจากขอบเขตของเขาได้ ภายใต้สายตาของเขาที่คอยจับสังเกตอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“คุณ...คุณถอยออกไปเลยนะ!” เธอพยายามใช้เรี่ยวแรงผลักเขาออกอย่างเต็มที่ และกล่าวด้วยความโกรธเคือง
ญาธิดาสบตาดวงตาอันลึกซึ้งเคร่งขรึมของชายหนุ่มคนนั้น จนหัวใจห่อเหี่ยว และในเวลาเดียวกันก็เกิดความรู้สึกละอายใจขึ้นมาเป็นระยะ เธอรู้ดีอยู่เต็มอกทั้งที่มีนิวราเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ทว่าเมื่อครู่นี้ เธอกลับไม่ยอมปฏิเสธภวินท์
ญาธิดาเบนสายตาหนี แสร้งพูดจาอย่างแน่วแน่ “คุณมีแฟนแล้ว เราสองคนควรรักษาระยะห่างกันเอาไว้”
เมื่อได้ยินคำว่า “แฟน” คำๆนี้ นัยน์ตาภวินท์ทอประกายความเย็นชาออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากบางอันเยือกเย็นเม้มจนกลายเป็นเส้นขีด ใบหน้าหล่อเหล่าอันเย็นชาใกล้จะบิดจนน้ำจะหยดออกมาอยู่แล้ว
ความรู้สึกหงุดหงิดใจที่พุ่งขึ้นมาอย่างไร้วี่แววภายในหัวใจของเขานั้น เขาหันศีรษะกลับมา พลางมองด้านหน้า และขยับปากอย่างเย็นชา “ลงไป”
ญาธิดาตกตะลึง พลันหันศีรษะมองสีหน้าอันย่ำแย่ของชายหนุ่ม ถึงได้รับรู้ว่านี่เป็นคำขับไล่ของเขา เธอตอบสนองได้ทันท่วงที พลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อผลักประตูและลงจากรถ
วินาทีที่บานประตูรถปิดลงในชั่วขณะนั้น รถยนต์สตาร์ทรถเป็นที่เรียบร้อย เครื่องยนต์ส่งเสียงดังลั่น ราวกับไม่มีทีท่าจะจอดรอสักนิดและรีบขับรถออกไปโดยไม่ทิ้งฝุ่นให้เหลือไว้
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม พลางมองท้ายรถที่หายลับตาไปจากสายตาของตนเองอย่างรวดเร็ว จู่ๆ ในหัวใจเกิดความรู้สึกว่างเปล่าที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้
คนที่มาช่วยเธอก็คือเขา สุดท้ายคนที่ชักสีหน้าใส่ก็เป็นเขาอีก ญาธิดาจับอารมณ์เขาไม่ถูกจริงๆ ทว่าสิ่งที่น่าแปลกใจกว่าคือ ความรู้สึกของตนเองกลับถูกเขากระชากกลับไปด้วย
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ญาธิดาถอนสายตากลับมา โดยหันหลังให้และเดินเข้าทางเดินภายในตึกอย่างหมดหวัง
เมื่อกลับเข้ามาภายในบ้านแล้ว เธอควานหาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า โดยกดเปิดตามความเคยชิน จึงเห็นข้อความที่อัญมณีส่งมาให้เธอเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เมื่อคิดคำนวณเวลาแล้ว น่าจะเป็นตอนที่เธอเพิ่งขึ้นรถได้ไม่นาน
นิ้วมือญาธิดากดหน้าจอ เพื่อเป็นการตอบข้อความกลับไป และสอบถามว่าเธอถึงบ้านหรือยัง หลังจากส่งข้อความไปแล้ว ห้านาทีผ่านไปแล้ว แต่กลับไม่มีคนตอบข้อความกลับมา
ญาธิดาเริ่มสงสัยอยู่ในใจ ไม่น่าจะนี่นา โดยปกติเธอส่งข้อความหาอัญมณี เธอจะตอบกลับมาทันท่วงที หรือว่าเธอจะอยู่กับพายุ?
อีกฝั่ง ภายในรถสปอร์ตสีแดงสด อัญมณีตีหน้าเย็นชา ไม่ยอมพูดยอมจากับพายุแม้สักครึ่งคำ
พายุขับรถ พร้อมทั้งคอยเหล่ตามองผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง
พายุเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า และขับรถมาจอดใต้ตึกคอนโด พลางกระซิบพูด “ถึงแล้วครับ”
อารมณ์โกรธเคืองของอัญมณียังไม่จางหายไป รถยนต์ยังจอดไม่สนิท ก็เปิดประตูรถและลงจากรถ ใครเล่าจะไปรู้เพราะความร้อนใจของเธอ จึงไม่ทันระวังใต้ฝ่าเท้าเธอเอง เพราะรองเท้าส้นสูงมันเหยียบเข้ากับหินกรวดที่อยู่บนพื้น จนข้อเท้าพลิกเต็มแรง
เธอเจ็บจนร้องเสียงหลง หน้าตาจิ้มลิ้มยู่เข้าหากัน “ซี๊ด... วันนี้ทำไมถึงซวยได้ขนาดนี้เนี่ย?”
พายุเห็นเหตุการณ์นั้น จึงรีบลงจากรถและเดินตามไป โดยเดินมาถึงข้างกายเธอ และสอบถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เป็นไงบ้าง? คุณสบายดีใช่มั้ย?”
อัญมณีเจ็บจนโบกมือไปมา “ไม่เป็นไร คุณกลับบ้านไปเถอะ!”
เธอพูดออกมาและหันหลังให้เพื่อเดินเข้าไปในตึกคอนโด ใครจะรู้ว่าข้อเท้าที่เพิ่งพลิกพอเท้าหย่อนแตะพื้น ก็จะเจ็บจี๊ดขึ้นมา
ร่างกายเธอเอียงเซ จนใกล้จะลื่นล้ม พายุไหวพริบดีพลันประคองเธอไว้ พลางพูดทันที “น่าจะพลิกแหละ คุณพักอยู่ชั้นไหน? ผมจะขึ้นไปส่งคุณเอง”
อัญมณีได้ยินแล้ว เบิกตาโตใส่ทันที พลางมองเขาด้วยความตกใจ
เขาอยากจะไปที่ห้องเธอ หรือว่ากำลังวางแผนอะไรอยู่หรือเปล่าเนี่ย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...