และขณะที่เธอตกอยู่ในภวังค์ เสียงฝีเท้านอกประตูใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทันใดนั้น ประตูห้องถูกคนผลักออก รูปร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้นที่ประตู
ญาธิดาตกตะลึง หลังแข็งทื่อ เงยหน้าขึ้นก็เห็นภวินท์ที่กำลังยืนอยู่ตรงประตู สีหน้าจริงจัง มองดูเธอด้วยแววตาเคร่งขรึมเล็กน้อย
ญาธิดาตกใจเล็กน้อย และถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “คุณมาทำอะไร?”
เมื่อเห็นความสงสัยปนด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อยในแววตาของหญิงสาว ภวินท์กัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ แล้วกล่าวเสียงขรึมว่า “ตรวจงาน”
พูดพลาง ก็ไม่สนสีหน้าของญาธิดา เขาก้าวเท้าใหญ่ เดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงาน
ดวงตาคู่สึกที่เป็นประกายมืดมนปนไปสายตาคมกริบเล็กน้อย กวาดผ่านบนโต๊ะเธออย่างรวดเร็ว ในที่สุดสายตาของเขาหยุดลงที่แฟ้มเอกสารที่มุมโต๊ะด้านขวา
ญาธิดามองตามสายตาของเขา ทันใดนั้นรู้สึกตื่นตระหนก ไม่รอให้เธอตอบ ภวินท์ก็ได้ยื่นมือยาวไปหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาพลิกดู
ญาธิดารู้สึกแน่นหน้าอก ทันใดนั้นรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
นั่นเป็นหนังสือสัญญาภาษาญี่ปุ่นที่ธีทัตต้องการให้เธอแปล !หากให้ภวินท์รู้ว่าเธอแอบรับงานส่วนตัว ผลที่จะตามมานั้นไม่กล้าคิด
อย่างไรก็ตาม STN Groupได้กำหนดกฎระเบียบไว้ชัดเจน ไม่ให้พนักงานรับงานส่วนตัวเพื่อหารายได้พิเศษ
วันนี้เอกสารฉบับนี้ของเธอวางโทนโท่อยู่มุมโต๊ะ และถูกเขาเห็นเข้า กลัวแต่ว่า..........
ยังไม่ทันที่ญาธิดาจะไปคิดผลที่จะตามมา ภวินท์ก็ได้เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบอบบางกัดแน่น มีความโกรธนิดๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ชายหนุ่มยกมือขึ้น ในมือถือเอกสารชุดนั้น จ้องมองเธอตาเขม็ง แล้วถามขึ้นว่า “นี่คืออะไร?”
มือที่กุมเข้าด้วยกันของญาธิดาค่อยๆ แน่นเข้า สายตาว่อกแว่กไม่นิ่ง
เธอควรจะพูดอย่างไร? ยอมรับโดยตรงว่านั่นเป็นงานที่เธอแอบรับส่วนตัวหรือ?
แต่ว่า เหมือนมีบางอย่างไม่ค่อยถูกต้อง
เธอทำโอทีมาหลายวันแล้ว แต่ทำไมวันนี้เธอเพิ่งจะได้รับแฟ้มเอกสารนี้เขาก็เข้ามา อ้างการตรวจงานเป็นข้ออ้าง และที่บังเอิญไปกว่านั้นก็คือ เมื่อเขาเข้ามา ไม่ดูอย่างอื่น หยิบแฟ้มเอกสารนี้ขึ้นมาทันที
เหมือนกับว่า เขารู้นานแล้วเช่นนั้น...........
ในใจญาธิดาว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยได้สติคืนมา เธอกัดริมฝีปากแน่น นิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าเงยหน้ามมองไปที่รูม่านตาเย็นชาของชายหนุ่ม แล้วกล่าวเสียงเย็นชาว่า “มันเป็นหนังสือสัญญาที่เพื่อนคนหนึ่งของฉันต้องการให้ฉันช่วยแปล ฉันแค่ช่วยเขาเท่านั้นเอง”
เมื่อภวินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาขมวดคิ้ว โยนแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะ “คุณรู้หรือไม่ว่าบริษัทมีกฎระเบียบห้ามรับงานส่วนตัว?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำหมัดแน่นแล้วกล่าวว่า “ฉันไม่ได้คิดที่จะทำในบริษัท เวลาหลังเลิกงานเป็นเวลาส่วนตัวของฉัน ฉันสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ใช่หรือ?”
ที่เขามาที่นี่เพราะน่าจะรู้เรื่องนี้ล่วงหน้าแล้วแน่นอน นี่ไม่ใช่เป็นการจงใจจับผิดกันหรือ?
เมื่อคิดว่าทุกการกระทำของตัวเองอาจถูกภวินท์จับตาดูอยู่ ในใจญาธิดาก็ยิ่งรู้สึกโกรธ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณภวินท์วางใจเถอะ ฉันจะไม่ใช้เวลางานทำเรื่องพวกนี้แน่นอน และก็จะไม่กระทบกับงานอื่นๆ ของฉันด้วย”
มองดูหญิงสาวแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย แววตาเย็นชา หยิ่งยโสดั่งหงส์ดำ ความโกรธในใจของภวินท์ยิ่งทวีขึ้นเล็กน้อย
ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนผิด แต่ตอนนี้เหมือนกับว่าเขาเป็นฝ่ายผิด
เส้นเลือดที่หน้าผากบูดขึ้น ภวินท์กำหมัดแน่น กัดริมฝีปากแน่นเป็นเส้นตรงเหมือนสายน้ำเย็นชา ครู่หนึ่ง เขายื่นมือออกมา สองมือแยกออกกดไปที่วางแขนของเก้าอี้ จากนั้น เขาใช้แรงดึงเก้าอี้พร้อมญาธิดาเข้ามาหาตัวเอง
ท่าทางของชายหนุ่มเผด็จการมาก ทันใดที่เธอยื่นมือออกมาขัดขืนดิ้นรน เขาก็ได้ยื่นมือออกมา ล็อกมือสองข้างของเธอไว้ข้างหลังอย่างง่ายดาย แล้วกดไว้แน่นๆ
ญาธิดาโกรธจนหน้าแดงก่ำ ผลักไม่ออก จึงขยับร่างกาย ไปข่วน ไปผลัก ไปถีบ ไปเตะ พลิกไปพลิกมา ภวินท์ไม่เพียงไม่คลายมือ กลับกลายเป็นว่าร่างกายยิ่งแนบชิดเธอมากขึ้นเล็กน้อย
เธอจนปัญญา จึงทำได้เพียงอ้าปากกัดไปที่ริมฝีปากของเขาด้วยความโมโห
รู้สึกได้กลิ่นเลือดในปากโชยออกมา ภวินท์จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่นเป็นเลือดของเขา
ไม่คิดว่า เธอจะร้ายขนาดนี้ ไม่ไว้หน้ากันแม้แต่น้อยเลย
เขาขยับศีรษะไปข้างหลัง ดึงระยะทั้งสองออกห่าง มองดูสายตาที่ดื้อรั้งไม่ยอมแพ้กับริมฝีปากที่เปียกชุ่ม ทันใดนั้นสายตาของเขาหม่นหมองลง
เขายื่นมือไปดึงเธอลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วผลักไปข้างๆ จนไปนอนอยู่บนโต๊ะทำงานที่อยู่ข้างๆ
ญาธิดากัดฟันอย่างโกรธ ดิ้นไม่หลุด จึงทำได้เพียงจ้องมองเขาตาเขม็ง แล้วพูดข่มขู่ว่า “ภวินท์คุณปล่อยมือนะ!ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องให้คนช่วยแล้วนะ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา สีหน้าภวินท์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย เธอหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วก็ได้สติคืนมา
เวลานี้ เธอตะโกนร้องเรียกจนเสียงแหบแห้ง ก็เกรงว่าจะไม่มีใครมาช่วยเธอ
และในเวลานี้ มือใหญ่ของภวินท์จับไปที่เอวของเธอ ลูบไล้ลงมาอย่างไม่ลังเล ลูบเข้าไปในร่มผ้า เข้าไปลึกๆ อย่างไม่มีอุปสรรคขวางกั้น
ทันใดนั้น สีหน้าญาธิดาเปลี่ยนไป ร่างกายเกร็งขึ้นมาในพริบตา ยังไม่ทันรู้สึกตัว ชายหนุ่มก็ได้แนบมาที่ข้างหูเธอ เสียงเบาที่สุด แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจว่าเขาเป็นฝ่ายชนะ “ในเมื่อเกลียดผม ทำไมถึงมีปฏิกิริยา?”
คำพูดนี้ เหมือนเสียงฟ้าร้อง ผ่าเปรี้ยงใส่ข้างหูเธอ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...