เช้าวันรุ่งขึ้น เมฆหนาทึบบนท้องฟ้า ฟ้ายังไม่ทันสาง ญาธิดาพลันลุกจากที่นอน
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงลงมาชั้นล่างเพื่อไปซื้อปลาตะเพียนและเต้าหู้มาจากตลาด หลังจากนั้นจึงรีบบึ่งกลับมายังห้องครัวภายในบ้านพัก
เมื่อคืนนี้เธอเรียนวิธีการทำซุปจากคลิปวิดิโอจากในแอปพลิเคชันสอนทำอาหาร ถึงแม้ว่าจะไม่ดี แต่ก็ไม่ถือว่าล้มเหลว แต่รสชาตินั้นก็แสนจะธรรมดามาก ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตุ๋นใหม่อีกครั้ง
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทว่าเมื่อฉุกคิดถึงเรื่องที่เขาช่วยเหลือเรื่องการผ่าตัดของบิดาจนจัดการได้แล้วเสร็จ ฉะนั้นซุปปลาหม้อนี้ก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไร
อีกทั้งเธอเองก็เรียนรู้การตุ๋นน้ำซุปเป็นแล้ว ต่อจากนี้ก็สามารถตุ๋นให้ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีได้ด้วย อย่างมากที่สุดภวินท์ก็แค่เป็นหนูทดลองให้เธอเท่านั้นเองแหละ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอสบายใจอยู่ไม่น้อย จึงรีบลงมือทันควัน โดยเริ่มเติมน้ำลงในหม้อก่อน
ญาธิดาหมกตัวอยู่ในห้องครัว วุ่นวายอยู่ชั่วโมงกว่า จนท้ายที่สุดซุปปลาก็พอได้ที่แล้ว น้ำซุปสีขาวนวลราวกับตุ๋นนมสด
กลิ่นหอมหวนเย้ายวนใจ บวกกับเต้าหู้อันแสนอร่อย ถือว่าหน้าตาไม่เลวเลย
ญาธิดาลองชิมไปคำหนึ่ง จนต้องพยักหน้าพอใจอย่างอดใจไม่ไหว เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับหม้อที่เธอทำเมื่อคืนนี้ ครั้งนี้ถือว่ามันประสบความสำเร็จอย่างไม่ง่ายดายเลยจริงๆ
หลังจากนำน้ำซุปใส่ลงกล่องเก็บความร้อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า และมุ่งหน้ารีบไปโรงพยาบาลทันที
เธอตั้งใจเตรียมไว้สองกล่อง กล่องหนึ่งคือของภวินท์ อีกกล่องคือของพายุ การทำเช่นนี้ คนอื่นก็ไม่สามารถเอาไปพูดต่อได้แล้ว
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู เธอยกมือเคาะประตู จึงผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องพักผู้ป่วย ภวินท์นั่งอยู่บนเตียง ทางด้านหน้ามีNotebookวางเอาไว้ กำลังทำสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับกำลังทำงานอยู่
เมื่อได้ยินเสียง เขาเงยหน้าขึ้น จึงมองเห็นหญิงสาวใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามาด้านใน พอชะเง้อมอง จึงมองเห็นว่าในมือกำลังถือกล่องอาหารมาสองกล่อง แถมทำหน้าตาซื่อบื้อจนน่ารักน่าชัก
ภวินท์ถอนสายตากลับมา เพื่อมองหน้าจอคอม พลันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อืม เอาไว้แค่นี้ก่อน ที่เหลือรอผมกลับบริษัทแล้วค่อยคุยต่อ”
หลังจากที่เขาออกคำสั่งประโยคสั้นๆ กระชับไม่กี่ประโยคออกไป จึงปิดคอมพิวเตอร์ และวางลงด้านข้าง จากนั้นก็ช้อนสายตามองญาธิดา
“ฉัน... ตุ๋นซุปมาให้ค่ะ คุณกินตอนร้อนๆ นี่แหละค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ยุ่งต่อแล้ว ญาธิดาถึงได้อ้าปากพูด พลางเดินมุ่งหน้า และจัดการเอากล่องอาหารเก็บความร้อนวางไว้ที่หัวเตียง
ภวินท์คอยจ้องมองเธอ พลันฉุกคิดถึงคำพูดของหลุยส์ที่พูดเอาไว้เมื่อคืนนี้ได้ โดยไม่คิดเลยว่า เธอจะมาจริงๆ ด้วย
“ซุปอะไรครับ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางเอนหลังพิงด้านหลัง สายตากวาดตามองกล่องข้าวที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งหญิงสาว จนอดใจถามไม่ไหว “ในนั้นมีอะไรอีก?”
ญาธิดามองกล่องอาหารที่อยู่ในมือ พลันกระซิบพูด “ก็ซุปเหมือนกัน เอามาให้พายุค่ะ”
เมื่อได้ยินว่านั่นเป็นของพายุ สีหน้าภวินท์หม่นหมองลงกว่าเดิม
เดิมทีเขาก็คิดว่าเธอตั้งใจทำซุปเพื่อมาบำรุงให้เขาโดยเฉพาะ ไม่คิดเลยว่า...
จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจแวบขึ้นมาอยู่ในหัวใจ เขาเม้มริมฝีปากบางไว้แน่น น้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว “ผมกินข้าวแล้ว จะให้กินซุปต่อก็กินไม่ลงจริงๆ คุณเอากลับไปเถอะ”
เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ชายหนุ่มก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่ให้แบบดื้อๆ ญาธิดาตกใจเล็กน้อย จากนั้นไม่กี่วินาที จนเห็นเขาทำท่าทางเช่นนี้ กลับเกิดความรู้สึกโกรธอยู่ในใจเล็กน้อย
เธอตื่นตั้งแต่ไก่โห่เพื่อมาตุ๋นซุปให้เขา แต่เขากลับพูดว่าไม่กินทั้งที่ไม่มองดูด้วยซ้ำ?
ซึ่งเห็นว่าภวินท์ตีหน้าเย็นชาใส่และเริ่มทำงานต่อ ราวกับไม่อยากจะพูดกับเธอสักคำ ญาธิดาโกรธจัด จึงวางกล่องรักษาความร้อนนั้นทันควัน พลางหันหลังให้และมุ่งหน้าเดินออกไปทางด้านนอก
“ไม่ต้องกินมันแล้ว งั้นพายุกินหมดนี่แหละ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ภวินท์ย่นคิ้วเล็กน้อย “คุณกล้าเหรอ?”
เมื่อได้ยินว่าเธอเอาน้ำซุปที่ทำให้เขาเอาไปให้ผู้ชายคนอื่นกิน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นพายุ เขาก็ไม่สบายใจ
ญาธิดาโกรธจัด และพูดออกจากปากด้วยความโกรธเคืองอย่างไม่ยั้งคิด “น้ำซุปฉันเป็นคนตุ๋นมาเองกับมือทำไมจะไม่กล้า? เสียแรงที่ฉันโดนก้างปลาทิ่มมาตั้งหลายครั้ง! ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ทำให้หรอก!”
เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนี้ แววตาภวินท์หวั่นไหวเล็กน้อย
ที่แท้เธอก็ตุ๋นซุปปลามาเหรอ? หรือว่าเธอรู้ว่าเขาชอบกินซุปปลา? อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว คือตั้งใจตุ๋นซุปนี้มาให้เขาโดยเฉพาะ
เมื่อเอ่ยถึงอัญมณี สีหน้าแววตาของพายุชะงักเล็กน้อย แววตาฉายแววตาความหวั่นไหวที่จับสังเกตไม่ได้ พลางพูดอย่างเชื่องช้า “ไม่เป็นยังไงครับ”
ซึ่งเป็นตามนั้นจริงๆ เมื่อวานนี้เขาได้ส่งข้อความให้อัญมณี จึงรู้ตัวว่าตนเองถูกบล็อกไปแล้ว
หลังจากทั้งสองคนจูบอย่างดูดดื่ม เธอก็ทำเหมือนซินเดอเรลล่าที่วิ่งหนีเตลิดไปอย่างไร้ร่องรอยทันที จากนั้นก็ลบช่องทางการติดต่อสื่อสารของเขา นี่มันไม่ได้หมายถึงเรื่องมันไปไม่ถึงไหนหรอกเหรอ?
เมื่อสบตากับแววตาอันตกตะลึงเล็กน้อยของญาธิดา พายุคลี่ยิ้มให้อย่างขื่นขม “เธอบล็อกเบอร์ผมไปแล้วครับ”
ญาธิดาได้ยิน พลันกะพริบตาปริบๆ โดยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี ทำได้เพียงยิ้มให้อย่างเคอะเขิน โดยกระซิบพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ “บางทีเธออาจจะไม่แน่ชัดถึงหัวใจของตนเองมั้งคะ”
พายุพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดว่าอะไรต่อ
ญาธิดาออกมาจากห้องพักผู้ป่วยของเขาแล้ว ก็รู้สึกหนักใจตาม เมื่อกลับเข้ามาในห้องของภวินท์อีกครั้ง สีหน้าแววตาเริ่มหม่นหมองลง
ภวินท์เห็นเธอเดินเข้ามา พลางเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนติดกับกำแพง และพูดเสียงเข้ม “4นาที”
ญาธิดาดึงสติกลับมา พลางเหลือบมองนาฬิกา จนขบขันเล็กน้อย
เธอไม่คิดเลยว่าภวินท์เองก็มีช่วงปัญญาอ่อนแบบนี้ด้วย ปากพูดว่าหนึ่งนาทีก็ยังมานั่งจับเวลากับเธอจริงๆ
เธอทั้งโกรธทั้งขบขันพลันเดินมาอยู่ข้างเตียง เมื่อกวาดตามองกล่องน้ำซุป แถมจงใจทำหน้าทำตาเย็นชาและพูดเสียงแข็งใส่ “รีบกินสิคะ ฉันยังต้องเก็บกล่องกลับบ้านอยู่นะ”
สันคิ้วโก่งของภวินท์เลิกขึ้น พลางหยิบกล่องน้ำซุปเพื่อเปิดดู ก็มีกลิ่นหอมหวนเตะเข้าจมูกทันที ซุปตุ๋นปลาตะเพียนกับเต้าหู้สีขาวนมสด ดูจากหน้าตาแล้วก็ดูไม่เลวทีเดียว
เขาหยิบช้อนขึ้น เพื่อตักชิมไปหนึ่งคำ พลันชะงักเล็กน้อย ความนึกคิดพลันเตลิดไปไกลอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เมื่อเห็นท่าทางภวินท์ จู่ๆก็เคร่งขรึมลงถนัดตา ญาธิดาเริ่มกระวนกระวายใจ พลันเอ่ยปากถามด้วยเจตนาดี “เป็นไงบ้างคะ? ไม่อร่อยใช่มั้ยคะ?”
ภวินท์ได้สติ พลันพูดอย่างเรียบเฉย “เปล่า อร่อยมาก”
จู่ๆ ก็ฉุกคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา ในอดีตซึ่งมีบุคคลหนึ่งที่จะคอยตุ๋นซุปปลาให้เขาในยามที่เขาเจ็บป่วยในทุกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...