เมื่อญาธิดาได้ยินเรื่องนี้ ได้แต่อ้าปากอย่างกระดากปาก แต่ไม่สามารถตอบคำถามได้
เวลานี้เอง ธีทัตหัวเราะเสียงทุ้มอย่างอ่อนโยนจนดังออกมาจากปลายสาย “อารมณ์ไม่ดีใช่มั้ย?”
“นิดหน่อยค่ะ...” ญาธิดาชะงักเล็กน้อย จนเกิดความคิดขึ้นมา “อันอันอารมณ์ไม่ดีเหมือนกันใช่มั้ยคะ?”
ระหว่างเธอกับพายุ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาเลย
ธีทัตได้ยินถึงกลับต้องเงยหน้าขึ้น พลางกวาดตาอัญมณีที่กำลังเดินมาทางนี้ และกล่าวอย่างเศร้าโศก “จริงครับ ชอบทำหน้าบึ้งตึงใส่ แล้วก็ไม่ค่อยสนใจผมสักเท่าไหร่”
“เธอเดินมาแล้ว ผมเอาโทรศัพท์ให้เธอนะ”
ปลายสายพูดออกมาประโยคหนึ่ง เขาชูมือขึ้นเพื่อยื่นโทรศัพท์ให้อัญมณี
อัญมณีย่นคิ้ว ซึ่งกำลังคิดจะถามเธอว่าทำไมพี่ชายถึงมารับโทรศัพท์เธอแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ล่ะ เมื่อมองว่าคนที่โทรมาคือญาธิดา จากนั้นจึงไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมาก จึงเอาขึ้นมาแนบหูทันควัน “ธิดา?”
“อันอัน คืนนี้ออกมาคุยกันหน่อยมั้ย?”
“ได้สิ ฉันกำลังจะนัดแกอยู่พอดี ไม่คิดว่าแกจะโทรหาก่อน”
ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่กี่ประโยค จากประโยคเริ่มแรกจนเห็นพ้องต้องกัน
หลังจากวางสายแล้ว อัญมณีช้อนตาเหลือบมองธีทัตที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้ากลับถมึงทึงดังเดิม “คืนนี้ฉันจะออกไปเที่ยวกับธิดา ไม่กลับไปกับพี่แล้วนะ”
ธีทัตเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางจิบไวน์แดงและกล่าวออกมา “ไปร้านเหล้าที่ไหน? พี่จะไปส่ง”
อัญมณีตกตะลึง จึงรีบปฏิเสธทันควัน “ร้านเหล้าที่ไหนอะไรล่ะ! ใครพูดว่าจะไปร้านเหล้า?”
ธีทัตยกมุมปากขึ้น ราวกับคิดไว้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะมีการตอบสนองออกมาเช่นนี้ โดยพูดอย่างไม่รีบร้อน “รู้ว่าแกอารมณ์ไม่ดี ครั้งนี้จะปล่อยไป พี่ไปส่งแกเอง ให้เพื่อนรักอย่างพวกแกสองคนคุยกันจนจบ พี่จะเป็นคนไปรับพวกแกเอง”
เขาเข้าใจนิสัยน้องสาวของตนเองมาก ซึ่งโดยปกติเมื่ออยู่ต่างประเทศก็ชอบเที่ยวเล่นจนไม่มีคำจำกัดความ ซึ่งในเวลานี้กลับมาอยู่ในประเทศแล้ว ภายใต้การดูแลของเขา เรื่องนี้เขาก็ต้องเข้ามายุ่ง
ครั้งนี้ ญาธิดาเป็นคนเอ่ยขึ้นมาเอง เขาถึงได้อนุญาตเธอไป
อัญมณีเบิกตาโต พลางแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “พี่ ถูกผีอำมาเปล่าเนี่ย? ถึงขั้นยอมตกลงให้ฉันไปร้านเหล้า!”
น้ำเสียงธีทัตตอบอย่างหนักแน่น “แค่ครั้งนี้นะ ครั้งต่อไปไม่มีข้อยกเว้น”
อัญมณีได้ยิน ถึงกลับกลอกตามองบนให้เขา แต่ไม่พูดอะไร
ถือว่าเป็นพี่ชายแท้ๆ ตัวจริง เมื่อกี้ยังหล่ออยู่เลยพริบตาเดียวก็น่าขายหน้าเหมือนเดิม!
เมื่อท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลง ญาธิดากินข้าวเย็นเรียบร้อย จึงเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งชุด จากนั้นก็เตรียมตัวออกจากบ้าน
แม้ว่าเธอพูดว่าอยากไปดื่มเหล้า ทว่าก็ไม่ได้จะไปยังสถานที่มีกลิ่นควันบุหรี่เหม็นตลบอบอวลไปทั่วและเสียงดังลั่นจนแก้วหูแทบแตก แค่อยากจะไปร้านนั่งของแมทธิวเพื่อนั่งดื่มและพูดคุยกับอันอันเท่านั้นเอง
เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ พลันทักทายกับพนักงานบาร์เทนเดอร์ที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ เธอกวาดตามองรอบๆ และอ้าปากถาม “อันอันมาหรือยังคะ?”
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เธอกับอัญมณีเคยมา ก็ได้สนิทสนมกับบาร์เทนเดอร์หนุ่มเป็นที่เรียบร้อย บวกกับพวกเขาเป็นเพื่อนแมทธิว บาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อย่อมจดจำพวกเขาได้ดี
“ยังนะครับ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบกลับเสียงอ่อนเสียงหวาน อายุไม่มากนัก ใบหน้ากลับปรากฏความฉลาดหลักแหลมออกมา พลันคลี่ยิ้มให้เธอ และกล่าวเสียงหวาน “พี่สาวคนสวย วันนี้รับอะไรดีครับ?”
ญาธิดาได้ยิน จนยกมุมปากด้วยความขบขัน “เอาตามที่คุณสะดวกเลยค่ะ”
“ได้เลยครับ!” หนุ่มน้อยลงมืออย่างคล่องแคล่ว โดยหันหลังไปหยิบขวดเหล้าออกมาจากชั้นวางเหล้าหลายขวด และเริ่มขะมักเขม้นต่อทันที
ญาธิดากำลังถูกดึงดูดจากการกระทำของเขา ทางด้านหลังก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น “ธิดา!”
เมื่อหันขวับกลับมา เธอก็เห็นอัญมณีใส่กระโปรงสั้นเข้าเอวรีบเดินเข้ามาหา และกวักมือให้เธอ
“ฉันมาสาย พี่ฉันมาส่งแหละ บ่นไม่หยุดปาก น่าเบื่อชะมัด”
นี่เท่ากับเธอกลายเป็นแม่ชี ที่หลุดพ้นจากความรู้สึกทั้งหลายจนถึงขั้นถือพรหมจรรย์รักษาศีลแปด!
เหล้าแก้วหนึ่งกรอกลงท้องไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระเพาะญาธิดาร้อนระอุ ความกล้าบ้าบิ่นก็เพิ่มมากขึ้น เธอโน้มน้าวอัญมณีที่อยู่ด้านข้าง “ถ้าแกชอบ ก็ไปขอเบอร์สิ”
อัญมณีมองหนุ่มหล่อตาน้ำข้าวที่อยู่บนเวที พลันหัวเราะแห้งๆ ให้ โดยที่ในใจไม่รู้สึกรู้สาสักนิด
เธอแค่หลุดปากพูดออกไปเท่านั้นเอง ผู้ชายที่จ้องมองจนภาพอยู่ในดวงตาคนนั้น ทว่าในหัวใจกลับกลายเป็นผู้ชายคนอื่นเสียนี่ เธอสะบัดศีรษะไปมา พลันยกแก้วเหล้าในมือกระดกกรอกปากจนหมดแก้ว
ทางด้านข้าง ญาธิดาไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ก็นึกถึงภาพเมื่อตอนเช้าที่พูดคุยกับนิวรา เธอหันศีรษะไปมองอัญมณีทางด้านข้าง พลันกระซิบพูด “อันอัน เมื่อเช้านี้ฉันเจอกับนิวรามาด้วยแหละ”
อัญมณีเป็นคนฉลาดหลักแหลม พลันหันศีรษะกลับมา “หะ? ยัยหมาที่คอยหวงก้างที่เป็นรักแรกของภวินท์นั่นอะนะ?
ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเป้าหมายของภวินท์ที่แต่งงานกับญาธิดาก็เพื่อจะหาไตให้นิวราแล้ว เธอก็ได้ให้ฉายากับพวกเขาสองคน ภวินท์คือ “ผู้ชายเฮงซวย” ส่วนนิวรา “ยัยหมาหวงก้าง”
ญาธิดาเริ่มมึนเมาเล็กน้อย จึงพยักหน้า พลันพูดคำพูดเหล่านั้นของนิวราที่พูดกับเธอโดยบอกเล่าให้อัญมณีฟังทั้งหมด
เธอเอาแขนพาดลงบนแผ่นหินอ่อนด้านหน้าเคาน์เตอร์อันเย็นเฉียบ พลางกระซิบพูด “มิน่าล่ะเธอถึงเป็นผู้หญิงคนที่ภวินท์หวงแหนที่สุด ฉันก็เพิ่งจะรู้ต้นเหตุในวันนี้เอง”
อัญมณีที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงพึมพำในลำคอ “หึ! หวงแหนอะไร ทำไมฉันรู้สึกว่านิวราคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไรนั้นเลย! นางกล้าพูดออกมาแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าตนเองได้ตำแหน่งเป็นคนข้างกายภวินท์อย่างเจิดจรัสไปแล้วนะสิ! อีกเรื่องนะ ทำไมนางต้องให้แกเห็นรอยแผลเป็นบนตัวนางด้วยวะ? นั่นก็หมายความว่านางได้ทำอะไรเพื่อภวินท์ตั้งหลายอย่าง ส่วนแกเทียบไม่ติดสักอย่าง โดยทำทีให้รู้แนวก่อนเพื่อไม่ให้แกกล้าลงสนามแข่งสู้แล้วมั้ง!”
น้ำเสียงอัญมณีแสดงความหมายตรงไปตรงมา ทว่าคำพูดก็ไม่ได้หยาบคายจนไร้ซึ่งหลักการ ญาธิดาเข้าใจชัดเจน เพราะว่านี่คือความหมายของนิวราที่อยากจะแสดงความหมายต่อเธอจริงๆ ทว่าหนึ่งในส่วนมูลเหตุความจริง เพราะนี่คือความเป็นจริง
อัญมณีที่อยู่ด้านข้างก็ชนไหล่เธอเบาๆ “ธิดา ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะ! แกต้องระวังให้มากด้วย!”
ญาธิดาคลี่ยิ้มมุมปากและหัวเราะอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เคร่งขรึมลงและไม่ได้ส่งเสียงตอบกลับมา
ต้องคอยระวังอะไรอีกล่ะ เธอเองก็ไม่คิดจะกลับไปสานสัมพันธ์กับภวินท์อีกนี่
แม้ว่าสัญญาฉบับนั้นยังดำเนินต่อไป แต่หลังจากวันนี้ไปแล้ว เธอจะพยายามอยู่ให้ห่างเขาอย่างสุดความสามารถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...