ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 385

เดิมทีภวินท์ก็เริ่มสงสัยในตัวเธอมาสักระยะแล้ว ถ้าหากเขารู้ความจริงว่าเธอกับธีทัตไม่ใช่สามีภรรยากัน เกรงว่าเรื่องลูกก็ยากจะปิดบังความจริงจากเขาได้

เธอกัดฟันแน่น รวบรวมความกล้า เงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ฉันกับทัตจะนอนกันยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นโพล่งออกไป สีหน้าของภวินท์ก็เคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย

ประโยคที่เธอพูดออกมาแบบสบาย ๆ เมื่อครู่นี้ มันทำให้เขาอดคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ ทันทีที่เขานึกถึงฉากที่เธออยู่กับผู้ชายคนอื่น ไฟในใจของเขามันก็ลุกโชนสูงขึ้นเรื่อย ๆ

เขาเงยหน้าขึ้น กวาดสายตามองบนรถที่จอดอยู่ไม่ไกลซึ่งมีอีธานกับเอลล่า โผล่หัวออกมามองพวกเขาด้วยความสงสัย เขาเริ่มร้อนใจก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของเธอ เปิดประตูรถ แล้วดึงเธอขึ้นไปบนรถโดยไม่ลังเล

“ปึง!” ประตูรถถูกปิดจนเสียงดังสนั่น

พายุที่นั่งอยู่แถวหน้าเงยหน้าขึ้นอมองย่างแปลกใจ ใครจะรู้ว่าจะบังเอิญไปสบตาเข้ากับภวินท์ผ่านกระจกมองหลังเข้าพอดี

ชายหนุ่มสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมออกคำสั่งเขาโดยไม่ลังเล “ลงไป แล้วไปเฝ้าอีธานกับเอลล่าไว้”

เมื่อพายุได้ยินดังนั้น เขาก็รีบผลักประตูและลงจากรถโดยไม่ลังเลเลยสักนิด

ทันทีประตูรถปิดลง บรรยากาศภายในรถก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทันที

ญาธิดาเริ่มรู้สึกประหม่า เธอเงยหน้าขึ้นมองภวินท์แล้วพยายามดึงมือออก “คุณจะทำอะไร”

ฝ่ามือของชายหนุ่มล็อกแน่นอย่างกับกุญแจมือ บีบรัดข้อมือของเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

นัยน์ตาดำขลับลุ่มลึกคู่นั้นจ้องมาที่เธอด้วยใบหน้าและแววตาจริงจัง “ญาธิดา เธอคิดว่าจะโกหกฉันไปได้ตลอดเหรอ”

วันนั้นที่สวนสนุก ตอนที่เขามีเวลาว่างเขาได้พูดคุยกับเอลล่า และได้ถือโอกาสถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างญาธิดากับธีทัตว่าเป็นยังไง ตอนนั้นเขาถึงได้รู้ว่าทั้งสองคนนอนกันคนละห้อง

วินาทีที่เขารู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจของภวินท์ถึงรู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก

แต่เพียงไม่นาน เมื่อเขาตระหนักได้ว่าบางทีญาธิดาอาจกำลังโกหกเขามาตลอดตั้งแต่แรกล่ะ?

ทันทีที่คิดได้แบบนั้น ภวินท์ก็ยิ่งรู้สึกโกรธจัด จนเผลอบีบรัดข้อมือของญาธิดาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“ญาธิดา ฉันจะถามเธอครั้งสุดท้าย เขาแค่ปฏิบัติกับเธอไม่ดี” ภวินท์หยุดชะงักไปพร้อมขมวดคิ้วแน่น “หรือว่าที่จริงแล้วพวกเธอไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน!”

คำพูดไม่กี่คำเหล่านี้ เป็นเหมือนหนามทิ่มแทงเข้าที่หัวใจของญาธิดา

สองวินาทีต่อมา เธอก็แสร้งทำเป็นนิ่ง ทำเป็นพูดจาเล่นแง่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ภวินท์ จะแยกห้องหรือไม่แยกห้องมันก็เป็นเรื่องของเราสองคนสามีภรรยา มีปัญหาอะไรหรือไง ถึงได้ยุ่งเรื่องของชาวบ้านไปทั่วแบบนี้”

ยิ่งมองท่าทางปวกแข็งของหญิงสาว ภวินท์ก็ยิ่งโกรธจนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง กวาดสายตาผ่านดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้น เลื่อนลงมาข้างล่าง และสะดุดตาเข้ากับริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มชื้นของเธอ หัวใจของเขาบีบรัดแน่น ทันใดนั้น แรงกระตุ้นที่ยากจะต้านทานก็พลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของเขา

วินาทีต่อมา เขาก็เอื้อมมือออกไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะดึงเธอเข้าหาตัว แล้วก้มศีรษะลงเพื่อประกบริมฝีปากของเธอ

ห้วงวินาทีนั้นเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

รสสัมผัสที่คุ้นเคย ความรู้สึกที่คุ้นเคย รวมถึงความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในร่างกายวินาทีนี้ทุกอย่างเหมือนถูกปลดผนึกออก ทุกอย่างพลุ่งพล่านเข้ามาอย่างรวดเร็วและบ้าคลั่ง

ญาธิดาตกใจสุดขีด เธอคิดไม่ถึงเลยว่าาภวินท์จะทำแบบนี้กับเธอ หลังจากดิ้นรนอยู่นาน ทุกอย่างก็เหมือนเปล่าประโยชน์ ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มร้อนเหมือนถูกแผดเผาโดยไม่รู้ตัว

ความรู้สึกแปลก ๆ แต่คุ้นเคยกำลังค่อย ๆ เอาชนะสติสัมปชัญญะของเธอ สติของเธอเริ่มพร่าเบลอ และเลอะเลือนมากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว

ภวินท์มองกลับอย่างเย็นชา ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น มีเพียงคำสั่งที่สั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “กลับไปบริษัท”

คิดไม่ถึงว่าอยู่นอกรถเขาที่โดนปฏิบัติแบบนั้นใส่จนทำตัวไม่ถูกมาทีนึง พอกลับเข้ามาในรถยังจะโดนปฏิบัติแบบนี้จนทำตัวไม่ถูกอีกรอบเสียได้

พายุส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ได้แต่สตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่งขับออกไป

รถแล่นเข้าถนนใหญ่ เบื้องหน้าห่างออกไปไม่ไกลเป็นรถของญาธิดา

ญาธิดาที่นั่งอยู่บนรถสีหน้าเคร่งเครียดจนน่ากลัว ส่วนอีธานกับเอลล่าก็นั่งอยู่เบาะหลังอย่างเชื่อฟัง โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

ผ่านไปพักใหญ่อีธานถึงได้รวบรวมความกล้าเอ่ยปากถาม “แม่ครับ เป็นอะไรไปเหรอครับ คุณอาคนหล่อรังแกอะไรแม่หรือเปล่า”

ญาธิดาได้ยินแบบนั้นก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อพยายามระงับความโกรธในใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เปล่าจ้ะ เด็ก ๆ ไม่ต้องคิดมากนะ”

อีธานได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็ดูไม่พอใจเล็กน้อย เขาเงียบไปก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่ครับ ต่อไปอีธานจะปกป้องคุณแม่ จะไม่ให้เขามาทำให้คุณแม่ต้องโมโหอีก!”

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจังของเด็กน้อย ญาธิดาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความทุกข์ที่มีในใจก็ค่อย ๆ คลายหายไป

ตอนที่พวกเขามาถึงซาฟารีปาร์ค ก็ถึงเวลาพอดีเป๊ะ ญาธิดาจับอีธานกับเอลล่าลงจากรถ ก่อนจะจูงมือกันเดินเข้าไปในพื้นที่ถ่ายทำ ส่งตัวพวกเขาให้พี่โอ๊ต ส่วนตัวเองก็แยกตัวไปหาหัวหน้าผู้กำกับ

“ผู้กำกับคะ เรื่องภาพตัวอย่างฉันคิดมาแล้ว ฉันจะพาอีธานกับเอลล่าให้ความร่วมมือกับงานของพวกคุณอย่างเต็มที่ แต่ถ้าภาพตัวอย่างถูกตีกลับมาเป็นครั้งที่ห้า นั่นแสดงว่าความสามารถของพวกเรามีไม่เพียงพอ และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกคุณได้ ถึงตอนนั้นก็คงทำได้แค่ขอให้พวกคุณเปลี่ยนคนเท่านั้นแหละค่ะ”

พูดจบ เธอก็โค้งตัวให้ผู้กำกับ

ภาพตัวอย่างสามชุดแรกที่ถ่ายไว้ถูกตีกลับมาหมด เธอจะเปลี่ยนให้อีกแค่สองครั้งเท่านั้น เธอจะไม่มีทางปล่อยให้ภวินท์วางอำนาจบาตรใหญ่ต่อไปแบบนี้แน่!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์