ซึ่งในเวลาเดียว ภายในภัตตาคาร
หลุยส์มองผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามที่แสดงอาการผิดปกติทุกอย่าง จู่ๆ ก็เริ่มหงุดหงิดใจขึ้นมาอยู่สักพัก
เขายกมือขึ้นเคาะหน้าโต๊ะ พร้อมทั้งอ้าปากพูด “วิน วันนี้แกเป็นอะไรไปวะ? มาคุยเรื่องงานแต่ใจดันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”
ภวินท์ขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งชูมือขึ้นปลดเนกไทตรงลำคอ และขมวดคิ้วพลันพูดออกมา “เรื่องคำสั่งซื้อนั่น เอาไว้วันอื่นค่อยมาคุยที่บริษัท”
หลุยส์ขมวดคิ้วย่นมาก พร้อมทั้งเหลือบมองเขาอย่างตั้งใจ ในที่สุดก็อดถามไม่ได้ “เพราะญาธิดาใช่มั้ย?”
ซึ่งไม่รอให้ภวินท์ได้เอ่ยปาก เขาก็พูดต่อทันที “เมื่อกี้ตอนนายเห็นว่าเธออยู่กับไอ้หมอคิรินแล้ว ก็มีอาการผิดปกติขึ้นมาทันที!”
“แกคงไม่หวั่นไหวไปกับเธอจริงๆ ใช่มั้ย?”
หลุยส์ถามคำถามติดกันสามคำถาม ถามจนภวินท์ถึงกลับต้องขมวดหัวคิ้ว หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา พร้อมทั้งช้อนตาเหลือบมองเขาพลางถามทันที “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่?”
“วิน หยุดคิดก่อน ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาจะมาสนใจความสัมพันธ์เชิงชู้สาว อย่างน้อย ก็ต้องรอให้จับสิงโตได้เสียก่อน”
คำพูดของหลุยส์ราวกับเสียงระฆังดังเหง่งหง่าง พูดจนสีหน้าภวินท์เคร่งขรึมหนักกว่าเดิม สุดท้าย เขาพูดเสียงเข้ม “ฉันรู้แล้ว”
เมื่อห้าปีก่อน เขาเกือบพ่ายแพ้อย่างราบคาบต่อสิงโต ตอนนี้ เขาไม่มีวันจะล้มลงที่เก่าซ้ำสองเป็นอันขาด
เช้าวันถัดมา สำหรับญาธิดาแล้ว ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำตลอดทั้งวัน แค่อีธานกับเอลล่าไปถ่ายงาน เธอจำต้องตื่นแต่ไก่โห่ตั้งแต่เช้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
ญาธิดาจัดการเก็บของเสร็จสรรพ ญาธิดามองเด็กน้อยสองคนหาววอด จนอดปากถามไม่ได้ “พวกเธอสองคน ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนนอนหลับไม่เต็มตื่นเหรอ?”
อีธานกับเอลล่าสบตากัน แต่ไม่มีใครพูด
ญาธิดามองสถานการณ์มันดูผิดแปลกไป จึงรีบถามทันที “พวกลูกสองคน มีความลับอะไรอยู่หรือเปล่า?”
เอลล่าส่ายหน้าปฏิเสธทันควัน “เปล่าค่ะ...”
อีธานตอบกลับอย่างฉลาดเฉลียว “เราแค่ประชุมกัน คุยกันเรื่องการบ้านอยู่ครับ”
ญาธิดาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เหรอ?”
ญาธิดาเห็นเด็กน้อยสองคนพยักหน้าพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย เธออดยิ้มไม่ได้ พร้อมทั้งเอื้อมมือออกไปลูบหัวเล็กๆ ของพวกเขา “เอาล่ะ รีบไปเอากระเป๋านักเรียนของพวกหนู และขึ้นรถได้แล้ว”
อีธานกับเอลล่าพยักหน้าทันที พร้อมทั้งขึ้นรถอย่างเชื่อฟัง
ญาธิดาขับรถมาถึงสวนซาฟารี จากนั้นก็พาพวกเขาไปรายงานตัวกับทางผู้กำกับ จากนั้นก็คอยดูฝ่ายพนักงานต่างๆ และเริ่มทำงานของวันใหม่ตลอดทั้งวัน
ราวกับได้พักผ่อนมาแล้วหนึ่งวัน ทุกคนต่างมีพลังงานอย่างเต็มเปี่ยม ลักษณะท่าทางดีมาก กระทั่งผู้กำกับได้เอ่ยถึงให้อัดคลิปที่น่าสนใจเอาไว้ เพราะว่ามีการถ่ายคลิปอีธานเอลล่า และยังมีความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ บางครั้งก็จะเกิดเรื่องที่สนใจอยู่บ้าง หลังจากผ่านการอัดคลิปสั้นๆ สามารถถ่ายคลิปเรื่องน่าสนุกในฉากได้ ถือว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมากทีเดียว
ก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำนั้น คุณบิ๊กยังไม่ลืมกำชับพนักงานไว้ด้วย “ขวัญ คุณอย่าลืมบันทึกคลิปวิดิโอสั้นที่น่าสนใจเอาไว้ หลังจากนั้นคุณเป็นคนเอามาตัดต่อ ถ้าเกิดได้รับกระแสที่ดี มีโบนัสให้!”
คนที่ชื่อขวัญเป็นนักศึกษาฝึกงานที่เพิ่งมาทำงานกองถ่าย มีชีวิตชีวาและเป็นคนจิตใจเมตตา และเป็นที่ถูกอกถูกใจคนอื่นๆ มาก
บรรยากาศในการถ่ายทำในฉากนั้นก็ว่าดีมาก ประสิทธิภาพในการทำงานก็พัฒนาเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พริบตาเดียว การอัดเทปตัวลิ่นก็เสร็จเรียบร้อย ถัดมาเป็นการอัดเทปคู่กับงูเหลือม
ซึ่งงูเหลือมที่ใช้ถ่ายทำเป็นงูที่ได้รับการฝึกฝนกับครูฝึกอย่างดีแล้ว อ่อนโยนและเชื่อฟัง อีกอย่างไม่มีพิษสงใดๆ สองสามวันก่อนอีธานกับเอลล่าได้สัมผัสแล้วก็รู้สึกกลัวอยู่บ้างแต่วันนี้เมื่อเห็นงูเหลือมตัวลายที่อยู่ในกรง ไม่เพียงไม่รู้สึกกลัว ในทางกลับกันกับสนิทสนมราวเป็นเพื่อนกัน
ช่างกล้องกำลังอยู่ที่ภาคสนาม ญาธิดาฉวยจังหวะเรียกเด็กน้อยสองคนเข้ามาหา พร้อมทั้งเร่งรัดให้พวกเขาดื่มน้ำให้เยอะๆ
เพราะว่าอากาศร้อนอบอ้าว แก้มของเอลล่าร้อนจนแดงเป็นปื้น สุกปลั่ง น่ารักมาก
เอลล่ายื่นแก้วใสเปล่าให้ญาธิดา “คุณแม่ หนูดื่มน้ำหมดแล้ว”
“เด็กดีจริงๆ!”
“รีบโทรหา 1669 เร็ว!”
“รีบจับงูตัวนั้นไว้เร็ว! เร็วเข้า!”
“……”
ในกองถ่ายเกิดความวุ่นวายขึ้นมาทันที ต่างมีเสียงเอ็ดตะโรดังลั่น การถูกตำหนิ การพูดให้สัญญาณ เอามาผสมเข้าด้วยกัน จนกระทบเต็มแก้วหูของญาธิดา จนทำให้ร่างกายเธอเย็นเฉียบ
ไม่นานนัก รถพยาบาลก็มาถึง ตลอดทาง สติสัมปชัญญะของเธอตึงเครียดในระดับสูงมา พอมาถึงโรงพยาบาล วินาทีที่พาเอลล่าเข้ามาในห้องฉุกเฉินนั้น เธอถึงถอนหายใจโล่งอก เบื้องหน้าดำมืด จนเกือบจะเป็นลมอยู่แล้ว
“คุณแม่...”
เสียงร้องไห้ของอีธานทำให้ญาธิดาได้สติกลับมา เธอกัดฟัน พยายามบีบให้ตนเองตื่นตัวขึ้นบ้าง เธอลืมตาขึ้น จึงมองเห็นอีธานที่ร้องไห้จนตาบวมเป่งจนแดงแจ๋ ความรู้สึกในใจยิ่งลำบากใจมากกว่าเดิม
เธอยื่นมือออกไป พร้อมทั้งดึงตัวอีธานเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด จนสะอึกสะอื้นอย่างอดใจไม่ได้ “ขอโทษนะ แม่ดูแลน้องได้ไม่ดี...”
เรื่องมันเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนจริงๆ เธอยังไม่ทันตั้งสติกลับมาได้ เอลล่าก็ถูกงูกัดจนเป็นลมล้มพับไปแล้ว ทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้นะ?
เวลานั้นเอง ตรงทางเดินก็มีเสียงอึงคะนึงดังขึ้นมาแต่ไกล ผู้กำกับพาพนักงานทั้งกลุ่มมาหาอย่างกับรวดเร็ว พร้อมทั้งแสดงอาการกระวนกระวายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ตอนที่ผู้อำนวยการสร้างเห็นญาธิดา จึงรีบเดินหน้าเข้าไปสอบถามทันที “ธิดา เหตุการณ์เป็นไงบ้าง? ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ดีๆ เอลล่าถึงถูกกัดได้ล่ะ?”
เมื่อได้ยิน ความรู้สึกความโกรธเคืองที่ไม่สามารถทนเก็บเอาไว้ได้จากก้นบึ้งหัวใจของญาธิดามันตีขึ้นมาทันที เธอช้อนตา แววตาคมกริบทั้งเชือดเฉือนพร้อมทั้งหม่นหมองลงเยอะ “คุณบิ๊ก น่าจะเป็นฉันที่ควรถามคำถามนี้มากกว่านะคะ”
ซึ่งตอนแรกคนที่เป็นคนพูดออกมาจากปากเองว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นก็คือเขา พร้อมทั้งพูดกับเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าสัตว์พวกนี้เป็นสัตว์ที่ได้การฝึกฝนเป็นอย่างดีแล้ว จะไม่มีวันทำร้ายคนอื่นก็คือเขา แต่วันนี้ เอลล่ากลับถูกงูกัด!
พอคุณบิ๊กได้ยิน จึงสงบปากสงบคำเป็นคนใบ้ไปทันที
ญาธิดาเห็นเหตุการณ์ ยิ่งโกรธหนักกว่าเดิม “หรือว่าก่อนที่จะมีการถ่ายทำพวกอุปกรณ์ประกอบฉากไม่ได้มีการตรวจเช็กความเรียบร้อยก่อนงั้นหรือคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...