นิวรากัดฟัน ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกโกรธเคือง เธอแสร้งทำทีเดินจากไปอย่างสงบ แต่กำมือที่อยู่ข้างลำตัวเอาไว้แน่น
จนเล็บจิกอยู่ใจกลางฝ่ามือของเธอ แต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดสักนิด
ไม่ได้การแล้ว เธอไม่มีวันนั่งรอคอยความตายอยู่อย่างนี้แน่นอน!
คู่หูของเจ้าของกิจการคนอื่นๆ ที่อยู่ทางด้านข้างโบกมือให้เธอ “คุณนิว กินอะไรสักหน่อยมั้ยคะ อีกเดี๋ยวจะต้องลงสนามแล้วนะคะ”
นิวราหันศีรษะกลับมา พลันยิ้มให้เธอ สีหน้ากลับมาอ่อนโยนและใจกว้างดังเดิม “ไม่เป็นไรค่ะ สนามแข่งม้าเป็นที่ของบรรดาพวกผู้ชาย ขอรอดูพี่วินลงแข่งบนสนามทางด้านล่างก็พอแล้วค่ะ”
ถัดจากนั้นก็ประจบประแจงอยู่หลายประโยค นิวราหาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ และหันไปยังตรงมุมกำแพงที่ไม่มีคน พลันกดโทรศัพท์ออกทันที “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ฉันมีธุระต้องการเจอคุณ...”
เกินยี่สิบกว่านาทีหลังจากนั้น บรรดาแขกผู้มีเกียรติทางนี้ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ต่างแสดงท่าทางไปยังลานแข่งม้า ภวินท์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งเมื่อมองจากหอสังเกตการณ์ลงมาแล้ว วินาทีที่สายตาจับจ้องร่างกายของหญิงสาวที่ใส่ชุดสีแดงที่กำลังขี่ม้าแวบหนึ่ง จึงก้าวฝีเท้าออกจากโซนสันทนาการตามพวกเขาไปทันที
ซึ่งในเวลาเดียวกัน บริเวณในสนามม้า
ญาธิดากำลังขะมักเขม้นคอยมองอีธานกับเอลล่าเด็กน้อยสองคนที่กำลังฝึกขี่ม้า จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลยด้วยซ้ำ
พลันมีพนักงานที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มคนหนึ่งค่อยๆ เขยิบเข้าหาม้าเพศเมียที่ญาธิดาเป็นคนเลือกมาที่อยู่ทางด้านข้าง พลันมองซ้ายมองขวา จู่ๆ ก็ก้มลงด้วยความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง และจัดการยกกีบม้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางโยนตะปูที่อยู่ในมือยัดเข้าไปในซอกกีบม้าที่ไม่มีเกือกม้าอยู่
เมื่อทำทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนคนนั้นก็ถอยไปทางด้านข้าง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ญาธิดาคอยยืนเฝ้าอีธานเอลล่าอยู่ทางด้านข้าง และไม่รู้เรื่องรู้ราวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางนั้นเลย
บริเวณจุดกึ่งกลางของสนามม้า
ธีทัตขี่ม้าวิ่งเหยาะวนอยู่สองรอบแล้ว เมื่อวอร์มร่างกายเสร็จแล้ว จึงค่อยๆ ปรับเข้าสู่สภาพอย่างช้าๆ
จู่ๆ เขาใช้แส้ตีม้า เพื่อเป็นการเพิ่มความรวดเร็ว และวิ่งรอบๆ สนามแข่งม้า
อีธานถูกดึงดูดกับภาพทางนั้น จนอดใจร้องตกใจไม่ได้ “ว้าว คุณพ่อหล่อชะมัด!”
เอลล่าเองก็เบิกตาโต พลันพยักหน้าเห็นด้วยและพูดทันที “เหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวเลยค่ะ!”
ญาธิดาเบนสายตามองตาม เพื่อมองไปยังบริเวณนั้น จึงมองเห็นผู้ชายใส่ชุดขี่ม้าสีขาวที่กำลังนั่งขี่ม้าสีขาว ช่างหล่อเหลา รัศมีเจิดจรัสไปทั่วร่างกาย
ประจวบเหมาะกับชายหนุ่มหันหน้ากลับมา เพื่อมองตรงมาทางเธอ ซึ่งระยะห่างไกลขนาดนั้น แต่สายตาของเขาก็ยังจับจ้องมายังทิศของเธออย่างถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน
ญาธิดาตะลึงทันที พลันเกิดความรู้สึกอันสับสนที่ไม่แน่ชัดมันตีขึ้นมาในหัวใจ
ธีทัต ช่างเป็นสิ่งที่น่าสะดุดตาของการมีตัวตนอยู่จริงๆ
“คุณแม่! คุณแม่ก็รีบไปเร็ว! ไปขี่พร้อมกับคุณพ่อสิ!
อีธานกระโดดโลดเต้นทันที พลันอยากจะควบเจ้าม้าน้อยออกไปจนอดใจไม่ไหว
ญาธิดาหันหน้ากลับมา ถึงกลับขบขันกับปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาเช่นนี้ของเขา เธอหัวเราะร่า พลันกวาดตามองม้าเพศเมียสีขาวอันอ่อนโยนตัวนั้นที่อยู่ในตำแหน่งไม่ไกลนัก จนเกิดอาการลังเลอยู่ในใจ
เอลล่าที่อยู่ด้านข้างก็พยักหน้าตาม “คุณแม่ ไปสิ! วันนี้คุณแม่ยังไม่ได้ขี่ม้าเลยนะคะ!”
ญาธิดาฉีกยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร
ซึ่งตอนแรกเธอยากจะให้อีธานกับเอลล่าเล่นกันอย่างสนุกสนานก็พอแล้ว ดังนั้นตอนที่ธีทัตเลือกม้าให้เธอ เธอก็ไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ แต่มองจากตอนนี้แล้ว เธอจำต้องขี่ม้าเสียแล้วสิ
การเผชิญหน้ากับการโดนเด็กสองคนเชียร์อยู่ตลอด ในที่สุดญาธิดายอมศิโรราบ และกล่าวอย่างใจอ่อน “ตกลงค่ะ แม่จะขี่ม้าพอใจหรือยังคะ!”
เธอพูด พร้อมทั้งเหลือบมองเด็กสาวคนอย่างตำหนิแวบหนึ่ง เมื่อเห็นดวงตาระยิบระยับที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการรอคอยของพวกเขา ญาธิดาหัวเราะ “หึๆ” ออกมาอย่างอดไม่ไหว
เมื่อพูดวนกลับมา เธอไม่ได้ขี่ม้ามานานแล้ว ซึ่งวันนี้ได้ขี่ม้า เกรงว่าเทคนิคอันแสนธรรมดามาก คงได้ขายหน้าธีทัตแล้วแหละ
แต่สุดท้ายแล้วก็อดทนต่อความตื่นเต้นของเจ้าตัวน้อยสองคนไว้ไม่อยู่ ญาธิดาวอร์มร่างกาย จากนั้นก็โหนขึ้นขี่ม้าทันที
พนักงานที่อยู่ทางด้านข้างเห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว ตอนแรกก็เตรียมจะจูงม้าให้เธอ ใครจะไปรู้ว่าเธอส่ายหน้าให้ พร้อมทั้งกระซิบพูด “ไม่ต้องสนใจฉันหรอกค่ะ ช่วยดูแลเด็กสองคนก็พอแล้วค่ะ”
ม้าสีขาวเหมือนว่ามีอะไรมากระตุ้น จนพยศกระโจนพุ่งเข้าชนรั้วกั้นทางด้านข้าง
ญาธิดาหมอบร่างกายลงครึ่งหนึ่ง เพื่อลดจุดถ่วง และมีอยู่อีกหลายครั้งนักที่เกือบจะถูกสะบัดจนตกลงมา
ภายในสนามม้าวุ่นวายขึ้นมาทันที พนักงานที่ตื่นตระหนก ลูกค้าที่ตกอกตกใจ กรีดร้องกันเสียงดังระงมกันทันที
ม้าสีขาววิ่งพุ่งมาทางรั้วอย่างบ้าคลั่ง พลันมองเห็นเต็มตาว่าจะชนอยู่แล้ว จู่ๆ ม้าก็เปลี่ยนทิศหันกลับมา พร้อมทั้งวิ่งเตลิดไปทางอื่นอย่างบ้าคลั่งแทน
“ธิดา!”
ธีทัตแหงนหน้าขึ้น จึงมองเห็นม้าสีขาวตัวนั้นที่เตลิดอย่างไร้เหตุผล ผู้หญิงที่อยู่บนหลังม้าก็จับบังเหียนไว้แน่น แต่ร่างกายคล้ายใบเมเปิลที่เตรียมหลุดปลิวออกจากขั้วอยู่รอมร่อ ซึ่งลักษณะคล้ายว่าสามารถสะบัดจนหลุดลงพื้นได้ทันที
หัวใจของเขาเต้นจนมาจุกอยู่ตรงคอ พลันควบม้าทะยานไปทางนั้นทันที แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในเวลานี้ กลับมาม้าสีดำควบมาอย่างรวดเร็วเข้าสู่สายตาของเขา สีหน้าชายหนุ่มแข็งทื่อไปทันที ซึ่งพุ่งตัวไปทางม้าสีขาวทันที โดยไร้ความลังเลสักนิด
ภวินท์นั่นเอง!
ธีทัตตกใจทันที พลันกระทุ้งท้องม้าไว้แน่น เพื่ออยากจะรีบหน่อย เพื่อเพิ่มความรวดเร็วให้มากขึ้นหน่อย
แต่สุดท้ายเขาก็ช้าไปเพียงก้าวเดียว
ม้าสีดำกระแทกชนม้าสีขาว จนม้าสีขาวตกตะลึง พลันหยุดกีบหน้าทันที และแสดงอาการพยศจนยกกีบหน้าสองข้างขึ้น จนทำให้หญิงสาวที่ขี่อยู่บนหลังหงายหลังเงิบลงทันที แต่ในเวลานั้น ภวินท์ก็กระโจนเข้ามา และเหนี่ยวรั้งตัวเธอเอาไว้ และหล่นลงพื้นพร้อมกัน
ญาธิดารู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงหนึ่งดึงตัวเองเข้าไปสู่อ้อมกอดอันกว้างใหญ่ ตามมาติดๆ เธอถูกคนกอดไว้แน่น และหมุนอยู่หลายตลบ
ท้ายที่สุด ก็กลับมาสงบดังเดิม เธอแหงนหน้าขึ้น ก็มองเห็นนัยน์ตาดำขลับคู่นั้นทันที...
กลับกลายเป็นเขาเสียนี่ วินาทีท่ามกลางความเป็นความตายของเธอ คนที่เป็นคนกระโจนเข้ามาช่วยเธออย่างไม่คำนึงถึงชีวิตกลับเป็นภวินท์!
ซึ่งในที่เกิดเหตุนั้น ฝุ่นตลบอบอวล พนักงานต่างวิ่งกรูมารุมล้อมราวกับรังผึ้งแตกรัง ซึ่งมีอยู่หลายคนที่ใช้เรี่ยวแรงร่วมด้วยช่วยกันดึงม้าทั้งสองตัวออกไป และมีคนอีกมากมายที่แห่กันไปยังบริเวณสองคนกอดกันกลมอยู่ที่พื้น
ธีทัตดึงบังเหียนไว้แน่น และขี่อยู่บนหลังม้า เมื่อมองเห็นภาพนั้นแล้ว จนเกิดอาการเจ็บจี๊ดฉายแวบขึ้นมาในห้องหัวใจอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...