ญาธิดาไม่ได้สนใจ เธอหาที่นั่งเองตามใจชอบและพูดอย่างเป็นกันเองว่า “ไวน์อะไรก็ได้ ขอฉันแก้วหนึ่ง”
เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของภวินท์ก็ยิ่งอึมครึมมากขึ้นกว่าเดิมทันที
ผู้หญิงคนนี้ฟังไม่เข้าใจจริง ๆ หรือแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่?
เมื่อญาธิดาเห็นว่าทั้งเขาและหลุยส์ต่างก็ไม่มีใครตอบสนองเธอสักคน เธอจึงเอื้อมมือออกไปหยิบแก้วด้วยความหงุดหงิด แล้วรินไวน์ให้ตัวเอง
จู่ ๆ มือใหญ่คู่หนึ่งก็เอื้อมมาคว้าข้อมือของเธอไว้จนญาธิดาหันขวับไปมองด้วยความตกใจ และบังเอิญสบสายตากับดวงตาดำสนิทของภวินท์เข้าพอดี
เขาขยับริมฝีปากพูดทีละว่า “เธอเป็นผู้หญิงจะดื่มไวน์ไปทำไม?”
ประโยคที่เขาพูดเมื่อกี้ความหมายชัดเจนมาก คิดไม่ถึงว่าเธอจะเข้าใจผิดเป็นว่าอยากดื่มไวน์แบบไหน
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตอนอยู่ในห้องนอนเมื่อกี้เวลาเธอมองคุณย่าเธอเอาแต่รู้สึกหดหู่ใจ แล้วก็นึกถึงพ่อแม่และลูก ๆ ของตัวเองขึ้นมา จนรู้สึกทรมานใจอย่างบอกไม่ถูก
ครอบครัวที่แท้จริงก็คงจะเป็นแบบนี้กันหมด ทำดีกับคนที่เรารักอย่างจริงใจ ไม่ว่าเขาจะสุขหรือทุกข์เราก็จะรู้สึกตามไปด้วย และคอยห่วงใยเขา เมื่อครู่นี้ยิ่งได้เห็นคุณย่ากำลังฝังเข็มรักษาอาการอยู่ในห้องนอน เธอก็ยิ่งควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ยาก พอเดินลงมาเห็นพวกเขากำลังดื่ม เธอก็เลยอยากดื่มสักแก้วด้วยเหมือนกัน
ญาธิดาหรี่ตาเหลือบมองแก้วไวน์ของพวกเขาแล้วพูดว่า “พวกคุณยังดื่มได้ แล้วทำไมฉันจะดื่มไม่ได้”
ภวินท์พูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเราก็ส่วนพวกเรา เธอก็ส่วนเธอ”
น้ำเสียงของเขาเผด็จการมาก หลุยส์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้แต่นั่งกลั้นเสียงหัวเราะ จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวและพูดออกมาว่า “พอได้แล้ววิน ทำอย่างกับกำลังห้ามเมีย มายืนจีบกันต่อหน้าฉันอยู่ได้ ฉันมองจนปวดลูกตาไปหมดแล้ว”
ขณะที่พูดเขาก็เหลือบไปมองภวินท์ที่ยังคงจับมือญาธิดาไว้ไม่ปล่อย
พอญาธิดากับภวินท์นึกขึ้นได้ ทั้งสองรีบหันมองหน้ากันและดึงมือของตัวเองกลับไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของภวินท์ดูเก้อเขินเล็กน้อย เขาเอื้อมมือขึ้นไปหยิบน้ำผลไม้ที่อยู่ข้าง ๆ เอามาวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หันมองไปทางหลุยส์อีกครั้งและพูดด้วยท่าทางจริงจังว่า “ที่นายเคยบอกฉันเรื่องที่นายได้ยินมาเกี่ยวกับเรื่องร้านค้ากับอสังหาริมทรัพย์พวกนั้น ภูผามีคำสั่งใหม่อะไร...”
เขายังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ ก็มีลูกน้องคนหนึ่งวิ่งมาจากทางประตูด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขามองไปที่ภวินท์แล้วพูดขึ้นว่า “คุณภวินท์เกิดเรื่องแล้วครับ ผู้หญิงคนนั้น...”
เขากำลังจะพูด แต่ทันได้สังเกตสีหน้าของหลุยส์ที่อยู่ข้าง ๆ เสียก่อนจึงชะงักนิ่งไป ก่อนจะเหลือบมองญาธิดาอย่างระแวดระวังและแผ่วเสียงเบาลงเรื่อย ๆ
ภวินท์ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ไม่เป็นไร พูดต่อเถอะ”
“ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นอยากจะฆ่าตัวตาย เธอเลยกัดลิ้นตัวเอง แต่โชคดีที่มีคนของเราไปเจอก่อนเลยไม่เป็นไรมาก แต่ว่าเธอแรง...”
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของภวินท์ยิ่งเคร่งขรึมมากกว่าเดิม
ญาธิดาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พอได้ยินคำรายงานของลูกน้องก็เผลอขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ผู้หญิง? ผู้หญิงคนไหน?
ทำไมเธอไม่เคยได้ยินว่าเรื่องนี้มีผู้หญิงที่ไหนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?
เอไม่ทันได้เอ่ยปากถาม หลุยส์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยันตัวลุกขึ้นก่อนแล้ว “วิน ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันไปดูให้”
พูดจบเขาก็เดินออกไปพร้อมกับลูกน้องของเขาทันที
ญาธิดารู้สึกไม่ค่อยสบายใจหลังจากเงียบไปสักพัก เธอก็เงยหน้าขึ้นไปมองภวินท์แล้วถามว่า “ผู้หญิงที่พวกเขาพูดถึงคนนั้น...เป็นใคร?”
ภวินท์ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไปสักพักแล้วพูดเสียงเรียบว่า “น่าจะเป็นผู้หญิงของภูผา ครั้งนี้เธออยู่กับคุณย่าพอดี ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้อะไรบ้างก็เลยจับเธอมาด้วย”
ขณะที่พูดเขาก็หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาเลือกรูปถ่ายรูปหนึ่งยื่นให้ญาธิดา “เธอคนนี้แหละ”
มองแค่แวบเดียวญาธิดาก็ถึงกับอึ้งไปทันที ในสมองของเธอว่างเปล่า ได้แต่ยื่นมือไปรับโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างตั้งใจ
เมื่อไปถึงหน้าประตู ญาธิดาถึงได้เห็นว่าภายในห้องเล็ก ๆ มืดสลัว เกล้าแก้วถูกมัดตัวติดกับเสา มือทั้งสองข้างของเธอถูกห้อยไว้กับราวไม้ด้านบน ปลายเท้าแตะกับพื้น เสื้อผ้าเปียกชื้น เปรอะไปด้วยคราบเลือดเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ญาธิดาเห็นภาพแบบนี้ แต่พอเห็นเพื่อนสนิทของเธอถูกเชือกมัดตัวแบบนี้แล้ว สิ่งที่ได้เห็นได้รับรู้ทั้งทางสายตาและจิตใจมันทำให้เธอไม่สามารถยอมรับได้ในเวลาเพียงครู่เดียว
หลุยส์คิดไม่ถึงว่าญาธิดาจะตามมาด้วย เขาจึงขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจแล้วหันมองไปทางภวินท์ “วิน นี่แกจะทำอะไร?”
ภวินท์เหลือบมองญาธิดาซึ่งตอนนี้กำลังยืนตัวแข็งนิ่งอยู่กับที่ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งเขาก็หันไปพูดกับหลุยส์ด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “พวกเราออกไปก่อน ให้พวกเขาคุยกันเอง”
แม้ว่าหลุยส์จะแปลกใจมาก แต่เมื่อเห็นท่าทีของญาธิดา เขาก็พอจะเดาอะไรออกอยู่บ้าง จึงได้แต่ส่งสัญญาณมือให้ลูกน้องออกไปจากห้องทั้งหมด ก่อนจะเดินตามพวกเขาออกไป
หลังจากปิดประตูเขาก็จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ เหลือบมองไปทางภวินท์แล้วถามว่า “วินนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ภวินท์พูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ ว่า “ญาธิดากับเกล้าแก้วรู้จักกัน ฉันสงสัยว่าภูผากำลังหลอกใช้เธออยู่หรือเปล่า”
เพียงแค่ประโยคเดียว หลุยส์ก็เข้าใจทุกอย่างในทันที สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมา หลังจากนิ่งไปสักพัก เขาก็เดินเข้าไปเข็นรถเข็นพาภวินท์เข้าไปห้องข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาดูกันว่าเรื่องมันจะเป็นแบบที่แกคิดหรือเปล่า”
ห้องข้าง ๆ ดูสว่างและกว้างขวางมาก แถมยังมีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่อีกหนึ่งเครื่องซึ่งบนหน้าจอกำลังฉายภาพช่องกล้องวงจรปิดเล็ก ๆ เต็มไปหมด
และนี่เป็นห้องคุมกล้องวงจรปิดของวิลล่าแห่งนี้ มุมทุกมุมต่างอยู่ภายใต้กล้องวงจรปิดทั้งหมด ไม่มีมุมลับที่เล็ดลอดไปได้เลยทั้งด้านในและด้านนอก
ซึ่งก็รวมไปถึงห้องมืดห้องข้าง ๆ นี้ด้วย
หลุยส์เข็นพาภวินท์มาหยุดที่ด้านหน้าจอ ก่อนจะเลื่อนเม้าส์คลิกขยายภาพกล้องวงจรปิดจากห้องมืดด้านข้าง
ภายในห้องมืด ญาธิดาดูเหมือนกำลังพยายามสงบสติอารมณ์อยู่นาน ก่อนจะรวบรวมความกล้าเดินเข้าไป
พอเดินไปหยุดตรงหน้าเกล้าแก้วเธอก็ชะงักฝีเท้าหยุดเดิน และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า “ทำไมถึงเป็นเธอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...