ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 549

เรื่องที่คุณย่าตระกูลสถิรานนท์ถูกกลุ่มชายชุดดำลักพาตัวที่หน้าโรงพยาบาลถูกลือไปทั่วทั้งเมืองJ ราวกับกระแสลม

บนโลกออนไลน์ผู้คนกำลังแสดงความคิดเห็นกันอย่างแตกตื่น เหมือนทุกคนกำลังคาดเดากันว่าใครเป็นคนลักพาตัวคุณย่าตระกูลสถิรานนท์ไป แต่ก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัดเลยแม้แต่คำตอบเดียว

ช่วงที่ผ่านมานี้ เกิดเรื่องเลวร้ายกับตระกูลสถิรานนท์มากมาย ทีแรกหัวหน้าตระกูลก็หายตัวไร้ข่าวคราว ต่อมาลูกชายคนโตของตระกูลก็มาเสียชีวิต แล้วหลังจากนั้นไม่นานคุณย่าก็มาถูกคนลักพาตัวไปอีก เรื่องทุกอย่างมันแปลกผิดปกติ จนทำให้ผู้คนอดมองไปที่บุคคลเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในตระกูลสถิรานนท์อย่างคุณชายรองของตระกูล ผู้ซึ่งเป็นผู้ดูแลSTN Group อยู่ตอนนี้อย่างภูผาไม่ได้

ในขณะที่สื่อทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็กกำลังปิดกั้นห้อมล้อมSTN Groupเพื่อรอให้ภูผาออกมากล่าวปราศรัยอยู่นั้น เขากำลังนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องของประธานบริษัท

ครามรายงานสถานการณ์ล่าสุดให้เขาฟังว่า “คุณชาย ตอนนี้ข้างล่างนักข่าวยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?”

ภูผาเม้มปากเป็นเส้นตรงแล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ต้องทำอะไร ยิ่งเรื่องมันใหญ่โตเท่าไหร่มันก็จะยิ่งดีกับพวกเราเท่านั้น”

“แต่ตอนนี้มีสื่อบางสำนักฉวยโอกาสปล่อยข่าวลือป่วนกระแสบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลสถิรานนท์ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเรา บอกว่าคุณชายพยายามยึดอำนาจ...”

คำพูดที่เหลือต่อให้ครามไม่พูดออกมา ภูผาก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

“ไม่เป็นไร ฉันขอให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ซื้อพวกหน้าม้าในโซเชียลเอาไว้แล้ว ไม่นานก็คงสามารถเปลี่ยนกระแสความเห็นของผู้คนได้ แล้วคำคิดเห็นพวกนั้นก็จะหันมาเข้าข้างพวกเราในไม่ช้านี้แน่ ยังไงภวินท์ก็ต้องปรากฏตัว และถ้าสื่อรู้ว่าเขาลักพาตัวคุณย่าไป ภาพจำในการกลับมาอีกครั้งของเขามันก็จะดูเลวร้ายตั้งแต่ครั้งแรก และนี่คือสิ่งที่เราต้องการ”

เขาเม้มปากแน่น ชะงักไปครู่หนึ่ง “ถึงตอนนั้นพวกผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่มีทางช่วยเหลือเขาแน่ คำวิจารณ์บนโซเชียลก็ไม่มีทางเข้าข้างเขา เขาแค่ตัวคนเดียวไม่มีใครช่วยเหลือ แต่พวกเราได้นั่งอยู่บนยอดเขาโดยไม่มีผลกระทบอะไร”

ครามครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ขยับริมฝีปากพูดออกมาว่า “แต่ตอนนี้เกล้าแก้วยังอยู่ในมือของพวกเขา...”

พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของภูผาก็เปลี่ยนไป รอยยิ้มของเขาจางหายไปทันที ตามด้วยความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา พลอยทำให้แววตาที่ดูยิ้มแย้มอบอุ่นคู่นั้นดูดุดันขึ้นมาในทันที

เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ หลังจากชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เริ่มจะขยับตัวแล้วพูดเสียงนิ่ง ๆ ว่า “ฉันไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะทำลายทุกอย่างที่ฉันมีในตอนนี้เพื่อผู้หญิงแค่คนเดียวหรอกนะ”

เธอไม่ได้อยู่ในแผนการของเขาเลยตั้งแต่แรก แต่ว่าครั้งนี้มันเกิดเหตุการณ์ที่ม่คาดคิดจริง ๆ เขาคิดไม่ถึงว่าภวินท์จะลงมือกับเกล้าแก้วและพาตัวเธอไปด้วย แต่ว่าเขาไม่มีทางทำลายแผนการทุกอย่างของตัวเองในตอนนี้เพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวแน่นอน

เมื่อครามเห็นแบบนั้นเขาก็ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พูดออกมาเบา ๆ ว่า “คุณชายรู้ก็ดีแล้วครับ”

ทันใดนั้น วิดีโอหนึ่งก็ถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มสื่อ ซึ่งมันเป็นตัวก่อคลื่นยักษ์ที่ปั่นป่วนเมืองJ จนวุ่นวายสั่นสะเทือนไปทั่ว

ไม่มีใครคาดคิดว่าบนเวยป๋อของภวินท์ คุณชายใหญ่แห่งตระกูลสถิรานนท์ที่ได้ตายไปแล้วในความทรงจำของทุกคนจะมีการโพสต์คลิปวิดีโอลง และวิดีโอนี้เป็นวิดีโอที่ออกมาชี้แจงถึง “การฟื้นคืนชีพจากความตาย” ของตัวเขาเอง พร้อมอธิบายเหตุการณ์ที่เขาประสบพบเจอมาให้กับชาวเน็ตและสื่อต่าง ๆ ได้ฟัง

ในวิดีโอเขาบอกกับทุกคนว่า"การตาย" ของเขาเป็นอุบัติเหตุ เขาเข้าป่าแล้วประสบอุบัติเหตุ แล้วช่วงที่ผ่านมาก็รักษาตัวมาตลอด และได้ขาดการติดต่อจากโลกภายนอกไป และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาขอโทษทุกคนที่ใช้ทรัพยากรข้อมูลทางสังคมอย่างสิ้นเปลืองแบบนี้ และเขาสัญญาว่าจะกลับมาอยู่ในสายตาของทุกคนอย่างเป็นทางการหลังจากที่ร่างกายของเขาหายดีแล้ว สุดท้ายเขาได้พูดถึงเรื่องคุณย่าและอธิบายว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด เขาแค่ให้คนไปรับคุณย่าก็เท่านั้น แต่กลับถูกคนที่มีเจตนาไม่ดีกล่าวหาว่าเป็นการลักพาตัว

เขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนด้วยภาพลักษณ์ที่ดีและท่าทีสงบใจเย็นออกมาแก้ไขปัญหาความเข้าใจผิดด้วยตนเอง ซึ่งในขณะที่ช่วยปลุกกระแสคลื่นมากขึ้นก็ได้ช่วยชี้แจงความจริงของเรื่องราวทั้งหมดด้วย

เนื่องจากวิดีโอนี้มีข้อมูลจำนวนมาก ประกอบกับที่กำลังเป็นประเด็นร้อนที่สื่อกำลังให้ความสนใจและเป็นข้อถกเถียงบนโลกออนไลน์ ทำให้คลิปนี้ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ ของรายการยอดนิยมในทันที

สองวันแห่งความโกลาหลวุ่นวาย ความคิดเห็นของชาวเมืองวิจารณ์กันแทบจะพลิกฟ้าพลิกดิน แต่คนต้นเรื่องอย่างภวินท์กลับสุขกายสบายใจ เขาอยู่เป็นเพื่อนคุณย่าในบ้านสไตล์ตะวันตก สวดมนต์ไหว้พระ ชมนกชมไม้ ผ่อนคลายเป็นอิสระสุด ๆ

แต่คุณย่ากลับวางใจไม่ได้เลย หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน เธอพาญาธิดาไปเดินเตร่เล่นอยู่ในสวนดอกไม้ แต่คิ้วกลับยังขมวดพันกันแน่น

“คุณย่าคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”

“ย่าเป็นห่วงนะสิ อยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมย่ากลับไม่สบายใจเลย? แล้วเรื่องขาของภวินท์อีก คุณหมอไป ๆ มา ๆ ที่นี่สองวันแล้วแต่กลับไม่บอกอะไรไม่ได้สักที...”

เมื่อญาธิดาได้ฟังสิ่งที่คุณย่าพูด เธอก็ไม่สามารถพูดตอบคุณย่าได้เลย เธอได้แต่นั่งยอง ๆ ลงไปเขี่ยใบสะระแหน่เล่นโดยไม่พูดอะไร

สองวันมานี้เธอก็ไม่มีความสุขเลยเหมือนกัน ถึงแม้จะมีอาหารเครื่องดื่มพร้อม ทุกอย่างสะดวกสบาย แต่พอไม่ได้เห็นหน้าอีธานกับเอลล่าหลายวันติดต่อกัน อารมณ์ของเธอก็เริ่มจะห่อเหี่ยว

จู่ ๆ คุณย่าก็เดินเข้ามาจับมือของญาธิดาไว้แล้วพูดว่า “ธิดา เรื่องในครั้งนี้ต้องขอบคุณหนูมากนะ ย่าเห็นว่าช่วงนี้หนูกับวินก็ดูเข้ากันได้ดีทีเดียว หนูเคยคิดอยากจะแต่งงานกันอีกครั้งบ้างไหม? ไม่ว่ายังไง พ่อแท้ ๆ ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว”

ญาธิดาคิดไม่ถึงว่าคุณย่าจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมากะทันหันแบบนี้ ใบหน้าของเธอดูลำบากใจขึ้นมาเล็กน้อย “คุณย่าคะ ตอนนี้หนูมีครอบครัวแล้ว...”

“มีครอบครัว?” คุณย่าสีหน้าเคร่งขรึม “ทำไมย่าถึงรู้สึกเหมือนว่าหนูกำลังโกหกคนแก่อย่างฉันอยู่กันนะ นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้ว แต่สามีของเธอกลับไม่โทรมาหาเธอเลยสักสายเดียว ฉันว่าแม้แต่ข้อความก็คงไม่ส่งมาเลยด้วยใช่ไหม? ไม่ได้ใส่ใจหนูเลยสักนิด”

พอได้ยินแบบนั้น หัวใจของญาธิดาก็จมดิ่งลงไปในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์