หัวใจของญาธิดาเต้น “ตึกตัก” ขึ้น เกิดความรู้สึกผิดเล็กน้อย เธอหายใจเข้าลึกๆ รีบถือโทรศัพท์แล้วโทรหาคุณปภาวีอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอค่อนข้างยุ่งมาก และพักนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านต่อเนื่องกันหลายวัน ทิ้งลูกๆ ไว้ให้กับคุณปภาวีกับดร.ยติภัทรดูแล เธอจึงเกิดความรู้สึกผิดในใจมากเช่นกัน
ทั้งๆ ที่คุณปภาวีกับดร.ยติภัทรอายุก็มากแล้ว เดิมทีถึงเวลาที่ต้องเพลิดเพลินกับความสุขยามชราได้อย่างสบายใจแล้ว แต่พวกเขากลับต้องมาแบ่งเบาความกดดันในชีวิตของตัวเองอย่างไม่บ่นสักคำ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
ใจของเธอแปล๊บขึ้น ความรู้สึกผิดที่มีอยู่เดิม ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เธอกัดริมฝีปากเบาๆ ขณะที่กำลังไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร โทรศัพท์จากปลายสายถูกรับขึ้น
ใบหน้าของเธอผุดรอยยิ้ม และเรียกขึ้นเบาๆ “แม่!”
“เธอยังจำแม่คนนี้ได้อีกเหรอ” เสียงหยิ่งผยองของคุณปภาวีดังลอยขึ้นมา “ไม่มาให้เห็นหน้าหลายวัน ไม่ต้องเอาพ่อกับแม่แล้วมั้ง ลูกก็ไม่ต้องเอาแล้วมั้ง”
ฟังออกถึงน้ำเสียงที่เก็บกดจากปลายสาย ญาธิดามุมปากยิ้มขึ้น แล้วกล่าวเบาๆ “ไม่เอาได้ไงคะ หนูก็แค่ยุ่งเท่านั้น”
“ยุ่งเหรอ ลูกยุ่งอะไร” คุณปภาวีกล่าวฮึดฮัดเบาๆ “ถ้าลูกไม่อยากกลับมาจริงๆ แม่ก็จะไม่สนลูกๆ ของลูกแล้ว ปีกแข็งแล้วนี่”
ญาธิดายกมุมปากขึ้นอย่างจำใจ แล้วกล่าวเบาๆ “แม่คะ หนูมีธุระนิดหน่อยจริงๆ ไม่สามารถจากไปได้ ดังนั้น……”
เธอยังไม่ทันได้กล่าวจบ จู่ๆ ก็มีคนมาเคาะประตู ตามมาด้วยการผลักออก ผู้หญิงในชุดพยาบาลคนหนึ่งชำเลืองหน้ามาแล้วกล่าวว่า “พักผ่อนหรือยัง เดี๋ยวจะเปลี่ยนยาสะดวกไหมคะ”
เธอถามเช่นนี้ เสียงย่อมต้องแทรกเข้ามาในโทรศัพท์เป็นธรรมดา “ธิดา ลูกเป็นอะไร ได้รับบาดเจ็บเหรอ”
คุณปภาวีมีความกังวลอยู่ในน้ำเสียงเล็กน้อย
ญาธิดาหัวใจบีบแน่น แอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นกล่าว “ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่ทันระวังจึงล้มลง ถลอกนิดหน่อยค่ะ”
คุณปภาวีที่อยู่ปลายสาย รีบบ่นรัวๆ “เจ้าทึ่มเอ๊ย เป็นแม่คนแล้ว ได้รับบาดเจ็บบ่อยเหลือเกิน ลูกนี่จริงๆ เลย……”
หลังจากบ่นเสร็จแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง “บาดเจ็บเยอะไหม อยู่โรงพยาบาลไหน แม่จะแวะเข้าไปดู”
ญาธิดาผุดความรู้สึกอบอุ่นขึ้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วกล่าวช้าๆ “แม่ไม่ต้องเป็นห่วง อีกไม่กี่วันหนูก็จะกลับบ้านแล้วค่ะ”
หลังจากที่กล่อมอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็สามารถทำให้คุณปภาวีที่อยู่ปลายสาย เชื่อคำพูดของเธอ จากนั้นถึงได้วางสายลง
เธอจับโทรศัพท์ไว้ สูดลมหายใจเข้าลึก สักพัก ก็แอบถอนหายใจโล่งอก
ตอนนี้ สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือการทำให้พ่อแม่ที่อายุมากเป็นห่วง ยิ่งกลัวว่าสภาพร่างกายของดร.ยติภัทร เมื่อได้ยินสิ่งที่มากระทบกระเทือนหัวใจ เกรงว่าจะทำให้รับไม่ไหว
โชคดีที่ตอนนี้แผ่นหลังของเธอนั้นดีขึ้นมากแล้ว อดทนอีกหน่อย ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
เมื่อนึกถึงหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอก็จะสามารถเห็นหน้าลูกๆ สองคนทุกวัน ทันใดนั้นหัวใจก็พลันมีความสุข
สามวันหลังจากนั้น เธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล จากนั้นก็กลับไปที่แกรนด์ บูเลอวาร์ด
ฉับพลัน ในบ้านก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ราวกับทุกอย่างกลับไปสู่เมื่อก่อน และชีวิตก็ผ่อนคลาย ปราศจากแรงกดดันแม้แต่นิดเดียว
ส่วน STN Group ก็ยังคงครองพาดหัวข่าวมาตลอด เธอมองดูข่าวในโทรศัพท์แล้วในใจก็เกิดหน่วงๆ
ตอนนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีความหมายต่อภวินท์อย่างไร ตอนนั้นเธอรับปากเขาว่าจะอยู่เป็นแนวร่วมสู้กับเขา ตอนนี้เขาเผชิญกับลมพายุ ส่วนเธอกลับสุขสบายดี มีชีวิตที่อิสระ
พวกเขาราวกับอยู่โลกที่แตกต่างกัน โดยที่ไม่สามารถบรรจบกันได้
“ใช่ อย่างน้อยทำให้ผู้บริหารระดับสูงมาอยู่ในมือให้ได้ก่อน”
พยัคฆ์พยักหน้า จากนั้นคิดอะไรบางอย่างได้ จึงเอ่ยปากกล่าว “พี่ธิดาครับ ผมได้ยินมาว่าคุณภวินท์กับพี่สงสัยคนของเราไปส่งข่าวให้กับภูผา ดังนั้นพวกเขาถึงได้ตามมา พี่มีคนที่สงสัยไหมครับ”
ญาธิดาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง และก็พูดยาก สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกล่าว “ไม่มี ฉันเองก็แค่เดา”
“นี่ไม่ยากครับ พวกเราเข้าไปในเขารามครั้งนั้นมีทั้งหมดแปดเก้าคน ทำการตรวจสอบให้หมด น่าจะได้คำตอบครับ”
ญาธิดาพยักหน้า “ดี”
เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ๆ นึกอะไรขึ้นได้ มองพยัคฆ์แล้วกล่าว “พยัคฆ์ คุณรู้จักจิตรกรที่สามารถวาดภาพออกมาเสมือนจริงตามที่ฉันอธิบายไหม”
พยัคฆ์ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าว “สิ่งที่พี่พูดหมายถึงนักจิตรกรที่เชี่ยวชาญการสเกตใบหน้าของอาชญากรตามลักษณะใบหน้าที่พยานบรรยายออกมาเสมือนจริง"
ญาธิดาพยักหน้ารัวๆ “ใช่ คุณมีใครรู้จักไหม”
พยัคฆ์ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าว “ผมไม่รู้จักครับ แต่ว่าพี่เข้มอาจจะรู้จัก”
“เหรอ” ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก “ฉันอยากจะให้วาดใบหน้าของท่านธีระและเณรน้อยที่เคยเห็นหน้าคนนั้น เช่นนี้แล้วเมื่อตามหาจะได้ง่ายขึ้น”
เธอเจอธีระเพียงสองครั้งเท่านั้น หากงมเข็มในมหาสมุทรอในเมือง J ต่อไป เกรงว่าจะไม่มีผลลัพธ์ใดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อก่อนพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม ตอนนี้ถูกบังคับให้ไปในเขตเมือง ชีวิตไร้ที่พึ่ง เกรงว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด
เธอติดค้างพวกเขามามากพอแล้ว ตอนนี้ เธอแค่อยากหาตัวพวกเขาให้พบโดยเร็ว อธิบายเรื่องที่เข้าใจผิด และชดเชยให้กับพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...