ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 578

ในใจต่างผุดความคิดความเป็นน่าจะเป็นต่างๆ นานา ญาธิดาครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่กลับไม่เลือกสักวิธี เมื่อเห็นเต็มตาว่าเด็กไร้บ้านพวกนี้จะต้องมุ่งหน้าไปยังสถานที่อีกที่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าดีหรือร้ายกันแน่ จนเธอรู้สึกแย่ขึ้นมา

สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจ พลันช้อนสายตามองพยัคฆ์ และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันจะไปลองคุยกับภวินท์อีกครั้งดูนะ”

เมื่อเดินออกมาจากโรงงานปูนซีเมนต์แล้ว เธอมาอยู่ทางด้านหน้ารถเก๋ง พลันเคาะกระจกรถทางด้านหลังบานหนึ่ง กระจกรถจึงลดระดับลง

ภวินท์จ้องมองเธออย่างเฉยเมย โดยการจ้องมองเธอ ด้วยความรู้สึกเก็บอาการที่ไม่แสดงความหวั่นไหวออกมาสักนิด เพื่อรอให้เธอเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน

ญาธิดากำหมัดไว้แน่น จากนั้นก็พูดออกมาประโยคหนึ่ง “ช่วยคิดหาวิธีในการช่วยเหลือเด็กพวกนั้นได้มั้ยคะ?”

เมื่อภวินท์ได้ยิน แววตาก็ฉายความหม่นหมองออกมาเล็กน้อย พริบตาเดียว เขาก็ขยับริมฝีปาก เพื่อเอ่ยถาม “คุณว่า ควรจะช่วยยังไงดีครับ?”

ญาธิดาพูดอย่างเป็นทางการ “อันดับแรกคือพยายามช่วยหาพ่อแม่ของพวกกันก่อนอย่างสุดความสามารถ หากเป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติจริงๆ ถึงเวลานั้นก็ค่อยมาคิดถึงเรื่องจะส่งไปยังสถานสงเคราะห์เด็กก็ไม่สายนี่คะ”

ภวินท์ยกมุมปาก เพื่อเอ่ยถาม “ตอนนี้มีประมาณกี่คน?”

ญาธิดากัดริมฝีปาก “20กว่าคนค่ะ”

ภวินท์ถามด้วยสีหน้าไร้ความหวั่นไหว “คุณคิดหรือยัง การหาคนให้20คนนี้ ต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่?”

เขาพูดออกมาหนึ่งประโยคอย่างเรียบง่าย จนทำให้ญาธิดาสำลักจนพูดไม่ออกทันที

ภวินท์เพ่งมองใบหน้าที่ค่อยๆ ซีดลง พลันพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ผมไม่ได้ทำการกุศล การช่วยเหลือพวกเขาให้หลุดมาจากเงื้อมมือของคนเหล่านั้นแล้วแจ้งสถานการณ์นี้ให้กับสถานสงเคราะห์รับทราบ ก็ถือว่าพยายามอย่างเต็มที่มากแล้วครับ”

คำพูดของเขาพลันกระแทกหัวใจของญาธิดาทันที เธอราวกับปลาที่ใกล้จะตาย จึงอ้าปากพะงาบๆ ลำคอแห้งผากแต่กลับไร้เสียงเปล่งออกมา

เธอเองก็หมดคำพูด และก็ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องมีศีลธรรมจำต้องช่วยเหลือเด็กเหล่านี้จากการถูกลักพาตัวอยู่ตลอด แต่ว่า ในใจเธอ รู้สึกผิดหวังต่อภวินท์อยู่มากก็เท่านั้นเอง

จังหวะนี้เอง โทรศัพท์ของภวินท์ก็ดังขึ้น เขาสงบนิ่ง พลันถอนสายตากลับเอง เพื่อกวาดตามองหน้าจอโทรศัพท์ และกดรับสาย “ฮัลโหล”

จากนั้นไม่รู้ว่าใครพูดว่าอะไรบ้าง เขาย่นคิ้วแน่น พลันค่อยๆ คลายลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดอย่างเรียบเฉย “ตกลง พวกคุณพาเขากลับมาเถอะครับ”

เขาพูดจบ จากนั้นก็ตัดสายทิ้ง พลันหันมามองญาธิดา พร้อมทั้งพูดเสียงกระซิบ “หาตัวเณรศีลเจอแล้วนะ ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน อีกเดี๋ยวพี่เข้มก็จะพาตัวเขามา”

ญาธิดาฉายอาการยินดีปรีดาออกมาจากแววตาอย่างเต็มเปี่ยม ความรู้สึกก้อนหินขนาดมหึมาก้อนนั้นที่หนักอกที่มีอยู่เดิมมันหายวับไปกลับตา เธอพยักหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลันบ่นพึมพำออกมาจากปาก “ดีแล้วค่ะ...”

อย่างน้อย ก็ไม่ได้เกิดผลลัพธ์ในทางที่แย่ที่สุด

แต่ว่า...

เธอย่นคิ้วเข้าหากัน เมื่อฉุกคิดถึงเด็กๆ ในโรงงานปูนซีเมนต์ที่อยู่ด้านในอีก 20 กว่าคน เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างดี

เธอหันหน้าไปชะเง้อมองทางนั้น ซึ่งประจวบเหมาะกับเวลาที่เด็กหลายๆ คนหลบอยู่หลังประตูชะโงกศีรษะออกมา และคอยจ้องมองเธออยู่ไกลๆ ยังมีอีกสองคนที่ยิ้มให้เธอ พร้อมทั้งโบกมือให้เธออีกด้วย

หัวใจของญาธิดาอบอุ่นขึ้นมาทันที ไม่นานนักความคิดที่ต้องการจะช่วยเหลือพวกเขาก็ยิ่งหนักแน่นเพิ่มมากขึ้น เธอกำหมัดไว้แน่น พลันชำเลืองมองพยัคฆ์ที่อยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งพูดกระซิบกระซาบ “พยัคฆ์มีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะฝากฝังนายหน่อยค่ะ คืนนี้รบกวนนายด้วยนะ....”

หลังจากออกคำสั่งทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เธอถึงได้กลับขึ้นรถอีกครั้ง

ภวินท์ค่อยเพ่งมองเธออยู่ตั้งแต่แรกจนจบ แววตาเผยความสุขุมและไม่เข้าใจออกมา เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อยากจะช่วยเหลือพวกเขาจริงๆ เหรอครับ?”

ญาธิดาเก็บของในกระเป๋าของตนเอง โดยที่ไม่หันศีรษะไปมองพลางพูดขึ้นมา “ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินประโยคนี้มั้ยนะ จะช่วยคนก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด จะทำเรื่องดีๆ ก็ต้องทำให้สุดความสามารถค่ะ”

เมื่อพูดประโยคนี้จบแล้ว เธอจึงไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรมากอีกเลย

ไม่นานนัก รถยนต์ก็เดินทางมาถึงที่หมาย ญาธิดาหันหน้าไปชำเลืองมองเณรศีลที่กำลังหลับสนิท พลันเขย่าตัวเขาเล็กน้อย “ศีลถึงแล้ว ลงจากรถได้แล้วนะ”

เณรศีลเหลือบมองเธอด้วยความง่วงงุน จากนั้นก็คว้ามือของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังทิ้งตัวแนบชิดกับเธอทันที

ญาธิดาหัวเราะอย่างหมดคำพูด พลันผลักบานประตูออก เพื่อจูงเขาให้เดินไปด้านใน พลันพูดขณะที่เดินอยู่ด้วย “ฉันจะพาหนูไปส่งที่ห้องนะ อีกเดี๋ยวหนูก็นอนหลับให้สบายได้เลยนะคะ”

คนรับใช้พาเธอมุ่งหน้ามายังห้องนอนเล็ก แต่เมื่อถึงห้องนอนแล้ว เณรศีลกลับไม่ยินยอมปล่อยมือออก และดึงเธอพร้อมทั้งแสดงอาการงอแง

เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ ผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนั้น ตั้งแต่เรื่องสถานปฏิบัติธรรมจนมาถึงเรื่องที่โรงงานปูนซีเมนต์ ร่างกายเหนื่อยล้าเต็มทน ความหวาดกลัว หลังจากได้สัมผัสความอบอุ่นแล้ว จึงอยากจะคว้าเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือไป

ตัวญาธิดาเองอดใจทิ้งเขาไปไม่ได้ อีกเรื่องก็ยังคำนึงถึงเวลาที่ต้องกลับบ้าน ตอนที่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีนั้น บริเวณประตูพลันมีเสียงสุขุมทุ้มต่ำของชายหนังดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”

ญาธิดาหันหน้าไป จึงเห็นภวินท์กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น และจ้องมองพวกเขามาทางนี้จากตรงประตู

เธอชำเลืองมองเณรศีลที่ตัวติดหนึบอยู่ข้างตัว พลันสูดหายใจลึกๆ “อาจเป็นเพราะว่าเพิ่งจะมาถึงสิ่งแวดล้อมแปลกใหม่ เขาก็เลยหวาดกลัวนิดหน่อยค่ะ...”

เมื่อสิ้นเสียงของเธอ เณรศีลโอบเหนี่ยวต้นคอของเธอไว้ พลันกระซิบพูด “อย่าไปนะครับ อย่าไป...”

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางเช่นนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าเธออยากจะกลับออกไป เกรงว่าก็กลับไม่ได้เสียแล้ว

นัยน์ตาภวินท์ฉายรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย พลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เอางี้คืนนี้ก็นอนที่นี่แหละ ยังไงที่นี่มีหลายเตียง”

ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย พลันเอาคำพูดมาคิดจนเลยเถิดเป็นอีกความหมายหนึ่งแทน แก้มเธอร้อนผ่าว ใบหน้าฉายความไม่เป็นธรรมชาติออกมา “ฉันกลับบ้านดีกว่า”

เธอพูด พร้อมทั้งตัดสินใจเด็ดขาด พลันกัดฟันดึงมือของตนเองให้หลุดจากมือของเณรศีลทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์