มือภวินท์ที่ถือบัตรเชิญอยู่นั้นชะงักเล็กน้อย “ไปสิ”
เมื่อเห็นท่วงท่าอ้ำ ๆ อึ้งๆ ของเขาแล้ว ญาธิดาราวกับเข้าใจทันที ถ้าเขาต้องไปร่วมงาน ซึ่งไม่สามารถเข้างานพร้อมกับเธอได้ เนื่องจากความสัมพันธ์ของพวกเขา ตอนนี้ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
เธอฉีกยิ้มให้ แสร้งทำทีรับบัตรเชิญที่เขายื่นมาให้แบบไม่แยแส พลางพูดอย่างแผ่วเบา “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เธอก้มหน้าก้มตาและเหลือบมองบัตรเชิญ จากนั้นก็เงยหน้ายิ้มให้เขา “ฉันจะไปนะ ถึงเวลานั้นจะไม่สร้างความวุ่นวายให้คุณแน่นอน”
พูดจบ เธอก้าวเท้ายาวๆ เดินขึ้นชั้นสองทันที
ภวินท์จ้องมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่แสร้งทำทีดูผ่อนคลาย จนเขาขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัวอยู่เล็กน้อย จนอารมณ์รู้สึกแปลกพิกล
รอจนตัวเธอหายวับไปตรงมุมห้องชั้นสองนั้น ภวินท์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และจัดการส่งข้อความให้พายุทันที
“พรุ่งนี้ไปร้าน pw สั่งตัดชุดราตรีของผู้หญิงให้หนึ่งชุด ตัดตามสัดส่วนของญาธิดานะ”
สำหรับการปฏิบัติต่อญาธิดาแล้ว สามีเช่นเขากลับไร้ความสามารถ งั้นเขาก็ต้องชดใช้ทางอื่นๆ ให้อย่างสุดความสามารถ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาถึงวันเสาร์แล้ว ญาธิดานอนหลับจนตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกตัวว่าด้านข้างไม่มีคนนอนอยู่ด้วยแล้ว เธอล้างหน้าล้างตา และรีบลงไปยังชั้นล่างอย่างรีบร้อน
“ป้าจันทร์คะ ภวินท์ล่ะคะ?”
เธอมองสำรวจรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้เงาของชายหนุ่ม
ป้าจันทร์เช็ดโต๊ะและตอบคำถามไปด้วย “คุณชายออกจากบ้านไปตั้งแต่ไก่โห่แล้วค่ะ เห็นพูดว่ามีนัดคนตอนเช้า"
“อ้อ”
ญาธิดาตอบกลับด้วยอาการผิดหวังอยู่บ้าง
งานนิทรรศการเครื่องประดับเริ่มงานในช่วงบ่าย เดิมเธอยังคิดว่าสุดท้ายแล้วภวินท์จะพาเธอไปออกงานพร้อมกัน แม้ว่าตอนเดินเข้างานจะแยกกันก็ได้ ไม่คิดเลยว่าเขาออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว
ป้าจันทร์เห็นท่าทางเช่นนั้นของเธอ จึงรีบถามทันควัน “คุณนาย วันนี้คุณต้องไปร่วมงานนิทรรศการอะไรสักอย่างใช่มั้ยคะ?”
ญาธิดาพูดอย่างหวานอมขมกลืน “ งานนิทรรศการเครื่องประดับค่ะ”
“งั้นรีบกินข้าวเช้าเร็วเถอะค่ะ พวกเราต้องรีบเตรียมตัวเอาไว้เนิ่น ๆ”
เมื่อเห็นป้าจันทร์ความคิดเตลิดเลยเถิดไปไกล ญาธิดาได้แต่ยิ้มให้ “งานเริ่มตอนบ่ายนู่นค่ะ”
อีกอย่างเธอไม่มีเสื้อผ้าอันเหมาะสมที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงนิทรรศการ และไม่ได้เตรียมตัวอะไรไว้สักอย่างเลย
พอถูกป้าจันทร์เกลี้ยกล่อมเข้า ความรู้สึกของญาธิดาถึงได้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง พลันลุกขึ้นมากินอาหารเช้าทันที
เวลาเพิ่งจะถึงตอนกลางวัน พายุก็กลับมา และใช้มือทั้งสองข้างอุ้มกล่องลักษณะแบนขนาดใหญ่
กล่องขนาดใหญ่นั้นเมื่อเอามาตั้งตรงราวกับบังท่อนบนของร่างกายของเขาจนมิดไปหมด เห็นแค่ขาทั้งสองข้างเท่านั้นเอง
ญาธิดากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา พลางมองเขาเดินเข้ามาเช่นนี้ พลางตกใจขวัญอ่อนทันที “นี่คุณกำลัง...”
ลูกเล่นใหม่ๆ เหรอเนี่ย?
พายุเอากล่องวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ยิ้มให้ญาธิดาเล็กน้อย “คุณนาย นี่เป็นชุดราตรีที่ประธานภวินท์จัดเตรียมเอาไว้ให้คุณครับ”
ญาธิดาตกใจจนไม่ได้สติ “ชุดราตรีเหรอคะ?”
พายุพยักหน้า “ใช่ครับ สองวันก่อนเขาสั่งให้ผมไปสั่งตัดเอาไว้ให้แล้ว เขาเป็นคนเลือกแบบด้วยตัวเอง”
ญาธิดาลุกขึ้นทันควัน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดก้นบึ้งหัวใจเริ่มตื่นเต้นอยู่บ้าง เธอเดินมาหยุดหน้าโต๊ะ และค่อยๆ เปิดกล่องออก
เป็นชุดราตรีเกาะอกสีทองอร่ามตีเกล็ดเข้ารูปจนสะดุดตา ซึ่งเห็นตำตาว่าบริเวณที่กระทบนั้นต่างเปล่งประกายเป็นสีทองระยะระยับ สวยจนไม่มีสิ่งใดพรรณนาเทียบเคียงได้
ญาธิดาตะลึงอยู่นาน ราวกับกำลังฝันอยู่ เธอมองมาทางพายุ และย้ำถามอีกครั้ง “ชุดนี้ให้ฉันเหรอ?”
พายุพยักหน้า
หลังจากแน่ชัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หัวใจของญาธิดาก็เต้นจนใกล้จะทะลุจากแผงอกอยู่แล้ว
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยใส่กระโปรงที่สวยขนาดนี้เลย!
“ครับ...”
ผู้จัดการที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพยักหน้า และเริ่มพูดอธิบายอย่างละเอียด
หลังจากเผชิญหน้ากันมาสักระยะ ภวินท์เริ่มปวดหัวอยู่บ้าง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นพลางเลื่อนเปิดตามนิสัย จึงมองเห็นพายุส่งข้อความมาหา และกดเปิดดูทันที
ซึ่งเป็นรูปหนึ่งใบ เขาจึงกดขยายดู
ในรูปภาพใบนั้น เป็นรูปของญาธิดาที่ใส่เดรสผ้าไหมสีทองกระโปรงบานพลิ้ว ช่วงเอวบางคอดกิ่ว เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น และแสดงความเขินอายออกมา
ภวินท์หยุดหายใจชั่วครู่ เขาแค่รู้สึกว่ากองไฟในร่างกายถูกจุดขึ้นมาทันที
เขาค่อยๆ หรี่ตาลงเล็กน้อย พลางจับจ้องรูปภาพ ฝ่ามือที่จับโทรศัพท์อยู่นั้นเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา
เขาไม่เคยคิดเลยว่า ญาธิดาจะสวยสะดุดตาขนาดนี้เพียงเวลาชั่วพริบตาเดียว สวยจนเขาไม่สามารถละสายตาได้เลยทีเดียว
“คุณภวินท์ครับ เนื้อหาโดยประมาณนี้ครับ พอจะเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ?”
เสียงของผู้จัดการที่อยู่ด้านข้างดังเข้าหู ภวินท์กถึงได้ดึงสติลับมา
เขาพลิกโทรศัพท์กลับด้าน และวางหน้าจอทาบลงบนโต๊ะ และยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ จากนั้นก็ตอบกลับ “อืม ผมพอเข้าใจโดยประมาณแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมทำสัญญาได้เลย”
ผู้จัดการของอีกฝ่ายได้ยินเขาพูดออกมาเช่นนี้ พลางถอนหายใจโล่งอก และหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแสดงความเคารพแก่เขา
เขาโบกมือไปมา พลางตอบปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม “ช่วงบ่ายยังมีงานอีกงานต่อ ดื่มมากไม่ได้ครับ”
ผู้จัดการยิ้มให้ และไม่ได้ยื้อรั้งเอาไว้
แม้ว่าภวินท์ไม่ได้ดื่มมากนัก ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ความแสบร้อนในกระเพาะอาหารมันกำลังร้อนรุ่มขึ้นมา ในหัวสมองมีแต่รอยยิ้มเช่นนั้นของญาธิดาแถมสะบัดไม่ออกสักที และยิ่งแผ่ขยายใหญ่ขึ้น ทีละนิด...
พลางคว้าแก้วน้ำมาหนึ่งแก้วและกระดกดื่มไปเกินครึ่งแก้ว จึงยับยั้งความร้อนเร่าภายในร่างกายลงได้เยอะ ตอนที่เขาเหลือบมองเวลานั้น และพักผ่อนเล็กน้อย เขาก็ควรจะต้องเตรียมตัวสักเล็กน้อยสำหรับงานต่อไป
ซึ่งไม่รู้ว่าถึงเวลานั้นถ้าเกิดพบเจอกับญาธิดาในงานนั้น เธอจะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้เขาได้หรือไม่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...