วินาทีต่อมา เธอถูกดึงอย่างแรง จนร่างกายของเธอเข้าไปในอ้อมกอดของภวินท์
ทั้งสองชนกัน เพราะภวินท์ใช้แรงมากเกินไป ทำให้ญาธิดาเกือบจะซบอยู่บนหน้าอกของเขาเลย ระยะห่างระหว่างทั้งสองจึงแคบลง บรรยากาศที่น่าอึดอัดจึงเพิ่มขึ้นในทันที
ญาธิดาเอนหลังถอยออกมา แล้วสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า หัวใจของเธอก็เต้นระรัว เธอจึงรีบผละออกจากเขา ในขณะเดียวกัน เธอรู้สึกบริเวณเอวถูกรัดแน่น ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ห่างกัน แต่ยังใกล้ชิดกันมากขึ้น ชิดกันจนไม่มีช่องว่างเหลืออยู่เลย แม้แต่รูเข็มก็ไม่มี
ทันใดนั้นเอง บรรยากาศขอบตัวก็ยิ่งคลุมเครือมากขึ้น ใบหน้าของญาธิดาแดงก่ำ เธอหายใจแรง “ปล่อยนะ”
“วันนี้ผมไม่กินข้าวแล้ว” ภวินท์สบตาเธอ “แต่กินคุณแทน”
สองคำสุดท้ายเขาพูดเน้นขึ้นมา และก่อนที่ญาธิดาจะต่อต้าน เขาก็ยืนขึ้นพร้อมกับอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน แล้วพาเธอเดินตรงไป ก่อนจะวางเธอลงบนตู้ที่สูงประมาณหนึ่งเมตร
ญาธิดาตกใจ เธอนั่งอยู่บนตู้ ขาของเธอแตะไม่ถึงพื้นเลย เธอจึงทำได้เพียงกอดเขาไว้แน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองล้มลงไป เธอกลัวเล็กน้อย “คุณ... จะทำอะไร?”
ภวินท์ยกยิ้มกริ่ม ริมฝีปากที่มีลมหายใจร้อนผ่าวปัดผ่านแก้มของเธอไป และวินาทีต่อมา เขาก็กัดไปที่ติ่งหูของเธอ
ร่างกายของญาธิดาสั่นสะท้าน และชาไปทั้งตัว เธอกอดเขาแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ภวินท์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะสัมผัสไปที่จุดอ่อนไหวของเธอ ให้เธอเข้าสู่สภาวะความต้องการก่อน...
ลมหายใจของญาธิดาเริ่มรุนแรงขึ้น เธอกัดฟันแน่น ประสาทสัมผัสของเธอก็ค่อนข้างอ่อนไหว ทุกครั้งที่ถูกกระตุ้นก็จะรู้สึกรุนแรงมากขึ้น
และแน่นอน ว่าทุกครั้งที่เธออยู่กับเขา เธอก็จะหมดแรง และต่อต้านไม่ได้เลย
จากนั้น ลมหายใจของทั้งสองก็ผสานเข้าหากัน เสียงขอตู้ขยับเป็นทำนองสม่ำเสมอ จนเสียงในห้องจึงผสมปนเปไปด้วยเสียงครางหวานอย่างมีความสุข...
หลังจากสุขสมทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ญาธิดาก็สังเกตได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีปัญหาในใจ
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว เธอก็กล่อมให้อีธานกับเอลล่านอนหลับ ก่อนจะเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น ถึงพบว่าภวินท์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา โดยมีขวดวิสกี้วางอยู่บนโต๊ะ
เขาหมุนวนแก้วในมือเบาๆ แววตาของเขาทั้งเย็นชาและยากจะคาดเดา ทำให้ไม่สามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ญาธิดานั่งเงียบอยู่ข้างๆ เขา โดยที่เขาไม่รู้ตัว พอเห็นขวดวิสกี้แบรนด์ต่างประเทศถูกดื่มจนเกือบจะหมดขวด เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมา และเอื้อมมือไปแย่งขวดวิสกี้มาจับไว้
ภวินท์ถึงได้รู้สึกตัว และเงยหน้าขึ้นมองเธอ
ญาธิดามองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ห้ามดื่มแล้วค่ะ”
มีรอยยิ้มรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของภวินท์ “คุณเป็นห่วงผมเหรอ”
พอมองไปที่สีหน้าของเขา ริมฝีปากของญาธิดาก็กระตุก “ฉันกลัวว่าอีธานกับเอลล่าจะเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดีของคุณต่างหากล่ะ! คุณภวินท์ คุณนี่หลงตัวเองจริงๆ!”
ไม่ว่าจะพูดอะไร เขาก็สามารถเชื่อมโยงกับเขาได้ทุกอย่าง
ภวินท์กระตุกยิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่พูดอะไร
ถ้าเธอพูดแบบนี้เมื่อสองวันก่อน ภวินท์จะต้องเถียงกับเธออย่างแน่นอน แต่ตอนนี้...
ญาธิดาเหลือบมองมาที่เขา และไม่รู้ว่าควรจะพูดดีไหม พอเห็นเธอมีท่าทางลังเล ภวินท์ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถอะ”
“คือว่า...” ญาธิดาเขินอายเล็กน้อย ที่ถูกเขามองออก เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วรวบรวมความกล้าแล้วถามออกมา “ตอนนี้คุณลุงเป็นยังไงบ้างคะ?”
ภวินท์ตอบไม่ใส่ใจ “ช่วงบ่ายทำการตรวจไปแล้ว แต่ผลยังไม่ออกมาครับ”
ญาธิดาพยักหน้าให้ หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เธอคิดว่าเธอควรจะปลอบเขาบ้าง “อืม ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกค่ะ”
พอพูดไปอย่างนั้น เธอก็ลุกขึ้นเตรียมจะจากไป แต่ในเวลานั้นเอง ภวินท์ก็เรียกเธอไว้ “รอเดี๋ยวก่อน”
“หือ? มีอะไรคะ?”
สมองของภวินท์ว่างเปล่า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตอนที่เขาได้เจอกับปกรณ์ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายมีอาการแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก แต่เขาไม่รู้ว่ามันแตกต่างที่ตรงไหน
แต่ทำไมภูผาถึงบอกปกรณ์ว่าเขาเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร แต่ปกปิดเรื่องที่ว่าเขาเป็นโรคอัลไซเมอร์? เขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
ปริศนาทั้งหมดนี้ดูยุ่งวุ่นวายไปหมด ทำให้เขาไม่เข้าใจ ไม่ชัดเจน แต่ไม่ว่ายังไง ขอแค่ตอนนี้สามารถพาปกรณ์กลับมาได้ และมั่นใจในความปลอดภัยของเขา แค่นี้ก็พอแล้ว
หลุยส์ร่วมกับตำรวจ ซ่อนตัวอยู่รอบโรงงานเก่า ตอนที่สิงโตพาคนกลับมาที่รังกบดาน เขาก็ถูกจับตัวและยึดสินค้าได้ในคราวเดียว
สิงโตโจรร้ายที่โหดเหี้ยม ในที่สุดก็ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของความยุติธรรม
ในเวลาเดียวกัน ภูผาที่กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานในห้องประชุมและกำลังตั้งใจฟังพนักงานรายงานสถานการณ์ด้วยสีหน้าจริงจัง ทันใดนั้นเอง ประตูห้องประชุมก็ถูกผลักเปิดออก และครามลูกน้องคนสนิทของเขาก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารีบเดินไปด้านข้างภูผา แล้วโน้มตัวลงไปกระซิบพูดอะไรบางอย่างข้างหูเขา
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของภูผาก็เปลี่ยนไปกะทันหัน เขากระแทกปากกาที่เขากำลังเล่นอยู่ในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ “นายพูดว่าอะไรนะ!”
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เชื่อว่าสิงโตจะถูกพวกไร้ความสามารถพวกนั้นจับตัวไปได้!
เขากัดฟันกรอด และลุกเดินออกไป ครามรีบเดินตามพร้อมกับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พ่อของฉันล่ะ ถูกตำรวจพาไปแล้วหรือเปล่า”
ครามส่ายหน้า “ในที่เกิดเหตุ ผมหาไม่เจอครับ ผมสงสัยว่าจะถูกพาตัวไปก่อนก่อนเหตุแล้ว”
พาตัวไปก่อนแล้ว?
ภูผาบ่นพึมพำซ้ำๆ ดวงตาของเขาเคร่งขรึมไปทันที
นอกจากภวินท์แล้ว คงไม่มีใครที่สามารถทำแบบนี้ได้แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...