ญาธิดาถามอย่างไม่รีบร้อน “นายจับตาดูอยู่ตลอดไม่ใช่หรือไง?”
ภูผาหัวเราะแล้วถามขึ้นอีกว่า “รหัสผ่านคอมพิวเตอร์คืออะไร”
พอได้ยินแบบนั้นญาธิดาก็โกรธจัดขึ้นมาทันที “ดูเหมือนว่าตอนแรกนายจะไม่ได้บอกให้ฉันเอารหัสผ่านให้หนิ? ฉันทำตามที่นายบอกแล้ว นายจะเอายังไงอีก? อีกอย่างนายก็ดูกล้องวงจรปิดอยู่ตลอด และก็น่าจะรู้ดีว่าเขาไม่ได้บอกรหัสผ่านกับฉัน”
ญาธิดาพูดอย่างมีเหตุผล เธอพูดตามความจริงทุกอย่าง ทางด้านภูผาเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไร แต่กลับพูดเบา ๆ ว่า “จะรีบร้อนไปไหน ฉันก็แค่ถามว่าเธอบังเอิญเห็นมันบ้างไหม”
ทางด้านญาธิดากำโทรศัพท์เอาไว้แน่น
อันที่จริงเธอเห็นรหัสผ่านที่ภวินท์ใส่เข้าไปและจดเอาไว้แล้ว แต่เธอกลับตอบกลับไปอย่างใจเย็นว่า “ไม่ ถ้านายสงสัยในตัวฉัน ก็ไม่ควรจะให้ฉันเป็นคนทำเรื่องนี้ตั้งแต่แรก”
ทางด้านภูผาพอได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ที่ญาธิดาเข้าใจความหมายของเขา
เขายังสงสัยในตัวเธออยู่เล็กน้อย แต่พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ ความสงสัยทุกอย่างก็จางหายไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พูดออกมาเบา ๆ ว่า “อย่าให้ฉันจับได้ว่าเธอคิดจะเล่นแง่อะไรอยู่ ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
แม้ว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่มันก็ทำให้ญาธิดาฉลาดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ เธอชะงักนิ่งไปและถามออกมาตรง ๆ ว่า “พ่อแม่ฉันล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วง พวกเขาสบายดี”
ญาธิดาขมวดคิ้ว “นายบอกว่าถ้าฉันทำสำเร็จนายจะปล่อยพวกเขาไปไม่ใช่เหรอ?”
“ตอนนี้พวกเขาออกจากเนเธอร์แลนด์ไปยังฝรั่งเศสตอนใต้ กำลังเที่ยวสนุกเลย ทำไมเธอต้องทำให้หมดสนุกด้วยล่ะ?” ภูผาพูดเสียงนิ่ง ๆ ว่า “ไม่ต้องห่วง เรื่องที่รับปากไว้ฉันรักษาสัญญาแน่”
พอได้ยินแบบนั้น ญาธิดาก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโกรธเคือง “ภูผา นายทำแบบนี้สนุกนักหรือไง?”
ตอนนี้ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีอยู่ไกลถึงยุโรป เธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพวกเขาปลอดภัยดี ภูผาส่งคนไปตามพวกเขา คงไม่ยอมถอยง่าย ๆ แน่
ดังนั้นเท่ากับว่าเรื่องในครั้งนี้เธอถูกหลอกเข้าแล้ว ทีแรกเธอคิดอยากจะติดต่อหาพ่อแม่ให้พวกเขาซื้อตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรื่องทุกอย่างจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอ
ดูเหมือนว่าทางภูผายังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทางด้านญาธิดากลับโกรธจนกัดฟันแน่น หน้าของเธอแดงก่ำก่อนจะพูดกับปลายสายอย่างโกรธ ๆ “คนโกหก!”
ภูผาหัวเราะด้วยเสียงหัวเราะที่น่ากลัวมาก “ฉันไม่ได้โกหกเธอนะ ก็แค่ช้ากว่าที่เธอคิดเอาไว้นิดหน่อยก็เท่านั้นเอง เธออย่าคิดเล่นแง่เด็ดขาด ไม่อย่างงั้นลูกน้องของฉันอาจจะทำอะไรบางอย่างลงไป ฉันไม่รับประกันนะ”
ญาธิดากัดฟันแน่น เธอวางโทรศัพท์ด้วยความโกรธและยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะค่อย ๆ สงบลง
ไม่นานรถคันหนึ่งก็ขับมาจอดตรงหน้าเธอ ภวินท์สั่งให้คนขับรถพาเธอไปส่งที่บ้าน ญาธิดาสีหน้ามืดมน เธอก้าวเท้าขึ้นรถแล้วปิดประตูทันที
รถค่อย ๆ เคลื่อนออกไปอย่างช้า ๆ ความเย็นชาและความโกรธบนใบหน้าของเธอค่อย ๆ จางหายไป กลับไปเป็นสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม
ตอนนี้เธอเริ่มเข้าใจพวกนักแสดงแล้ว การแสดงก็เป็นทักษะอย่างหนึ่ง ตอนนี้ใบหน้าของเธอแข็งทื่อไปหมด
เมื่อกลับถึงคอนโด อารมณ์ของเธอก็ค่อย ๆ สงบลง พอผลักประตูเปิดออกก็ได้ยินเสียงความโกลาหลวุ่นวายดังมาจากด้านใน
ห้องนั่งเล่นรกไปหมด พยัคฆ์กำลังถูกอีธานเอลล่าวิ่งไล่จับ ตามแก้ม หน้าผาก หรือแม้แต่แขนถูกวาดด้วยลวดลายต่าง ๆ นานา
ทีแรกญาธิดานึกว่าตัวเองเข้าผิดบ้าน จำคนผิดไปแล้วซะอีก!
เมื่อเธอเหลือบมองปากกาสีต่าง ๆ ในมือของอีธานเอลล่า เธอถึงเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างทำเอาเธอทำอะไรไม่ถูกเลย
กลุ่มบริษัทใหญ่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น อัตราการจ้างงานสร้างอาชีพเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ GDPเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน และจะพัฒนาเมืองยังไง กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ ในขณะเดียวกันสังคมก็มีข้อกำหนดกฎระเบียบต่อกลุ่มวิสาหกิจเพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเงื่อนไขให้เปิดกว้าง โปร่งใส และปฏิเสธการทุจริตทุกรูปแบบ
เดิมทีมันเป็นเรื่องที่ดี แต่คนบางคนกลับต้องการใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
เป็นเวลาสามวันติดต่อกัน มีกลุ่มคนไม่น้อยกว่าห้ากลุ่มไปที่ STN Group เพื่อทำการตรวจสอบและสำรวจสถานการณ์ ซึ่งมันหมายความว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ต่างกำลังคาดคะเนเรื่องนี้
ภวินท์ต้องยุ่งกับกิจการของบริษัท และในขณะเดียวกันก็ต้องให้ความร่วมมือกับงานของเบื้องบนด้วยเช่นกัน เขายุ่งหน้ายุ่งหลังจนแทบไม่มีเวลาได้กลับไปเลย
ญาธิดาติดตามข่าวอยู่ที่บ้านทุกวัน บวกกับเวลาที่พยัคฆ์มาส่งของให้เป็นครั้งคราวก็จะมีข้อความมาบอกเธอด้วย เธอรู้ว่าสถานการณ์ในช่วงนี้ไม่สู้ดีนัก แม้ว่าเมื่อสามวันก่อนเธอจะอ้างว่าจะไม่ส่งอาหารให้เขาอีกแล้ว แต่พอถึงตอนเที่ยงของวันต่อมาเธอก็ยังไปส่งอาหารให้เขาตรงตามเวลา
เธอคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นแค่คลื่นอุปสรรคที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่กลับไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วมันมีคลื่นใต้น้ำที่กำลังก่อตัวขึ้นอยู่
เพิ่งจะผ่านเที่ยงตรงไปหมาด ๆ ญาธิดาแพ็กกล่องอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย หลังจากกำชับพยัคฆ์ไว้สองสามคำเธอก็เดินออกไป
ช่วงนี้ทุกวันที่เธอออกไปส่งอาหาร เป็นพยัคฆ์ที่เป็นคนคอยดูแลอีธานเอลล่า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ถูกรังแกอยู่เสมอ แต่เขาก็มีความสุขเวลาได้เล่นกับอีธานเอลล่า
มีพยัคฆ์อยู่ที่บ้านด้วยแบบนี้เธอสบายใจ
เธอเข้าไปนั่งในรถ รถเพิ่งจะขับออกไปไม่นานโทรศัพท์ของเธอก็สั่นติดต่อกันสองครั้ง เธอได้รับข้อความใหม่
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองไปที่หน้าจอ เพียงแค่เหลือบไปเห็นร่างกายของเธอก็แข็งทื่อไปหมดแล้ว
มันเป็นข้อความจากภูผา เนื้อหาข้อความเขียนเอาไว้ว่า “ผ่านวันนี้ไป ฉันจะปล่อยพ่อแม่ของเธอกลับประเทศ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...