ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 687

เมื่อภวินท์ได้ยินคำพูดแซวๆของเธอ สีหน้าก็พลันเรียบตึง อาศัยแสงไฟเหลือบมองจึงเห็นว่าดวงตาของเธอกำลังเป็นประกายระยิบระยับ ดวงตาของเขาจึงปรากฏแววอ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว

เสียงของเขายังคงเย็นชาเหมือนเคย เขาเก๊กเสียงเข้มแล้วพูดว่า “คุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?”

ญาธิดาแอบแขวะเขาในใจ จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกับเขา ก่อนจะเดินจากไปภวินท์ก็ลงมือลงกลอนประตูจนแน่นสนิท เมื่อเห็นสายตาสงสัยของเธอ เขาจึงเอ่ยอธิบายว่า “ต่อไปนี้ห้องนี้คงไม่ได้ใช้แล้ว”

ญาธิดายังไม่ทันได้เข้าใจความหมายของเขา เขาก็หันกายเดินไปเปิดประตูห้องนอน

ห้องนอนใหญ่ถูกตกแต่งใหม่ทั้งหมด ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเย็นๆ

ตำแหน่งตู้เสื้อผ้าถูกปรับย้าย โดยเจาะเชื่อมกับห้องข้างๆกลายเป็นห้องเสื้อผ้า ข้างในนั้นมีเสื้อผ้าแบบใหม่ล่าสุดอยู่เต็ม แต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นไซส์ของญาธิดาทั้งนั้น

การตกแต่งห้องเปลี่ยนจากโทนสีเย็นเป็นโทนสีอบอุ่น บริเวณกลางห้องมีเตียงขนาดKingSizeที่ดูแล้วคงจะนุ่มสบายเป็นไหนๆวางอยู่อย่างสะดุดตา

“ที่นี่ต่างหากคือห้องของคุณ”

ญาธิดาทอดสายตามองเตียงหลังใหญ่ ในหัวอดนึกถึงเรื่องไม่ดีอย่างว่าขึ้นมาเป็นฉากๆ จนใบหน้าแดงแปร๊ดลามไปถึงหู

เธอกลัวว่าภวินท์จะมองออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ และกลัวว่าภวินท์จะคิดเหมือนกับเธอ พร้อมทำให้ฉากที่เธอกำลังจินตนาการถึงเป็นจริงขึ้นมา เธอจึงรีบเดินออกไปจากห้องอย่างรกๆลนๆ

เดินไปอีกหน่อยคือห้องนอนของอีธานกับเอลล่าที่ภวินท์เตรียมไว้

ห้องหนึ่งเป็นโทนสีชมพูแสนหวาน ส่วนอีกห้องเป็นโทนสีเทาอ่อนสดใส ซึ่งตรงกับความชอบของเด็กทั้งสองคนพอดี แม้แต่ของตกแต่งก็ยังเลือกจากของที่เด็กๆชอบทั้งนั้น

ที่โดดเด่นคือทั้งสองห้องต่างมีเพดานใสเล็กๆที่สามารถเอาไว้ดูดาวได้

ญาธิดาแอบบ่นงึมงำในใจ มีเงินนี่บันดาลได้ทุกสิ่งจริงๆ ภวินท์คงใช้ของราคาแพงพวกนี้ ซื้อใจลูกของตัวเองได้ง่ายดายแน่นอน

พวกเขาสองคนเดินไปถึงสุดทางเดินอย่างไม่รู้ตัว และห้องสุดท้ายนี้ก็เป็นห้องต้องห้ามของที่นี่เหมือนกัน - ห้องทำงานของภวินท์

ก่อนที่ญาธิดาจะได้พูดอะไร ภวินท์ก็ยัดกุญแจหนักๆไว้ในมือของเธอ "นี่คือกุญแจห้องนี้ ต่อไปนี้คุณเก็บไว้ได้เลย"

ประโยคง่ายๆของเขาส่งผลถึงส่วนอ่อนไหวที่สุดในหัวใจของญาธิดาได้อย่างง่ายดาย เธอพยักหน้าอย่างหนัก ถือกุญแจไว้ในมือแน่น รอยยิ้มบนใบหน้าขยายกว้างขึ้น

ตั้งแต่ทั้งสองกลับมาที่บ้านพัก ญาธิดาก็หนีไม่พ้นจากอาการเจ็บเอวและขาเลยสักวัน ทั้งๆที่เธอบอกภวินท์อย่างชัดเจน ว่าจะให้ทำความสะอาดแผลให้เขาเท่านั้น

เธอลากร่างที่เหมือนจะแตกสลายเต็มทีลงไปชั้นล่าง ก่อนที่จะเดินถึงห้องอาหาร เธอก็ได้กลิ่นอาหารที่คุ้นเคย อีธานและเอลล่ากำลังกินข้าวอย่างเชื่อฟัง ส่วนภวินท์ที่ยังคงรักษาท่วงท่าสูงส่งและสง่า กำลังนั่งจบกาแฟอยู่ข้างๆ

“วันนี้คุณจะไปบริษัทหรือเปล่า”

“อืม”ภวินท์ตอบเธอเบาๆ แล้วเอ่ยเสริมอย่างเรียบนิ่ง: “คุณพักผ่อนอยู่ที่บ้านนี่แหละ คืนนี้คงต้องรบกวนคุณอีก”

“แค่กๆ…” ญาธิดาสำลักออกมา ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ทั้งยังแอบกัดฟันกรอด

พูดเรื่องแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย ผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไงกัน!

“ผมหมายถึงช่วยทายา” เขาพูดต่อ

ความโกรธของญาธิดารุนแรงมากขึ้นไปอีก แต่เธอก็ไม่สามารถเถียงชนะเขาอยู่ดี จะตีก็ยังไม่กล้า ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงตักโจ๊กในชามขึ้นมาอย่างโกรธจัด เพื่อแสดงความไม่พอใจของเธอ

ภวินท์ยกมือขึ้นปกป้องญาธิดาและเด็กสองคนที่อยู่ข้างหลังโดยอัตโนมัติ แต่ปกรณ์พลันหยุดชะงักฝีเท้ากะทันหัน

เขาจ้องมองไปที่อีธานที่ซ่อนอยู่ข้างหลังอย่างนิ่งงัน ความเกลียดชังบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ หายไป จากนั้นก็ยกยิ้มด้วยความรัก มองไปที่อีธานแล้วถามว่า "วิน บอกพ่อมาว่าแม่อยู่ที่ไหน"

ภวินท์ได้ยินดังนั้น ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาก็หม่นแสงลง เขามองสบตากับอีธาน แล้วพยักหน้าให้

อีธานเข้าใจและเอื้อมคว้านิ้วมือของปกรณ์อย่างกล้าหาญ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงน่ารักสดใสว่า “ต้องยอมฉีดยาดีๆก่อน ผมถึงจะบอก”

“ได้ๆ…” ปกรณ์ขานรับหลายครั้งติดกัน ยอมให้ลุงทองฉีดยาระงับประสาทเข้ามาในร่างกาย จากนั้นจึงทรุดตัวลงบนเก้าอี้ข้างๆอย่างหมดฤทธิ์

ลุงทองถอนหายใจเบา ๆ แล้วห่มผ้าผืนบางให้คุณท่าน จากนั้นก็เอ่ยอธิบายเหตุการณ์อย่างนอบน้อมว่า “คุณท่านเริ่มหลงลืมสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงนี้เอาแต่โวยวายเรียกหาคุณกับคุณผู้หญิง ในความทรงจำของเขาตอนนี้น่าจะเหลือแค่ช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่กับคุณผู้หญิง”

เมื่อญาธิดาได้ยินสิ่งนี้ เธอก็หันไปมองภวินท์ เขายังคงไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ บนใบหน้า เพียงแค่มองมาที่เธอและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณไม่ได้เจออาจารย์มานานแล้ว ไปเถอะ"

ญาธิดาเข้าใจว่าเขามีปมในวัยเด็ก ซึ่งเธอคนเดียวไม่สามารถแก้ไขได้ และมีเพียงปกรณ์เท่านั้นที่ทำให้เขาปล่อยวางอดีตนี้ได้อย่างสมบูรณ์

แต่ตอนนี้ปกรณ์ซึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้โยกนั้น ผอมแห้งราวกับต้นไม้ขาดน้ำ ทั้งเนื้อทั้งตัวดูไร้ชีวิตชีวา ไม่เหมือนคุณท่านผู้ยิ่งใหญ่และสง่าอย่างในอดีตเลยสักนิด

ราวกับกำลังคิดอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงมองขึ้นไปที่ลุงทองแล้วพูดเสียงเบาว่า "ถ้าคุณท่านตื่นแล้วอย่าลืมแจ้งพวกเราด้วยนะคะ"

“ไม่ต้องหรอก” หลังจากที่ภวินท์เอ่ยพูด เขาก็จับมือเธอเดินออกไปจากบ้าน

ญาธิดาหันมาส่งสายตาแน่วแน่ให้ลุงทอง จากนั้นก็รีบสาวเท้าเดินตามเขาออกไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์