ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 760

ญาธิดารู้สึกพอใจกับคำพูดแบบนี้ของอีธานมากๆ พยักหน้าเห็นด้วย

นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียน เอลล่ายังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในใจ มองพี่ชายพร้อมกับพูดถามขึ้นด้วยความสงสัย “ถ้าอย่างนั้นพ่อจะรักพวกเราตลอดไปจริงๆ ไหม?”

ภวินท์เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็ได้ยินคำถามนี้เข้าพอดี เขาหันสายตามองไปที่ลูกสาว ตรงเข้าไปสะกิดจมูกของเธอ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “นอกจากแม่แล้ว พวกลูกเป็นคนที่สำคัญที่สุดของพ่อ”

เอลล่าพอได้ฟังเขาพูดคำพูดนี้ออกมาด้วยตัวเอง ใบหน้าจ้ำม่ำก็ยิ้มแย้มขึ้นมาทันที ไม่นานก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดแล้ว

พอเห็นลูกทั้งสองคนไม่ได้ถูกเรื่องนี้มารุมเร้าเอาไว้อีกแล้ว ความเป็นกังวลใจของเธอจึงปล่อยวางลงได้ หันไปมองภวินท์พร้อมกับพูดถามขึ้น “บริษัทได้มีการคิดหาวิธีในการจัดการกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนแล้วหรือยัง?”

“นี่คือเอกสาร” เขายื่นแผนประชาสัมพันธ์ที่พิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้วออกมาตรงหน้า จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้น “เดิมทีวางแผนที่จะดำเนินการตามแผนงานฉบับนี้ในช่วงนี้นี่แหละ แต่ดูแล้วคงต้องเลื่อนออกไปอีกสองสามวัน”

เธอได้ฟังแบบนั้นก็เด้งขึ้นมาจากโซฟาทันที พูดขึ้นอย่างต่อเนื่อง “ไม่ได้นะ ดำเนินการตามแผนประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ตั้งแต่วันมะรืนเลยจะดีที่สุด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในครั้งนี้ยิ่งจัดการให้เร็วเท่าไรยิ่งดี”

สบกับสายตาที่มองสำรวจของภวินท์ เธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนในวันนี้ให้กับเขาฟังไปจนหมด จากนั้นก็พูดพึมพำออกมาเบาๆ “อีธานไม่มีทางเชื่อคำพูดพวกนี้แน่นอน แต่เอลล่าจะต้องได้รับผลกระทบแน่ๆ”

จู่ๆ บรรยากาศในห้องนั่งเล่นก็กดต่ำลง อากาศเริ่มเย็นยะเยือกมากขึ้น เธอถึงได้เงยขึ้นมามองสำรวจภวินท์ สิ่งที่เห็นเข้ามาในตาคือสีหน้าที่เย็นยะเยือกของเขา

เธอกำลังคิดที่จะพูดโน้มน้าวภวินท์ ไม่คิดว่าเขาจะลุกขึ้นโทรศัพท์ไปหาพยัคฆ์ก่อน “ไปแจ้งกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ทำงานล่วงเวลาเพื่อแก้ไขแผนการประชาสัมพันธ์ วันมะรืนจะต้องดำเนินการตามปกติ”

ยังดีที่ต่อไปเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ อีธานและเอลล่าไม่ต้องไปเรียนหนังสือ

การถ่ายทำภาพยนตร์ปีใหม่ก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว บทบาทของเหล่านักแสดงสมทบก็ปิดกล้องอย่างเป็นทางการแล้ว จำเป็นต้องให้นักแสดงทุกคนไปถ่ายช็อตทางเลือกเสริมเพิ่มเติมที่กองถ่าย

เด็กทั้งสองคนเล่นที่กองถ่ายอย่างมีความสุขสนุกสนาน ค่อยๆ ลืมเรื่องที่ไม่รื่นรมย์ที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนไป กลับมาจากกองถ่ายก็โหวกเหวกโวยวายว่าจะไปเรียนหนังสือที่โรงเรียน ทางด้านของญาธิดาก็ได้รับสายจากคุณครูแจ้งว่าวันจันทร์ในชั้นเรียนจะจัดกิจกรรมพ่อแม่ลูกขึ้น

เธอตอบตกลงคุณครู สายตาหันมองไปที่เอกสารแผนการประชาสัมพันธ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ บนหัวเอกสารเขียนเอาไว้สะดุดตาว่า “บริจาคกิจกรรมพ่อแม่ลูกของโรงเรียนประถม”

เช้าวันจันทร์ รถไมบัคที่คุ้นเคยมาจอดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าของโรงเรียนประถม ผู้ปกครองคนอื่นๆ ต่างพากันหันมามอง เอียงคอไปพูดคุยซุบซิบกันว่าเป็นรถของใคร

ประตูเปิดออกอัตโนมัติ ภวินท์เดินลงมาจากรถด้วยท่าทางสง่างาม ก่อนจะอ้อมไปเปิดประตูของที่นั่งข้างคนขับอีกฝั่งหนึ่ง ดูแลคุ้มกันญาธิดาลงมาจากรถ

แม้ว่าสีหน้าของเขาจะเย็นชา แต่การกระทำกลับระมัดระวังสุดๆ ราวกับว่ากำลังปกป้องคุ้มกันอัญมณีล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น

พอเห็นพวกเขาสี่คนพ่อแม่ลูกปรากฏตัวออกมา สีหน้าของเหล่าผู้ปกครองสองสามคนในนั้นก็ดูแย่ขึ้นมาทันที ราวกับว่านึกถึงภาพภายในห้องทำงานก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้

แม่พอลไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เดินตรงไปหาทั้งสองคนอย่างหน้าตาเฉย ตีสนิทด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“คุณญาธิดา เรื่องก่อนหน้านี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันกลับไปสั่งสอนพอลที่บ้านเรียบร้อยแล้ว หวังว่าคุณที่เป็นผู้ใหญ่จะไม่ถือสาเอาความอะไรกับเด็กนะคะ อย่ามาถือสาอะไรกับคนธรรมดาทั่วไปแบบฉันเลย”

ญาธิดาได้ยินแบบนั้นก็ทำได้แค่ยิ้มเบาๆ “ก็เหมือนกับที่คุณพูดเอาไว้ เด็กๆ เล่นหยอกล้อกันมันก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ฉันไม่ถือสาเอาความอะไรกับเด็กหรอกค่ะ”

ความหมายของคำพูดนี้ เกรงว่าจะมีแค่คนแบบแม่พอลเท่านั้นที่จงใจทำให้เด็กลำบากใจ

แม่พอลมองภวินท์อยู่เงียบๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดูไม่ดี พยักหน้ายอมรับคำพูดของญาธิดาอย่างไม่หยุดไม่หย่อน

ในตาของภวินท์มีเพียงแค่ญาธิดา ยังคงจูงมือของเธอพร้อมกับพูดขึ้น “ไปกันเถอะ”

ผู้ชายที่สวมชุดสูทรองเท้าหนังมาโดยตลอดวันนี้สวมชุดกีฬาสีเทา ญาธิดาก็ใส่เสื้อกันหนาวหลวมๆ กับกางเกงขาสั้น เสื้อผ้าของทั้งสองคนสีคล้ายกันมากๆ ดูแล้วเหมือนกับชุดคู่รัก

การที่จะได้รับชัยชนะในการแข่งขันเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายอยู่แล้ว

ญาธิดายิ้มอย่างลวกๆ ตอบรับคำเยินยอของเหล่าผู้ปกครอง จนกระทั่งครูตะโกนให้เธอเข้าร่วมเกมต่อไป

เกมนี้ให้แม่กับเด็กเล่นด้วยกัน เอลล่าแพ้การแข่งขันรูบิก กำลังทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ ดึงดันที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกับแม่ให้ได้ ให้พี่พักผ่อนรอยู่ข้างๆ

ถึงยังไงญาธิดาก็ใส่กางเกงขาสั้น เมื่อเทียบกับบรรดาแม่ๆ พวกนั้นแล้วการกระทำกระฉับกระเฉงว่องไวกว่าอย่างเห็นได้ชัด ได้รับชัยชนะการแข่งขันนี้ ในที่สุดใบหน้าของเอลล่าก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม

“ต่อไปก็ตาคุณแล้วนะ อย่าทำให้ฉันกับลูกต้องอับอายขายขี้หน้าล่ะ” เธอสะกิดภวินท์

เสียงนกหวีดดังขึ้น ภวินท์กับอีธานเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่นานก็นำห่างจากคนอื่นๆ เหล่าบรรดาแม่ๆ ที่อยู่ข้างๆ ก็อาศัยจังหวะช่วงเวลานี้รีบเข้ามาพูดคุยกับเธอทันที

“คุณญาธิดา บรรยากาศในครอบครัวของคุณดีขนาดนี้ช่างน่าอิจฉาจริงๆ เด็กๆ ทั้งสองคนก็อบรมเลี้ยงดูมาได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ ไม่เหมือนกับลูกของพวกเรา ปกติแล้วแทบจะไม่เชื่อฟังฉันเลยสักนิด”

“วันหลังคุณญาธิดาจะต้องมาแบ่งปันประสบการณ์การเลี้ยงดูลูกกับพวกเราสักหน่อยแล้วล่ะ ปัจจัยเงื่อนไขของครอบครัวของพวกเราเทียบไม่ได้กับครอบครัวของคุณ ทำได้แค่ต้องเรียนรู้จากคุณเท่านั้น”

“ชีวิตของคุณนี่ช่างมีความสุขจริงๆ คุณภวินท์ก็ดีกับคุณมากๆ เห็นพวกคุณรักกันขนาดนี้ พวกแม่ๆ แบบพวกเรานี้ก็แอบอิจฉาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน”

“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครบอกว่าคุณกับคุณภวินท์หย่ากันแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าสองสามีภรรยาเขารักกันขนาดนี้ คุณดูสิเมื่อตะกี้ตอนที่พวกเขาลงมาจากรถ คุณภวินท์เอาใจใส่จะตาย”

ญาธิดายิ้มอย่างเย้ยหยันภายในใจ มองใบหน้าที่ประจบประแจงเหล่านั้นที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ราวกับว่าคนที่พูดจาหยาบโลนรุนแรงเมื่อสองสามวันก่อนไม่ใช่พวกเธออย่างไรอย่างนั้น

“ความสัมพันธ์ของฉันกับวินดีมาโดยตลอด คนที่เอาความเท็จไปเผยแพร่ก็มีมาก คนที่ฉลาดก็จะสามารถแยกแยะได้ว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริง” เธอเปิดปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์