ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 831

“โวยวายไร้เหตุผล?” เธอแค่นหัวเราะออกมา “หรือว่าฉันควรจะยิ้มและปล่อยให้คุณเก็บนพเก้าไว้ข้าง ๆ เหรอถึงจะไม่โวยวายไร้เหตุผลน่ะ?”

ภวินท์ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่โยนเอกสารฉบับหนึ่งไปวางตรงหน้าเธอ

ข้างในนั้นนอกจากข้อมูลพื้นฐานของนิธิศแล้ว ยังมีภาพถ่ายของเขากับญาธิดาตอนที่อยู่ด้วยกัน ทั้งยังมีภาพถ่ายสนิทสนมใกล้ชิดของเธอกับต้นกล้าด้วย

ในกองเอกสารหนาทึบดูเหมือนจะมีเธออยู่แทบทุกแผ่น

เพี๊ยะ——

เสียงตบหน้าที่ดังชัดทำให้เสียงทะเลาะภายในห้องเข้าสู่ความเงียบในทันที มือเล็ก ๆ ของญาธิดายังคงสั่นเทาเล็กน้อยและได้แต่ยกค้างอยู่กลางอากาศไม่รู้จะดึงกลับดีไหม

“โวยวายพอแล้วก็กลับห้องไปพักผ่อนซะ” น้ำเสียงของภวินท์ยังคงไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม

เธอหัวเราะออกมาช้า ๆ และแอบถามตัวเองในใจว่าเธอเห็นทุกอย่างด้วยตาของตัวเอง แต่ทำไมถึงยังคาดหวังในตัวเขาอีก?

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยเชื่อใจเธอเลย เมื่อหกปีก่อนเขาเคยสืบเรื่องของเธอ และหกปีต่อมาก็เหมือนกัน

คนที่นอนอยู่ข้างเธอทั้งวันทั้งคืนไม่เคยหยุดจับตามองเธอเลยสักครั้ง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของเธอก็เหลือแต่ความหนาวเหน็บกับความผิดหวัง

ญาธิดาเดินออกจากห้องหนังสือไปทีละก้าว ก่อนจะลากอีธานกับเอลล่าที่ยังไม่ทันได้ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกจากบ้านพักทันที ราวกับว่าการได้ไปจากกรงขังที่เต็มไปด้วยสายตาที่จับตามองอยู่ตลอด ช่วยบรรเทาความหดหู่ในใจของเธอให้สบายขึ้นได้บ้าง

ติ๊ง เสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ คอมพิวเตอร์ของภวินท์แจ้งเตือนว่ามีอีเมลใหม่ถูกส่งเข้ามา หัวข้อเรื่องยังคงขึ้นต้นด้วย "นิธิศ" เนื้อหาด้านในกลับเป็นภาพที่เขากับญาธิดานั่งรถคันเดียวกัน

แววตาของเขามืดมนและส่งข้อความไปหาพายุทันที “หยุดตามสืบเรื่องของนิธิศ หยุดแผนการก่อนกำหนด”

หลังจากตอบอีเมลเรียบร้อยแล้วเขาก็กดโทรหาหลุยส์ทันที “ทางฝั่งยุโรป...”

เขาพูดยังไม่ทันจบเสียงเคร่งขรึมจริงจังของหลุยส์ก็ดังมาจากปลายสายขัดจังหวะของเขาทันที

“วิน ทางเขตชายแดนเกิดเรื่องแล้ว!”

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ภายในวิลล่าเงียบสงบ ญาธิดานั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าในสวนดอกไม้ อีธานกับเอลล่าก็แอบไปกระซิบข้างหูคุณปภาวีเป็นระยะ ๆ

คุณปภาวีสบสายตากับลูกสาวครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเธอก็วางบัวรดน้ำเช็ดไม้เช็ดมือแล้วนั่งลงข้าง ๆ ญาธิดา

“ลูกกับวินต่างฝ่ายต่างทำสงครามเย็นกันมาหลายวันแล้วยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?”

ญาธิดาไม่คิดก็รู้ว่าต้องเป็นอีธานกับเอลล่าแอบบอกอะไรอีกแน่ ๆ

เธอฝืนยิ้มจาง ๆ “พวกเราทำสงครามเย็นที่ไหนกันคะ หนูก็แค่เป็นห่วงสุขภาพของพ่อกับแม่กับคุณย่า เลยตั้งใจมาอยู่ด้วยไงคะ”

“แกเป็นลูกแม่นะ แม่เหรอจะไม่รู้จักลูก?” คุณปภาวีตอบกลับอย่างเหลืออด “ถ้าไม่ได้ทำสงครามเย็นวินคงมารับลูกกลับไปนานแล้ว ลูกนิสัยดื้อดึงมาตั้งแต่เด็ก แถมไอคิวยังไม่ค่อยสูง แกว่า...”

ญาธิดายิ่งฟังยิ่งปวดหัว เธอได้แต่ฝืนยิ้มน้อย ๆ พลางโน้มน้าวแม่ของเธอเบา ๆ ว่า “แม่คะ พวกเราไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิดจริง ๆ”

คุณปภาวีเหลือบมองอีธานกับเอลล่าอย่างสงสัย เหมือนเห็นเด็กน้อยทั้งสองแสดงสีหน้าคาดหวังเธอก็ได้แต่กัดฟันและรีบเปิดประเด็นทันที

“ถ้าอย่างนั้นแกก็รีบกลับบ้านไปซะ อย่ามาพึ่งอยู่พึ่งกินที่นี่ พ่อแม่กับคุณย่าอยู่ที่นี่สบายดี ตอนนี้พอแกที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างมาอยู่ด้วยมีแต่จะสร้างปัญหาให้เรา ฉะนั้นรีบกลับไปซะ!”

สีหน้าของคุณปภาวีเต็มไปด้วยท่าทางต่อต้านและไม่แยแส พลางพูดพลางลุกขึ้นยืน แถมก่อนที่จะเดินออกไปก็ยังไม่ลืมทิ้งไว้อีกประโยคว่า “บ่ายนี้แม่ไม่อยากจะเห็นหน้าแกแล้ว”

ภวินท์ออกจากเมือง J ไปตั้งแต่คืนแรกที่เธอไปเมือง C แล้ว พายุรู้เพียงว่าเขาไปจัดการงานยากที่เขตชายแดน แต่เรื่องอื่นเป็นความลับ ภวินท์ไม่ได้บอกอะไร

หลังจากที่เขาจากไปไม่กี่วัน STN GroupกับTIDA Studioก็ได้รับผลกระทบทางธุรกิจอย่างหนัก

หลังจากที่บริษัทล้มเหลวในการประมูลที่ดิน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นใหม่ยังประสบปัญหาด้านคุณภาพทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บระหว่างใช้งาน พายุพยายามดิ้นรนรักษาการดำเนินงานของบริษัทเพียงลำพัง และบังคับระงับการเคลื่อนไหวของผู้ถือหุ้นอยู่หลายระลอก

คณะกรรมการบริหารสามารถบังคับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงได้ตลอดเวลา ทันทีที่คนวงในมีปัญหาก็ยากที่จะจัดการมากขึ้นไปอีก

ทางด้านTIDA Studioตอนนี้มีlee Tongช่วยบริหารควบคุมแทน แต่เนื่องจากต้นฉบับออกช้า แถมคุณภาพยังค่อย ๆ ลดลง ดังนั้นจึงกำลังสูญเสียเงินไปโดยสูญเปล่า

ญาธิดากำเอกสารฉบับใหม่ล่าสุดที่พายุยื่นมาให้ไว้แน่น สีหน้าของเธอจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ปกรณ์ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้คนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อปกป้องSTN Groupได้มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น...

“พายุ แจ้งคุณลีปิดTIDA Studio สะสางบัญชีทั้งหมดของสตูดิโอและปล่อยให้เงินทั้งหมดในบัญชีไหลเวียนออกไป”

พายุอึ้งไป “คุณธิดาทำแบบนั้นไม่ได้...”

ตอนนี้สตูดิโอยังไม่หมดหนทางจนถึงขั้นนั้น แถมชื่อเสียงในวงการก็ไม่ค่อยจะดีนัก ถ้าหยุดกะทันหันแบบนี้ก็เท่ากับยอมรับว่าความสามารถไม่เพียงพอ ถ้าอยากจะดำเนินธุรกิจขึ้นมาใหม่คงยาก

“ฉันไม่มีสิทธิ์สั่งงานเธอ หรือว่าเธอมีอำนาจที่จะพูดคำว่า ‘ไม่’ กับฉันเหรอ?” ญาธิดาเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา

“ผมไม่กล้าหรอกครับ” เขาก้มหน้าลงและรับรู้ได้ถึงความตั้งใจที่จะทิ้งสิ่งหนึ่งเพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญกว่าของเธอ จึงได้แต่กัดฟันและตอบรับด้วยความเคารพ “ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

“อีกอย่างขอรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ STN Group รวมถึงสถานการณ์และแนวโน้มของผู้ถือหุ้นแต่ละรายด้วย” แววตาของเธอมืดมน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์