“โวยวายไร้เหตุผล?” เธอแค่นหัวเราะออกมา “หรือว่าฉันควรจะยิ้มและปล่อยให้คุณเก็บนพเก้าไว้ข้าง ๆ เหรอถึงจะไม่โวยวายไร้เหตุผลน่ะ?”
ภวินท์ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่โยนเอกสารฉบับหนึ่งไปวางตรงหน้าเธอ
ข้างในนั้นนอกจากข้อมูลพื้นฐานของนิธิศแล้ว ยังมีภาพถ่ายของเขากับญาธิดาตอนที่อยู่ด้วยกัน ทั้งยังมีภาพถ่ายสนิทสนมใกล้ชิดของเธอกับต้นกล้าด้วย
ในกองเอกสารหนาทึบดูเหมือนจะมีเธออยู่แทบทุกแผ่น
เพี๊ยะ——
เสียงตบหน้าที่ดังชัดทำให้เสียงทะเลาะภายในห้องเข้าสู่ความเงียบในทันที มือเล็ก ๆ ของญาธิดายังคงสั่นเทาเล็กน้อยและได้แต่ยกค้างอยู่กลางอากาศไม่รู้จะดึงกลับดีไหม
“โวยวายพอแล้วก็กลับห้องไปพักผ่อนซะ” น้ำเสียงของภวินท์ยังคงไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม
เธอหัวเราะออกมาช้า ๆ และแอบถามตัวเองในใจว่าเธอเห็นทุกอย่างด้วยตาของตัวเอง แต่ทำไมถึงยังคาดหวังในตัวเขาอีก?
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยเชื่อใจเธอเลย เมื่อหกปีก่อนเขาเคยสืบเรื่องของเธอ และหกปีต่อมาก็เหมือนกัน
คนที่นอนอยู่ข้างเธอทั้งวันทั้งคืนไม่เคยหยุดจับตามองเธอเลยสักครั้ง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของเธอก็เหลือแต่ความหนาวเหน็บกับความผิดหวัง
ญาธิดาเดินออกจากห้องหนังสือไปทีละก้าว ก่อนจะลากอีธานกับเอลล่าที่ยังไม่ทันได้ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกจากบ้านพักทันที ราวกับว่าการได้ไปจากกรงขังที่เต็มไปด้วยสายตาที่จับตามองอยู่ตลอด ช่วยบรรเทาความหดหู่ในใจของเธอให้สบายขึ้นได้บ้าง
ติ๊ง เสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ คอมพิวเตอร์ของภวินท์แจ้งเตือนว่ามีอีเมลใหม่ถูกส่งเข้ามา หัวข้อเรื่องยังคงขึ้นต้นด้วย "นิธิศ" เนื้อหาด้านในกลับเป็นภาพที่เขากับญาธิดานั่งรถคันเดียวกัน
แววตาของเขามืดมนและส่งข้อความไปหาพายุทันที “หยุดตามสืบเรื่องของนิธิศ หยุดแผนการก่อนกำหนด”
หลังจากตอบอีเมลเรียบร้อยแล้วเขาก็กดโทรหาหลุยส์ทันที “ทางฝั่งยุโรป...”
เขาพูดยังไม่ทันจบเสียงเคร่งขรึมจริงจังของหลุยส์ก็ดังมาจากปลายสายขัดจังหวะของเขาทันที
“วิน ทางเขตชายแดนเกิดเรื่องแล้ว!”
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ภายในวิลล่าเงียบสงบ ญาธิดานั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าในสวนดอกไม้ อีธานกับเอลล่าก็แอบไปกระซิบข้างหูคุณปภาวีเป็นระยะ ๆ
คุณปภาวีสบสายตากับลูกสาวครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเธอก็วางบัวรดน้ำเช็ดไม้เช็ดมือแล้วนั่งลงข้าง ๆ ญาธิดา
“ลูกกับวินต่างฝ่ายต่างทำสงครามเย็นกันมาหลายวันแล้วยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?”
ญาธิดาไม่คิดก็รู้ว่าต้องเป็นอีธานกับเอลล่าแอบบอกอะไรอีกแน่ ๆ
เธอฝืนยิ้มจาง ๆ “พวกเราทำสงครามเย็นที่ไหนกันคะ หนูก็แค่เป็นห่วงสุขภาพของพ่อกับแม่กับคุณย่า เลยตั้งใจมาอยู่ด้วยไงคะ”
“แกเป็นลูกแม่นะ แม่เหรอจะไม่รู้จักลูก?” คุณปภาวีตอบกลับอย่างเหลืออด “ถ้าไม่ได้ทำสงครามเย็นวินคงมารับลูกกลับไปนานแล้ว ลูกนิสัยดื้อดึงมาตั้งแต่เด็ก แถมไอคิวยังไม่ค่อยสูง แกว่า...”
ญาธิดายิ่งฟังยิ่งปวดหัว เธอได้แต่ฝืนยิ้มน้อย ๆ พลางโน้มน้าวแม่ของเธอเบา ๆ ว่า “แม่คะ พวกเราไม่ได้เป็นอย่างที่แม่คิดจริง ๆ”
คุณปภาวีเหลือบมองอีธานกับเอลล่าอย่างสงสัย เหมือนเห็นเด็กน้อยทั้งสองแสดงสีหน้าคาดหวังเธอก็ได้แต่กัดฟันและรีบเปิดประเด็นทันที
“ถ้าอย่างนั้นแกก็รีบกลับบ้านไปซะ อย่ามาพึ่งอยู่พึ่งกินที่นี่ พ่อแม่กับคุณย่าอยู่ที่นี่สบายดี ตอนนี้พอแกที่ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่างมาอยู่ด้วยมีแต่จะสร้างปัญหาให้เรา ฉะนั้นรีบกลับไปซะ!”
สีหน้าของคุณปภาวีเต็มไปด้วยท่าทางต่อต้านและไม่แยแส พลางพูดพลางลุกขึ้นยืน แถมก่อนที่จะเดินออกไปก็ยังไม่ลืมทิ้งไว้อีกประโยคว่า “บ่ายนี้แม่ไม่อยากจะเห็นหน้าแกแล้ว”
ภวินท์ออกจากเมือง J ไปตั้งแต่คืนแรกที่เธอไปเมือง C แล้ว พายุรู้เพียงว่าเขาไปจัดการงานยากที่เขตชายแดน แต่เรื่องอื่นเป็นความลับ ภวินท์ไม่ได้บอกอะไร
หลังจากที่เขาจากไปไม่กี่วัน STN GroupกับTIDA Studioก็ได้รับผลกระทบทางธุรกิจอย่างหนัก
หลังจากที่บริษัทล้มเหลวในการประมูลที่ดิน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นใหม่ยังประสบปัญหาด้านคุณภาพทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บระหว่างใช้งาน พายุพยายามดิ้นรนรักษาการดำเนินงานของบริษัทเพียงลำพัง และบังคับระงับการเคลื่อนไหวของผู้ถือหุ้นอยู่หลายระลอก
คณะกรรมการบริหารสามารถบังคับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงได้ตลอดเวลา ทันทีที่คนวงในมีปัญหาก็ยากที่จะจัดการมากขึ้นไปอีก
ทางด้านTIDA Studioตอนนี้มีlee Tongช่วยบริหารควบคุมแทน แต่เนื่องจากต้นฉบับออกช้า แถมคุณภาพยังค่อย ๆ ลดลง ดังนั้นจึงกำลังสูญเสียเงินไปโดยสูญเปล่า
ญาธิดากำเอกสารฉบับใหม่ล่าสุดที่พายุยื่นมาให้ไว้แน่น สีหน้าของเธอจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปกรณ์ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้คนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อปกป้องSTN Groupได้มีแค่เธอคนเดียวเท่านั้น...
“พายุ แจ้งคุณลีปิดTIDA Studio สะสางบัญชีทั้งหมดของสตูดิโอและปล่อยให้เงินทั้งหมดในบัญชีไหลเวียนออกไป”
พายุอึ้งไป “คุณธิดาทำแบบนั้นไม่ได้...”
ตอนนี้สตูดิโอยังไม่หมดหนทางจนถึงขั้นนั้น แถมชื่อเสียงในวงการก็ไม่ค่อยจะดีนัก ถ้าหยุดกะทันหันแบบนี้ก็เท่ากับยอมรับว่าความสามารถไม่เพียงพอ ถ้าอยากจะดำเนินธุรกิจขึ้นมาใหม่คงยาก
“ฉันไม่มีสิทธิ์สั่งงานเธอ หรือว่าเธอมีอำนาจที่จะพูดคำว่า ‘ไม่’ กับฉันเหรอ?” ญาธิดาเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา
“ผมไม่กล้าหรอกครับ” เขาก้มหน้าลงและรับรู้ได้ถึงความตั้งใจที่จะทิ้งสิ่งหนึ่งเพื่อรักษาสิ่งที่สำคัญกว่าของเธอ จึงได้แต่กัดฟันและตอบรับด้วยความเคารพ “ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
“อีกอย่างขอรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ STN Group รวมถึงสถานการณ์และแนวโน้มของผู้ถือหุ้นแต่ละรายด้วย” แววตาของเธอมืดมน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...