ญาธิดาอึ้ง แล้วตอบไปว่า “แค่เพื่อนน่ะ……”
สายตาของภวินท์เย็นชาลง เมื่อกี้ตอนที่ญาธิดารับสาย แม้เขาจะไม่ค่อยได้ยิน แต่ก็ฟังออกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย บวกกับปฏิกิริยาแปลกๆในช่วงนี้ของญาธิดา เขาก็แน่ใจได้แล้ว
ทันใดนั้นในสมองก็มีภาพครั้งก่อนที่ญาธิดาเดินคู่กับผู้ชายคนนั้นที่หน้าประตูบริษัทแวบเข้ามา ไม่รู้ว่าทำไม ในใจเขาถึงรู้สึกหนักอึ้งขนาดนั้น
เขาเหลือบไปเห็นแก้มที่แดงระเรื่อของหญิงสาว ภวินท์จับพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย
เขาเลิกคิ้วขึ้น แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แฟนเหรอ?”
ขนาดเขายังไม่รู้ตัวเลยว่า น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยใจร้อนที่เห็นได้ชัด
“ไม่ใช่……”
เหมือนถูกจับได้ ญาธิดาหน้าแดงระเรื่อ รีบบอกปฏิเสธ
ตอนนี้เธอกับธีทัตเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่เขาพูดหรอก……
ผู้ชายข้างๆก็แสยะยิ้มเย็นชา เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำที่แฝงไปด้วยพลังมหาศาล “เธอจะยังมีไม่ได้”
ญาธิดาอึ้ง คิดว่าตัวเองฟังผิดไปแล้วเสียอีก “ว่าไงนะ?”
นานมากเขาก็ยังไม่ตอบคำถาม เธอหันหน้าไปมองสันจมูกที่สูงได้รูปของเขา เห็นเขาจับพวงมาลัยมือข้างเดียวด้วยท่าทางที่คุ้นชิน
ญาธิดาสูดหายใจเข้า เธอมองเขาไม่ยอมละสายตาไปไหน
สังเกตได้ถึงแววตาร้อนผ่าวของหญิงสาว ภวินท์ก็เหลือบไปมองเธอ “ยังดูไม่พอเหรอ?”
ญาธิดาอึ้ง ตั้งสติได้ก็รีบเบือนหน้าหนี ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว และปฏิเสธอย่างโมโห “ใครดูนายกัน……”
ไม่นาน รถก็มาถึงคฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลสถิรานนท์ เพิ่งจอดรถเสร็จ ญาธิดาก็รีบเปิดประตูรถลงไปทันที
แก้มร้อนผ่าวเล็กน้อย ญาธิดาตบหน้าตัวเองเบาๆ สูดหายใจเข้า เพื่อให้ตัวเองตั้งสติ ก็ถึงเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับภวินท์
พอเข้าไป ญาธิดาก็เห็นคุณย่านั่งอยู่บนโซฟา
คุณย่าได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น ในตอนที่เห็นญาธิดามา แววตาของเธอก็เป็นประกาย เธอลุกขึ้นอย่างแปลกใจ “ธิดา มาได้ยังไงล่ะเนี่ย……”
เห็นภวินท์ที่อยู่ข้างญาธิดา เธอก็ยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่
ญาธิดาอบอุ่นหัวใจ รีบเดินเข้าไปหาแล้วพูดว่า “คุณย่าคะ ได้ยินว่าคุณย่าป่วย หนูเลยอยากมาเยี่ยมน่ะค่ะ”
เทียบกับครั้งก่อนที่เจอกัน คุณย่าผอมลงไปมาก แค่ไม่กี่วัน รู้สึกว่าสภาวะอารมณ์ไม่เหมือนกับแต่ก่อนเลย
คุณย่าจับมือเธอไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งใจ “ธิดา ย่าไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ……”
“ขอแค่มาเยี่ยมย่าได้ ย่าก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ……”
คุณย่าจับมือญาธิดานั่งลง แล้วสั่งให้คนรับใช้ไปเตรียมผลไม้และน้ำมา แล้วปล่อยให้หลานแท้ๆตัวเองยืนอยู่ตรงนั้น
ญาธิดาเห็นภวินท์ที่ยังยืนอยู่ ก็พูดขึ้นอย่างลังเลว่า “คุณย่าคะ คุณย่าอย่าโกรธไปเลยนะคะ……”
คนแก่ถ้าโกรธขึ้นมาจะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพเอา ญาธิดาลูบหลังของคุณย่าเบาๆ แล้วพูดปลอบเสียงเบา
“ธิดาไม่ต้องไปพูดเพื่อตานั่นหรอก!” คุณย่ากวาดตามองไปที่ภวินท์ แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ย่าจะคิดเสียว่าไม่มีหลานคนนี้แล้วกัน!”
อาหารมื้อนี้จบลง บรรยากาศก็ดูอบอุ่นขึ้นเยอะกว่าตอนแรก ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ภวินท์ก็ถึงบอกว่าจะกลับแล้ว
ก่อนจะไป คุณย่าก็จับมือญาธิดาไว้ไม่ยอมปล่อย
เห็นคุณย่าน้ำตารื้นขึ้นเต็มขอบตา ญาธิดาก็รู้สึกสงสารจับใจ “คุณย่าคะ วางใจได้เลยนะคะ หนูจะกลับมาเยี่ยมคุณย่าบ่อยๆนะคะ”
คุณย่าพยักหน้า กอดญาธิดาไว้ สุดท้ายก็ถึงยอมปล่อยมือ
พอขึ้นรถ ระหว่างทางที่กลับไป ภายในรถเงียบงันมาก ญาธิดานึกถึงแววตาของคุณย่า ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
เธอสูดหายใจเข้าแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉันคิดว่า……พวกเราไม่ควรหลอกคุณย่านะ”
ภวินท์ได้ยินแล้วก็เงียบไปสักพัก แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ช่วงนี้คุณย่าสุขภาพไม่ค่อยดี อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เลยต้องปิดไว้ก่อน ต่อไปค่อยว่ากันแล้วกัน”
ตอนนี้คุณย่าป่วยได้ง่ายที่สุด เขารู้ดีว่า ตอนนี้ทำได้แค่กล่อมไปก่อน ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วล่ะ
ญาธิดาได้ยินแล้วก็เลยต้องยอมไปก่อน แต่ก็ในใจก็ไม่มีความสุขและไม่ยอมพูดอะไรอีก
ภวินท์เงยหน้าขึ้น เห็นสีหน้าของหญิงสาวจากกระจกมองหลัง ในใจก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
“ใช่แล้ว” ภวินท์เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาขมวดคิ้วแล้วสั่งเสียงเข้มว่า “อาทิตย์นี้เธอทำงานกับมาร์ติน จะต้องระวังให้มากนะ นอกจากเรื่องบริษัทแล้วก็อย่ายุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ถ้าต้องการอะไรก็โทรหาฉัน เข้าใจไหม?”
มาร์ตินเป็นสุนัขจิ้งจอกแก่เจ้าเล่ห์ ตอนนี้เขายังเดาไม่ออกว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร อย่าว่าแต่ญาธิดาที่ไร้เดียงสาเลย
พอพูดถึงมาร์ติน ในสมองญาธิดาก็มีภาพสายตาที่เฉียบคมคู่นั้นของเขาลอยขึ้นมา เธอรู้สึกเย็นวูบวาบทั้งตัว แล้วเอ่ยถามไปว่า “นายมีบาดหมางอะไรกับเขาหรือเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...