บทที่ 111 หาคุณเจอแล้ว
เผชิญหน้ากับคำถามจากผู้คนมากมาย หลินฉ่ายเวยพยักหน้าด้วยสีหน้าหม่นหมอง
จากนั้น ความเงียบงันย้อนมาตกอยู่ที่พวกโจวเหม่ยหยูน ไม่มีใครเอ่ยคำพูดออกมาสักคำ
ก่อนหน้านี้ข่าวคราวที่ถังเฉาแต่งงาน พวกเขาไม่เคยระแคะระคายมาก่อนแต่อย่างใด ทันทีที่หลินฉ่ายเวยเอ่ยออกมาด้วยตนเอง ทำให้คนทั้งหมดที่ได้ยินถึงกับรับไม่ได้
“เจ้าคนไร้ประโยชน์นั่น ทำไม จู่ ๆ แต่งงานแล้วล่ะ?”
โจวเหม่ยหลิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก “ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว พวกเราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ?”
เดิมทีพวกเธอยังคิดให้หลินฉ่ายเวยเข้าหาถังเฉา เพื่อสืบหาข้อมูลลับของถังเฉา ตอนนี้เอาไงล่ะ ถังเฉาแต่งงานแล้ว มีครอบครัวแต่งงานกันเป็นตัวเป็นตน จะให้หลินฉ่ายเวยเข้าใกล้เขาด้วยวิธีไหน?
“ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่! ไม่รู้ว่าจะมีความลับมากมายเท่าไหร่ปิดบังพวกเราอีก!”
โจวเหม่ยหยูนยิ่งคิดยิ่งโมโห โกรธตัวสั่นจนแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะตกลงบนพื้น
“กล้าดียังไงตบตีลูกสาวของฉัน อย่าได้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือฉัน มิฉะนั้นฉันจะให้มันตายทั้งเป็น!”
โจวเหม่ยหลิงรีบเข้ามาปลอบใจ “พี่รอง อย่าโมโหไปเลย เป็นเพราะข้อมูลที่พวกเราได้มานั้นผิดพลาด ทำให้ฉ่ายเวยถูกตบไปฟรี ๆ ครั้งเดียวก็เท่านั้น”
ครู่เดียว สีหน้าหลินฉ่ายเวยเปลี่ยนเล็กน้อย “คุณป้า คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าถูกตบครั้งนี้ ฉันถูกตบไปฟรี ๆ งั้นเหรอ?”
“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ?”
โจวเหม่ยหลิงมองค้อนขวับ “พวกเราให้เธอไปเข้าหาถังเฉาเพื่อเชื่อมไมตรี หาคำพูดดี ๆ เพื่อขอโทษเขา ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น ไม่ใช่ให้เธอไปยั่วยวนเขา”
พูดไปแล้ว สายตาของคนในครอบครัวที่มองหลินฉ่ายเวยนั้นผิดปกติ
แน่นอน นี่คือวิธีการที่ต่ำทรามที่สุด แต่หลินฉ่ายเวยมองออกได้ทันที
“ตอนนี้ ทำได้เพียงโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อ ให้เขาคิดหาหนทางแก้ไข”
ทุกคนต่างก็พยักหน้า ผลสุดท้ายตัดสินให้หลินฉ่ายเวยเป็นคนโทรศัพท์ไป
“ฉ่ายเวย เรื่องที่จัดการเป็นอย่างไรบ้าง? ถังเฉาคนนั้น มีท่าทีเปลี่ยนไปบ้างไหม?”
ทันทีที่ต่อสายติด เสียงหัวเราะของ โจวฉวนกั๋วก็ลอยมาตามสาย
หลินฉ่ายเวยหน้าถอดสี “คุณปู่ หลานทำเรื่องพังหมดแล้ว ถังเฉาไม่เพียงไม่เปลี่ยนท่าที ยังตบหลานด้วย”
“อะไรนะ ล้มเหลวเหรอ?!”
เสียงของโจวฉวนกั๋วดังเพิ่มขึ้นแปดระดับในทันที “เธอทำอะไรเป็นบ้าง เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ ยังทำล้มเหลวอีกเหรอ?”
หลินฉ่ายเวยถูกต่อว่าอยู่พักหนึ่ง ในใจที่เดิมทีก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่แล้ว ยังถูกโจวฉวนกั๋วด่าทอเสียกระบุงใหญ่ ความน้อยใจเพิ่มทวีคูณ สุดท้ายจึงร้องไห้ออกมา
“จะร้องไห้ทำไม? เป็นพวกที่ไร้ประโยชน์กันทุกคน!”
โจวฉวนกั๋วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถามอีกว่า “หลานทำอะไรลงไป ถังเฉาถึงกล้าตบตีหลาน?”
โจวเหม่ยหยูนมองดูอยู่นาน จึงแย่งโทรศัพท์ไป พูดขึ้นว่า “คุณพ่อ คุณก็อย่าไปดุด่าฉ่ายเวยมันเลย เป็นเพราะถังเฉาเขาแต่งงานแล้ว วิธีการที่พ่อให้ทำ มันทำไม่ได้!”
“แต่งงานแล้วเหรอ?”
ปลายสายอีกฝั่งหนึ่งนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง น้ำเสียงของโจวฉวนกั๋วเปลี่ยนมาเน้นหนักว่า “ข้อมูลนี้ ถูกต้องหรือเปล่า?”
“เป็นความจริงแน่นนอน!”
หลินฉ่ายเวยที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดสวนขึ้นอย่างรวดเร็ว “ผู้หญิงคนที่ตบตีหลานคนนั้น เรียกตนเองว่าเป็นน้องสาวภรรยาของถังเฉา ไม่ผิดแน่นอน!”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถึงจะเข้าหาเขาอย่างไร ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”
โจวฉวนกั๋วพูดขึ้นว่า “แต่ฉันคิดว่า ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรนัก”
โจวเหม่ยหยูนฟังแล้วถึงกับมึนงง “หมายความว่าอะไร?”
“ในเมื่อถังเฉาคนนั้นแต่งงานแล้ว จะต้องมีภรรยาและลูก ซึ่งผู้ชายในสถานะเช่นนี้จะบอบบางและอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้นมาก”
โจวฉวนกั๋วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนมีแผนการร้ายแอบแฝงว่า “จะทำลายเขาให้สิ้นซาก ต้องทำอีกวิธีหนึ่ง.....”
ฟังมาถึงตรงนี้ ทุกคนต่างขนลุกซู่โดยไม่รู้สาเหตุ
“ท่านปู่ ท่านคิดจะลงมือกับลูกและภรรยาของถังเฉาเหรอ?” หลินฉ่ายเวยสอบถามด้วยความประหลาดใจ
“นี่คือวิธีสุดท้ายหากทำอะไรไม่ได้แล้ว”
โจวฉวนกั๋วพูด “มีไปสืบข่าวมาหรือยังว่าภรรยาของถังเฉาเป็นใครกัน?”
“ยังไม่มี.....”
หลินฉ่ายเวยส่ายศีรษะ เธอเพียงแค่เจอกับน้องภรรยาของถังเฉา
“ข้าน้อยจะไปทำตามที่สั่ง ใครที่ทำผิดต่อเถ้าแก่ใหญ่ คนนั้นก็อย่าได้มีชีวิตสุขสบายเลย!”
หลัวปู้พูดจบ รีบวางสายโทรศัพท์ทันที
ถังเฉาคลายไอสังหารเมื่อครู่ จึงค่อย ๆ เดินเข้าไปในคฤหาสน์จื่อหยวน
หลังจากที่เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์จื่อหยวนได้ประมาณสิบนาที......
ฟู้ววฟู้วว----
แนวต้นไม้ข้างทาง กลับมีหญิงสาวสีหน้าเยือกเย็นสวมเสื้อหนังรัดรูปคนหนึ่งเดินออกมา
เสื้อสีดำ ผมสีดำ กางเกงสีดำ รองเท้าบูทสีดำ แม้แต่ดวงตาของเธอ ก็ยังดำสนิท
แต่งหน้าทาปากได้ขนาดนี้ กล้าแต่งหน้าได้อย่างนี้ ข้างกายของถังเฉา มีเพียงเฟิ่งหวงคนเดียวเท่านั้น
แต่ผู้หญิงคนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เฟิ่งหวง
ลักษณะท่าทางของเธอละม้ายคล้ายหลินชิงเสว่ แต่ไม่เย็นชาเหมือนดั่งหลินชิงเสว่ขนาดนั้น
ถ้าหากพูดว่าหลินชิงเสว่ เป็นเหมือนดั่งภูเขาน้ำแข็งหมื่นปีที่ไม่มีวันหลอมละลาย งั้นหญิงสาวคนนี้ก็เปรียบเสมือนเซียนพระจันทร์ที่แสนเย็นชาในตำหนักจันทรา โดดเดี่ยว เดียวดาย เป็นอุปนิสัยของคน ๆ หนึ่ง
นอกจากนี้แล้ว ยังแฝงด้วยความโศกเศร้าอยู่เล็กน้อย
นับได้ว่าเป็นหญิงสาวที่มีเบื้องหลังคนหนึ่ง
เธอยืนอยู่ถนนฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบ ๆ มองดูถังเฉาเดินหายลับไป ยิ้มที่มุมปาก
รอยยิ้มแบบนี้ ไม่ใช่กระตือรือร้น เห็นได้เด่นชัดคล้ายกับแมลงปอเกาะบนผิวน้ำ เผยให้เห็นเจตนาที่แอบแฝงโดยนัย
แต่ว่า กลับให้คนรู้สึกได้ถึงความสวยงามสะดุดตาเหมือนดอกไม้นับร้อยที่เบ่งบานชูช่อ เสียงนกร้องเซ็งแซ่
“หาตัวคุณพบแล้ว”
“หญิงสาวดีใจจนพูดกับตนเอง
เธอไม่ได้เดินตามเข้าไปในคฤหาสน์จื่อหยวน แต่ยืนอยู่ด้านหน้าอีกไม่กี่วินาที หันหลังและเดินจากไป
ผมดำขลับเปล่งประกาย เหมือนดั่งไข่มุกราตรีที่ลอยเด่นสุกสกาวอยู่บนฟากฟ้า
โดดเดี่ยวเดียวดายดุจหิมะขาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้ามังกรพรีเมี่ยม