ร่างกายของหลี่จิงเซินมีออร่าของความน่ากลัว ทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตร เซินจือชูตื่นขึ้นทันทีจากพื้นที่เย็นเยือก เมื่อเผชิญกับการจ้องมองอันน่ากลัวของชายตรงหน้า เธอก็ไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหน
ทันใดนั้น นิ้วมือที่เห็นข้อต่อชัดเจนก็คว้าคางของเธอไว้ เซินจือชูถูกบังคับให้เงยหน้าเธอมองไปด้วยสายตาตกใจ
“จิงเซิน ทำไมคุณกลับมา? ”
“ฉันอยากกลับฉันก็กลับ ทำไมฉันต้องรายงานเธอด้วยเหรอ? ” หลี่จิงเซินคุกเข่าลงบนเตียงและกดทับบนตัวเธอโดยไม่คำนึงถึงการต่อต้านของเซินจือชู การกระทำของเขาช่างรุนแรง เขาบีบข้อมือของเซินจือชูอย่างไร้ความสงสาร
เมื่อรู้สึกว่าผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาจากผ่อนคลายเป็นแข็งกร้าว และสุดท้ายก็ดิ้นรนต่อต้าน เธอพยายามต้านทานอย่างสุดพละกำลัง แต่ขาของเธอถูกกดเอาไว้
เซินจือชูตื่นตระหนก เธอไม่เคยเห็นหลี่จิงเซินเช่นนี้มาก่อน เขาเหมือนหมาป่าที่กำลังจะฉีกเธอออกเป็นชิ้น ๆ และกลืนกิน เธอกลัวเขามาก หลี่จิงเซินที่แสนอ่อนโยนและสง่างามในความทรงจำของเธอเริ่มเลือนรางไปเรื่อย ๆ
เธอเริ่มร้องขอความเมตตาโดยไม่รู้ตัว: "จิงเซิน ฉันเจ็บมาก..."
"เซินจือชู เธอนี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือว่าร่างกายของเธอ มันทำให้ฉันอยากอ้วก" ผู้หญิงอย่างเซินจือชูไม่สมควรที่จะได้รับสิ่งดี ๆ การได้รับการปรนนิบัติอย่างดีเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกินฝัน
ร่างกายของเซินจือชูแข็งทื่อ เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น ใบหน้าของเธอเหมือนกระดาษเก่าในแสงสลัว ไร้ซึ่งสีเลือด
เธอควรจะชินกับการดูถูกของหลี่จิงเซิน แต่ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเธอถึงยังเจ็บปวดมากขนาดนี้ ราวกับว่าโดนกำไว้ในมือแล้วทุบให้แหลก
หลี่จิงเซินไม่ค่อยกลับมา เขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นโสเภณี พอว่างไม่มีอะไรก็มานอนด้วยแล้วก็ไป เหมือนเพื่อ "เติมเต็ม" หน้าที่ของเธอในฐานะสามีและภรรยา
วันนี้เซี่ยหมิงเยว่ได้รับบาดเจ็บ ตามหลักแล้วเขาควรจะอยู่กับคนรักของเขาที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้เขากลับมาปรากฏตัวในห้องนอนของเธอตอนกลางดึก... เซินจือชูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและคิดได้ว่า เขาจะต้องมีเรื่องขัดแย้งกับเซี่ยหมิงเยว่แน่นอน ไม่อย่างนั้นจะมาหาเธอได้ยังไง?
แต่คืนนี้เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะมารับมือกับเขาอีกแล้ว เซินจือชูผลักหน้าอกที่แข็งแรงของชายหนุ่มและหนีไปพื้นที่ว่าง ขณะที่เธอเพิ่งจะยืนขึ้น ผมยาวสลวยก็ถูกดึงจากด้านหลัง
“โอ้ยย...” เซินจือชูคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและเอนตัวไปข้างหลัง “หลี่จิงเซิน วันนี้มันดึกแล้ว ฉันไม่อยากจะทำ...”
ไม่รู้ว่าประโยคนี้ไปทำให้เขาขุ่นเคืองใจตรงไหน ใบหน้าที่มืดมนของหลี่จิงเซินน่ากลัวเป็นพิเศษภายใต้แสงและเงา เขาคว้ามือของ เซินจือชูแล้วกดใบหน้าของเธอไปที่หมอน
“เซินจือชูเธอจะมาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอะไรกัน? เธออยากหรือไม่อยากฉันจะไม่รู้หรือไง? ข่มขู่ให้ฉันแต่งงานด้วย ตอนนี้จะมาแสร้งทำเป็นคนดีงั้นเหรอ?”
มันแย่มาก ๆ ... เซินจือชูแม้แต่หายใจยังสั่น เธอจ้องไปที่เพดาน น้ำตาเอ่อคลอในดวงตา เธอไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้อีกและมันก็เปียกไปยังหมอน
นี่คือคนที่เธอต้องการจะแต่งงานด้วย ใช้คำพูดที่เลวร้ายที่สุดทำร้ายเธอจนปวดร้าวไปหมด
หลี่จิงเซินมองดูดวงตาที่เปียกชื้นของเธอ หัวใจของเขาก็บีบรัด เขาดึงเนกไทที่คอออกอย่างหงุดหงิดและมัดมือของเซินจือชูไว้ที่หัวเตียง
เซินจือชูอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากมะเร็งกระเพาะอาหาร เอาปลายลิ้นดุนฟันไว้แน่น เธอกลั้นเสียงและพยายามกลืนเลือดที่คาวอยู่ในปากอย่างสุดความสามารถ เธออยากจะตาย มันเจ็บปวดจนเธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
หลี่จิงเซินมองไปที่หญิงสาวที่ขดตัวอยู่บนเตียงราวกับแมว เธอตัวสั่นมองดูแล้วก็ค่อนข้างน่าสงสาร
หลี่จิงเซินไม่ได้มองเธออยู่ในสายตาเขาไม่ได้ใส่ใจเธอเลยด้วยซ้ำ เซินจือชูนั้นสุขภาพดีมาโดยตลอด ทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่นเช้าวันถัดมาก็ยังไปทำงานตรงเวลาเป็นปกติ เขาอยู่กับเธอมานาน ไม่เคยเห็นเธอป่วยเลยด้วยซ้ำ
ผมยาวของเธอยุ่งกระเซอะกระเซิงอยู่บนเตียง แผ่นหลังของเธอก็ผอมแห้ง และเมื่อเธอก้มตัว สะบักทั้งสองของเธอก็เหมือนกับผีเสื้อที่กำลังจะกางปีกออก
เขาอดที่จะเอื้อมมือไปจับมันไม่ได้ ขณะที่ปลายนิ้วแตะมัน หญิงสาวก็ดูเหมือนจะตกใจและจู่ ๆ ก็หลบไปด้านข้าง ดวงตาของหลี่จิงเซินฉายแววดุร้าย ภายในใจก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“ปกตินิ่งเหมือนปลาตาย วันนี้อยากจะเล่นแมวจับหนูหรือยังไง? แต่ฉันจะบอกเธอให้นะมันไม่มีประโยชน์!” อยู่ ๆ ภายในใจของหลี่จิงเซินก็เหมือนมีไฟปะทุขึ้นมา ไฟลูกนี้มันมาจากไหนไม่รู้จนเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะดับมันยังไง
เขาไม่อยากจะยอมรับว่าความรู้สึกนี้มันมาจากเซินจือชู มันควรจะเป็นกับเซี่ยหมิงเยว่เท่านั้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่เซี่ยหมิงเยว่พูดกับเขาในโรงพยาบาลและถามเขาว่าจะหย่าเซินจือชูเมื่อไหร่ อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไปไปทันที
หลี่จิงเซินกัดฟันแน่น เซินจือชูมีค่าอะไรให้เขากับเซี่ยหมิงเยว่ต้องมาทะเลาะกันเพราะหล่อน?
เซินจือชูกอดตัวเองราวกับเต่าหดตัวเข้าไปในกระดอง แสดงถึงการป้องกันตัว เธอรู้สึกหนาวมาก แม้ว่าจะเปิดเครื่องปรับอากาศและห่มผ้าห่ม แต่เธอก็ไม่สามารถต้านทานความหนาวเย็นได้
เหมือนว่าที่หัวใจของเธอจะมีบาดแผล และแผลนี้มันก็ติดเชื้อ และอวัยวะภายในก็เน่าเปื่อยไปหมด
เธอสามารถทนต่อความเจ็บปวดกัดฟันและกล้ำกลืนมันได้เสมอ แต่คราวนี้เธออดไม่ได้จริงๆ เมื่อความคิดเรื่องการหย่าร้างเข้ามาในหัวใจของเธอ มันก็ลามออกไปอย่างบ้าคลั่ง
รอตอนที่เธอมีเรี่ยวแรงแล้วค่อยคุยกับหลี่จิงเซินแล้วกัน เธอกำลังจะตายไม่มีเวลาจะไปประจบเอาใจเขาอีกแล้ว
ตอนที่เซินจือชูเจ็บปวดจนกำลังจะหมดสติ เธอก็ได้ยินประโยคสุดท้ายจากหลี่จิงเซิน
เซินจือชูคิดไปคิดมา และพบว่าคนข้างกายที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับช่วงต่อเซินกรุ้ป คือหลี่จิงเซิน สามีตามกฎหมายของเธอ ผู้ซึ่งต้องการให้เซินกรุ้ปล้มละลาย
หว่างคิ้วของเซินจือชูเต็มไปด้วยความกังวล เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาของเธอก็ดิ่งลึก เหมือนกับหยดหมึกที่ละลายลงไปในนั้น มันดำดิ่งจนไม่อาจละลาย เธอยกมือซ้ายขึ้นทาบบนหน้าต่างที่เย็นยะเยือก ปลายนิ้วของเธอเย็นเฉียบ เธอใช้นิ้วเคาะกระจกเป็นจังหวะ
ภายในห้องทำงานเงียบมาก ทำให้ได้ยินเสียงเคาะดังชัดเจนเป็นพิเศษ เวลาที่เซินจือชูตลอดการปลดปล่อยความคิด เธอชอบเหม่อลอยตกอยู่ในความเงียบ ราวกับว่ามีแค่วิธีนี้เท่านั้นถึงทำให้เธอลืมความเจ็บปวดไปได้ชั่วคราว
จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็สั่นขึ้นมากะทันหัน เซินจือชูกลับมารู้สึกตัวและมองไปรอบ ๆ เห็นคำว่า "พ่อ" ปรากฏบนหน้าจอที่ห่างออกไปสามเมตร
พ่อควรจะเป็นหนึ่งในคำพูดที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่สุดในโลก แต่มันเป็นเพียงชื่อที่เย็นชาสำหรับเซินจือชู เธอเดินไปรับโทรศัพท์
“เซินจือชู โอนเงินเข้าบัญชีของฉันให้หน่อยสองล้าน” เสียงของเซินฉางหนานนิ่งลึกและเย็นชา
เซินจือชูกำโทรศัพท์แน่น: “พ่อคะ พ่อโทรมาหาหนูเพียงเพื่อเงินเหรอ?”
น้ำเสียงของเซินฉางหนานติดรำคาญหน่อย ๆ : "ลูกสาวให้เงินพ่อก็เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแกดูแลเซินกรุ้ป แกคิดว่าฉันจะมาขอเงินแกเหรอ? ถ้าแกไม่อยากให้เงินฉันแกก็แบ่งหุ้นของเซินกรุ้ปมาให้ฉันซะ”
เซินจือชูรำลึกถึงคำว่า "ลูกสาว" สองคำนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าพ่อของเธอยังจำได้ว่าเธอเป็นลูกสาวของเขา ไม่ใช่ตู้กดATMที่เย็นชา
เขาจำได้ว่าเธอเป็นลูกสาวของตัวเอง แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยสนใจเธอเลย เธอเองก็ไม่ขอให้เซินฉางหนานทำดีต่อเธอมากมาย ขอแค่เอ่ยถามคำถามธรรมดา ๆ กับเธอ กินข้าวหรือยัง? ช่วงนี้สุขภาพเป็นยังไงบ้าง? ทำงานเหนื่อยไหม แค่เป็นคำถามพวกนี้ก็พอ...อันที่จริงแล้วเธอเป็นคนที่เอาใจง่ายจะตาย ขอแค่ถามคำถามที่แสดงความห่วงใยก็พอแล้ว
“แกได้ยินไหม!” เซินฉางหนานส่งเสียงต่อว่าผ่านโทรศัพท์
เซินจือชูระงับอารมณ์ของเธอ: "เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหนูเพิ่งจะโอนไปให้หนึ่งล้านไม่ใช่เหรอ? นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน พ่อใช้หมดแล้ว? "
“เงินแค่นั้นจะเอาไปทำอะไรได้” เซินฉางหนานรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เมื่อเขาคิดว่าเซินจือชูเป็นคนดูแลบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ บางทีวันหนึ่งก็มีรายได้มากกว่าหลักล้านแล้ว ภายในใจของเขาก็มีความรู้สึกมั่นใจขึ้นมา
“รีบโอนเงินมา ไม่อย่างนั้นฉันจะไปขอที่บริษัทของแก ฉันจะรอดูตอนนั้นว่าคนที่จะขายหน้าคือแกหรือว่าฉัน”
"หนูให้เงินได้ แต่ต้องบอกหนูว่าจะเอาเงินไปทำอะไร" เงินสองล้านมันไม่ใช่ตัวเลขน้อย ๆ
เมื่อเห็นเซินจือชูยอมอ่อนข้อ เซินฉางหนานก็ลดน้ำเสียงลง “เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันถูกใจโครงการลงทุนอันหนึ่งเข้า ขาดเงินแค่สองล้านพอดี รอให้ฉันทำเงินได้ก่อนฉันจะไม่มาขอจากแกอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้านาย อาชญากรรมของมาดามไม่ได้ถึงตาย