ตู้ไห่ผิง เรียก เถียนเถียน เข้าไปในบ้านและบอกว่าอาหารเกือบจะพร้อมแล้ว
เถียนเถียนน้ำลายไหลและเข้าบ้านไปอย่างดีใจ
ในใจลึกๆ ก็รู้สึกได้แล้วว่ามีปะป๊าที่ทำอาหารเป็นแบบนี้ ช่างมีความสุขจริง
เมื่อเข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยจากในครัว
เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น
ใบหน้าเล็กๆ โผล่ไปที่ประตูแล้วพูดว่า "ว้าว ปะ...คุณทำอาหารอีกแล้วเหรอ? หอมจัง..."
เธอเกือบจะโพล่งเรียกปะป๊าออกไปแล้ว
ซ่งซานสี่หันกลับมาและพูดด้วยรอยยิ้ม "เถียนเถียนกลับมาแล้วเหรอ"
"อืม!" เถียนเถียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง สายตาของเธอจับจ้องไปที่จานอาหาร
ดูดีจัง หิอมมาก
ซ่งซานสี่หยิบถังหูลู่มาชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็อุ่นในไมโครเวฟ
เธอยื่นไปให้ “เถียนเถียน อ่ะให้ กินไปก่อนนะ พ่อยังต้องรออีกเดี๋ยว แม่จะมากินข้าวเย็นด้วยคืนนี้”
"ว้าว!หม่าม๊า~~~" เถียนเถียน หยิบขนมถังหูลู่หน้าตาน่ากินเอาไว้ น้ำตาแห่งความตื่นเต้นไหลออกมา "ขอบคุณ b...นะ!"
ซ่งซานสี่หัวเราะ "ไม่เป็นไร พ่อสมควรทำอยู่แล้ว ไปเถอะ ไปกินข้างนอก ห้องครัวมีแต่ควันน้ำมัน"
"อือ..."
ด้านนอกประตู ตู้ไห่ผิง เล่าให้ซูโหย่วหรง ภรรยาของเขาฟังถึงสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินในโรงพยาบาล รวมถึงการตัดสินใจของเขา
นอกจากนี้ เขายังเยาะเย้ย "ไอสารเลวนี่ เป็นพวกบ้าชอบก่อเรื่องจริงๆ! จากน้ำเสียงของหมอ คงเป็นมานานแล้ว คุณว่า คนสารเลวแบบนี้ เขาคู่ควรกับโหย่วหรงไหม ดีพอที่จะเป็นพ่อของเถียนเถียนไหม? ไม่งั้น.."
ซูโหย่วหรง หน้าซีดขาว และถึงกับเดินโซเซ
ฉันไม่ได้ยินชัดแล้วว่าสามีพูดอะไร และเกือบจะหมดสติไป
ถ้าไม่ได้ตู้ไห่ผิงโอบเธอไว้ ก็อาจจะล้มลงกับพื้นไปแล้ว
เธอน้ำตาไหลออกมา "นี่... นี่..."
เธอด่าไม่ออก
ลำคอของเธอตีบตัน
ในใจของเธอคิด: สองเดือนที่แล้ว ตู้ไห่ผิง ไปทริปธุรกิจ ซ่งซานสี่ไอ้เดรัจฉานนั่นมันทำกับเธอ..”
พระเจ้า แบบนี้เธอก็จะป่วยระยะสุดท้ายด้วยไม่ใช่เหรอ?
ตู้ไห่ผิง หายใจเข้าลึก ๆ เขาได้กลิ่นน้ำหอมของภรรยา และเช็ดน้ำตาของเธอ
ในอ้อมแขน ใบหน้าของ ซูโหย่วหรง ซีดขาว ร่างกายของเธอสั่นเทา ในใจของเธอกำลังหวาดกลัว
ตู้ไห่ผิง พูดเบา ๆ ว่า "เฮ้อ อย่าเสียใจไปเลย ผมรู้ว่าพวกคุณพี่น้องรักใคร่กันมาก คุณรัก โหย่วหรง และเอ็นดู เถียนเถียน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเด็ก คุณควรบอก โหย่วหรง เป็นการส่วนตัวดีกว่า บอกเธอไม่ว่าจะยังไงก็ไปหย่าซะ ถ้าไอ้สารเลวนั่นก่อเรื่อง ผมจะไปหยุดมัน”
ซูโหย่วชิงปิดปากของเธอ ร่างกายแทบไร้เรี่ยวแรง
มันขมขื่นจนบรรยายไม่ถูก
ในใจคิดว่า พรุ่งนี้ เธอต้องไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดู
เมื่ออาหารเย็นพร้อมแล้ว ซูโหย่วชิงก็ยังไม่มา
ซ่งซานสี่เก็บของ และหยิบกล้องข้าว จากนั้นก็ขับรถเบนซ์เพื่อไปส่งอาหารให้ซูโหย่วซิน
หลังจากเขาออกไปได้ครู่หนึ่ง ซูโหย่วหรงก็มาถึง
ซูโหย่วหรงเปลี่ยนเป็นชุดนางแบบที่สวยงาม
ดาวน์แจ็คเก็ตสขาว ดรสตัวเล็กสีดำ ถุงเท้ากันหนาวผ้าไหมสีขาว และรองเท้าบูตส้นสูงคู่หนึ่ง
ทรงผมดัดสไตล์ใหม่ ดูเรียบลื่นและดำเงางามเป็นพิเศษ
เมื่อเข้าประตูไป พี่สาวคนโต พี่เขยคนโต และเถียนเถียนต่างก็ตกใจ
เธอ สวยมาก!
ราวกับว่า ไม่เคยสวยขนาดนี้มาก่อน
“หม่าม๊า!” เถียนเถียนร้องเสียงใส จากนั้นก็พุ่ง้ข่าไปสู่อ้อมกอดของมารดา
น้ำตาไหลพรากลงมา
ซูโหย่วหรงโอบกอดลูกสาวเอาไว้ด้วยความอ่อนโยนอย่างมาก
เธอกอดเถียนเถียนน้ำตาไหลอาบหน้า จากนั้นก็จูบครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉากนี้ ทำเอาซูโหย่วชิงแอบปาดน้ำตา
น้องสาวผู้น่าสงสารและลูกสาวของเธอ!
ตู้ไห่ผิง เองก็ใจร้อนอยู่บ้าง เขารีบพูดว่า "โหย่วหรงมาแล้วหรือ เร็วเข้ามากินข้าวกับเถียนเถียนเถอะ อาหารของไอ้สารเลวนั่นยังพอกินได้”
ซูโหย่วหรงอุ้มเถียนเถียน และได้กลิ่นอาหารหอมฉุย
น้ำตาของ ซูโหย่วหรง ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ไหลออกมาทันที
เธอจับมือน้องสาวแล้วส่ายหัว มันเป็นความงามที่น่าเศร้า
“พี่ใหญ่ พี่เป็นอะไรไป?” ซูโหย่วหรงแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอรีบพูดด้วยความกังวล
พี่สาวคนโตเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในบรรดาพี่สาวสามคน
ซูโหย่วหรงแข็งแกร่งที่สุด มีเหตุผลที่สุด แต่ก็ขมขื่นที่สุดเช่นกัน
ส่วนน้องสาวซูโหย่วซินเป็นคนซื่อสัตย์และใจดี เธอจึงถูกรังแกได้ง่ายที่สุดที่โรงเรียน
ซูโหย่วชิงนั่งลงข้างเตียง เธอเช็ดน้ำตาและถอนหายใจ
จากนั้นก็เล่าเรื่องออกมา
ขณะที่พูด เธอก็ร้องไห้ เสียใจ โกรธ และทำอะไรไม่ถูก
ส่วนซูโหย่วหรง จิตใจของเธอกำลังปั่นป่วน
ใบหน้าของเธอซีดขาวและแทบจะเกือบตกเตียง
ฟันสีขาวกัดแน่น มือกำหมัดแน่นจนเล็บทิ่มเข้าไปในเนื้อ
แต่ที่น่าแปลกคือ เธอไม่หลั่งน้ำตาและกลืนมันลงไปอย่างลับๆ
ตอนนี้ เธอแทบคิดที่จะฆ่าคน
เนื้อตัวเธอสั่นไปหมด เธอกอดพี่สาวไว้แน่นและไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน
น้ำตาของ ซูโหย่วหรง เปียกเสื้อผ้าของเธอ
เป็นเวลานาน ซูโหย่วชิงถึงพูดอย่างเศร้าใจว่า "โหย่วหรงพี่หวังว่าเธอจะมีวันที่ดีจริงๆ! แต่ว่า ไอ้สัตว์ร้ายตัวนี้ ไอ้สารเลว ได้ทำลายครอบครัวของเราไปแล้ว! เธอต้องอดทนไว้ พรุ่งนี้หาเวลาไปตรวจดูเถอะ? ถ้าหากเขา...แพร่เชื้อให้เธอล่ะ?”
ซูโหย่วหรงหลับตาเพื่อหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา
เธอพยักหน้าและหายใจเข้าลึกๆ
"อืม..."
ซูโหย่วชิง พยักหน้า ในใจรู้สึกเจ็บปวด เธอตัดสินใจไม่ไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอกับน้องสาวของเธอ
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง "โหย่วหรง ถ้ามันเป็นเรื่องจริงก็อย่าหุนหันพลันแล่น! ถ้าเขาบ้าขึ้นมาแล้วทำร้ายเธอก็ไม่ดีแน่ แม้ว่าจะเป็นการหย่าร้าง ก็ควรหาทนายความมาฟ้องเขาและยื่นขอความคุ้มครองทางกฎหมาย"
“พี่สาว ฉันรู้ ไอ้สารเลวนี่ รอให้ฉันได้รับหลักฐาน ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเขา เขาจะไม่มีทางทำร้ายฉัน เถียนเถียน และพวกคุณได้อีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าพ่อกบฏโลก
อัพเดทหน่อยครับ...
อัพเดทหน่อยเถอะ...
อัพเดทตอนหน่อยครับแอด...