หลังจากที่ซูโหย่วหรงกลับไป รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยเข้าครัวมานานมาก ๆ แล้ว ซ่งซานสี่เป็นฝ่ายที่ทำกับข้าวมาโดยตลอด
ในเมื่อเขากำลังวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า งั้นก็ดี ทำอาหารเช้าให้เขากินสักมื้อก็ได้!
ยังไงตอนนี้หน้าที่การงานของเธอก็ค่อนข้างชิลล์ เวลาก็ไม่รีบด้วย
ทำอาหารเช้าทุกอย่างเสร็จ และเธอได้รับข้อความหนึ่งข้อความ
“เรื่องใหญ่ที่สำคัญถึงชีวิต……รักนะ……”
ซูโหย่วหรงมองหน้าจอโทรศัพท์พลางยิ้มอย่างขมขื่น
และไม่เชื่อคำพูดของเศษสวะนี่อย่างเคย
นี่เพิ่งเป็นคนดีได้แค่กี่วันเอง เริ่มโกหกอีกแล้วเหรอ?
เดิมทีเธอก็มีความรู้สึกอะไรต่อซ่งซานสี่อยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่มีความคิดที่จะโทรถามเลยด้วยซ้ำ
อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ!
เป็นผู้หญิง สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาตัวเอง
ฝั่งซูโหย่วชิง ได้รับข้อความตอนหกโมง 40 นาที
และตู้ไห่ผิงก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เตรียมตัวจะออกจากบ้านพอดี
หยิบโทรศัพท์ของภรรยาที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมาดู แล้วแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ไอ้เศษสวะ! คำพูดผี ๆ แบบนี้ ใครเขาจะเชื่อ?”
ซูโหย่วชิงตื่นขึ้นมา “มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
“คุณต้องไปดูเอง!”
เมื่อซูโหย่วชิงเห็นข้อความแล้ว เธอก็ผงะไปเลย
ตู้ไห่ผิงพูดอย่างดูหมิ่น: “เพิ่งดีขึ้นแค่กี่วันเอง? ก็กะจะไม่มาทำกับข้าวแล้วเหรอ? ยังเรียกแทนตัวเองว่าเป็นพ่อของเถียนเถียนอีก ยังมีหน้ามาบอกว่ารักเถียนเถียนอีก ถุ้ย! หน้าด้านไร้ยางอาย!”
“บางที……มันอาจจะมีเรื่องจริง ๆ ก็ได้มั้ง?”
“มีเรื่องกับผีน่ะสิ! จะพูดเข้าข้างมันทำไม? โกหก หลอกลวง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนตัวมันเป็นประจำเลยไม่ใช่หรือไง? เศษสวะก็คือเศษสวะ กลับเข้าสู่ร่างเดิมแล้วสินะ!”
ตู้ไห่ผิงบ่นพลางออกจากบ้าน
ซูโหย่วชิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ขอให้ซ่งซานสี่มีเรื่องจริง ๆ ก็แล้วกัน อย่าเป็นข้ออ้างเด็ดขาด
ไม่ว่ายังไงช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ น้องสาวคู่แม่ลูกก็เริ่มมีความสุขเล็กน้อยแล้ว
ส่วนเธอนั้นก็รู้สึกไม่แย่เช่นกัน
ซูโหย่วชิงทำได้แค่ลุกขึ้นมาจากเตียง ทำอาหารเช้าให้เถียนเถียน
บนใบหน้าที่อ่อนนุ่มเต็มเปี่ยมไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดพึมพำ: “คนร้ายจะ……เปลี่ยนเป็นคนร้ายอีกแล้วใช่ไหมคะ……เขาผิดคำพูด……”
“ปากก็บอกว่ารักหนู แต่จะไม่มาทำอาหารเช้าให้หนูอีกแล้ว! คุณป้าคะ เขาไม่ผ่านบททดสอบแล้วใช่ไหมคะ?”
ซูโหย่วชิงมองดูหลานสาวที่อารมณ์หลากหลายพลางลูบศีรษะของเธออย่างรักใคร่เอ็นดู
“เถียนเถียน หากเกิดพ่อหนูติดธุระจริง ๆ ล่ะ? หนูจะให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่งไหม?”
“คุณป้า คุณป้าเป็นคนดีจังเลยค่ะ พูดเข้าข้างเขาด้วย”เถียนเถียนนึกคิดอยู่พันหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เขาเคยบอกว่าวันเสาร์นี้จะพาหนูไปสวนสนุก ไปนั่งม้าหมุน ถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่ให้โอกาสอีกแล้วนะคะ หึ……”
“ก็วันมะรืนแล้วนี่ ป้าว่า……เขาต้องพาหนูไปแน่นอน”
“ทำไมป้าถึงคิดว่าเขาจะพาหนูไปล่ะคะ? ทำไม……คุณป้า เหมือนเชื่อใจคนร้ายเลยคะ? แม่เคยบอกแล้วว่าเป็นคนร้ายนี่เลวร้ายมาก ๆ เลยนะคะ จะเชื่อใจคนร้ายง่าย ๆ มาได้น้า……”
ซูโหย่วชิงยิ้มอย่างจนปัญญา เจ้าหลานสาวพิลึกกึกกือเอ๊ย……
……
อีกฝั่งหนึ่ง ซ่งซานสี่ถอดชุดผ่าตัดออก ก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาข้างนอก
โว้ว!
ญาติพี่น้องตระกูลหลี่มีเยอะเป็นแถบ
อย่างไรเสียอาการของนายท่านหลี่นั้นอันตรายมาก ซึ่งมีโอกาสที่พวกเขาจะได้เจอหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย
คนนับร้อยอัดแน่นอยู่นอกทางเดิน
มีทั้งคนในตระกูลหลี่ เบื้องล่างและเพื่อน ๆ ในอดีตของนายท่านหลี่อีก
แต่ละคนต่างเป็นห่วงและร้อนรนอย่างมาก
ผู้คนในตระกูลหลี่ได้จัดแจงข้าวกล่องอาหารเช้าไว้ แต่ไม่มีใครมีกะจิตกะใจในการกินเลย ต่างถือข้าวกล่องไว้ในมือ
คนจำนวนไม่น้อยก็รู้จักซ่งซานสี่เช่นกัน ตอนมาถึง เมื่อได้ยินว่าเขาเป็นคนทำการผ่าตัด คนเหล่านั้นก็รู้สึกเหลือเชื่อมาก ๆ
หลี่เจิ้งกังก็เดินนำเข้ามาเช่นกัน “ไอ้คนล้างผลาญ เป็นยังไงบ้าง?”
ด้านหลังเขา มีแววตาที่ดูร้อนรนใจเป็นแถบ และมีความไม่เชื่อใจปะปนอยู่ด้วย
เนื่องจากเลยช่วงเวลาชีวิตสองชั่วโมงสุดท้ายของนายท่านหลี่ไปตั้งนานแล้ว
ซ่งซานสี่ตอบกลับอย่างสงบนิ่งว่า: “อาหลี่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ การผ่าตัดสำเร็จแล้ว ทางหมอยังเย็บแผลอยู่ ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการอีก ขอตัวก่อนนะครับ”
หลี่รุ่ยหยางรีบตอบกลับ
หัวใจตื่นเต้นหวั่นไหวขึ้นมา
เพื่อนคนนี้เก่งกาจเกินไปแล้ว ต้องถามทุกอย่างให้ชัดเจน
สรุปเธอไม่มีความคิดที่จะรอดูอาการปู่แล้ว
ถือกล่องข้าวอาหารเช้าเดินขึ้นรถซ่งซานสี่
ซ่งซานสี่ขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังถนนปินเจียง
“ฉันว่าไอ้คน……”สุดท้ายหลี่รุ่ยหยางก็เอ่ยปากพูดออกมาไม่ได้ “ซ่งซานสี่ ทำไมนางถึงเก่งขนาดนี้เนี่ย? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะว่านายเคยเรียนแพทย์ด้วย!”
“ผลของความตายตัวน่ะ เมื่อคนพูดถึงซ่งซานสี่ ก็จะรู้แค่เป็นเศษสวะตัวหนึ่ง แต่ตอนที่ซ่งซานสี่ทุ่มเทก้าวไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ กลับไม่มีใครรู้เลย”
“ที่นายพูดมา……เหมือนก็มีเหตุผลนิดหนึ่งอยู่นะ แต่ว่านายไปเรียนแพทย์มาจากไหนน่ะ?”
ซ่งซานสี่หันหน้ากลับมามองเธอรอบหนึ่ง “เธอไม่กินอาหารเช้าเหรอ?”
“ฉัน……”หลี่รุ่ยหยางมองกล่องอาหารเช้าขนาดใหญ่ในมือพลางยิ้มอย่างขมขื่น “สถานการณ์แบบนั้น ฉันจะมีอารมณ์กินอาหารเช้าได้ยังไงล่ะ?”
“ตอนนี้มีอารมณ์กินแล้วใช่ไหม? ถ้าเกิดไม่มีก็ขอร้องล่ะ ฉันหิวแล้ว การผ่าตัดครั้งหนึ่งสูญเสียกำลังแรงมากกว่าวิ่งตอนเช้าอีก”
“เอ่อ……”หลี่รุ่ยหยางรู้สึกตะลึง ก่อนจะดึงสติกลับมา “ก็ได้ นายกินเถอะ! ฉันมีความสุข ไม่หิว”
“ฉันขับรถอยู่ จะกินยังไงเนี่ย? หนทางเป็นหมื่นสาย แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนเป็นสิ่งแรก ขับรถไม่ผิดกฎ ญาติพี่น้องน้ำตาไหลพราก”ซ่งซานสี่พูดอย่างเรียบนิ่ง
“เหอะ! พูดมาก! ช่างเถอะ ในฐานะที่เห็นว่านายสร้างคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เดี๋ยวฉันป้อนนายแล้วกัน!”
หลี่รุ่ยหยางอดหัวเราะไม่ได้ ใบหน้ายังแดงก่ำอีก แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงที่บุคลิกลักษณะอาจหาญคนหนึ่ง ไม่คำนึงถึงพิธีรีตองเล็ก ๆ น้อย ๆ
ดังนั้นซ่งซานสี่จึงขับรถเอง และไม่ซิ่งแล้ว
หลี่รุ่ยหยางป้อนซาลาเปาน้ำซุป ปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ให้เขา
สถานการณ์ในตอนนี้ดูมีลับลมคมในมากจริง ๆ
แน่นอนอยู่แล้วว่าซ่งซานสี่ก็บอกให้เธอกินเช่นกัน อย่าเอาแต่ป้อนเขา
ก่อนถึงไฟแดง ซ่งซานสี่ค่อย ๆ เหยียบเบรค
น้ำมันของซาลาเปาน้ำซุปไหลออกมาจากมุมปาก หลี่รุ่ยหยางจึงรีบดึงซาลาเปากลับมา หยิบกระดาษทิชชูออกมาเช็ดมุมปากให้ซ่งซานสี่
รถเมล์คันหนึ่งค่อย ๆ ขับมาจอดฝั่งซ้าย
ซูโหย่วหรงนั่งอยู่ริมหน้าต่างและมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้พอดี……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าพ่อกบฏโลก
อัพเดทหน่อยครับ...
อัพเดทหน่อยเถอะ...
อัพเดทตอนหน่อยครับแอด...