ตอนที่ 260 ไปยังประเทศออสเตรเลีย
เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ หลังเป่หมิงโม่สูบบุหรี่นั้นเสร็จ เขานำก้นซิการ์ทิ้งลงที่เขี่ยบุหรี่......
แล้ว เขาหันหลังไป......
“นายท่านครับ ท่านจะไปไหน”
เขาเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า ดึงกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วพูดขึ้นมาสามคำ......
“ออสเตรเลีย”
ฉิงฮัวรู้สึกตะลึงมาก แต่ก็ดีใจไม่น้อย
“ครับนายท่าน ผมจะช่วยเก็บของเดี๋ยวนี้เลยครับ”
……
ซิดนีย์
อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าสีคราม ดวงดาวที่กระจัดกระจายประกายตาในยามค่ำคืน เป็นสถานที่ที่ชักชวนผู้คนไปสัมผัสบรรยากาศนั้น……
ซิดนีย์ เมืองที่เจริญรุ่งเรืองเหมือนความฝันในออสเตรเลียแห่งนี้ สีสันละลานตาและผู้คนสันสัญจรไปมาในยามค่ำคืนอย่างไม่มีการหลับไหล ณ เวลานี้ แสงไฟส่องสว่างในยามค่ำคืนมันทำให้ดวงดาวที่ส่องสว่างได้มืดมัวลงไป
และค่ำคืนนี้ เป็นการรอคอยในรอบสี่ปีของชาวซิดนีย์ “Billodis” พิธีมอบรางวัลจิตรกรรมภาพวาดของเด็กนานาชาติ
เป็นเพราะว่าประวัติของ “Billodis” คือชื่อเสียงที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ จึงถูกตั้งเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ของชาวศิลปินเด็กในนานาชาติ
พิธีมอบรางวัลในปีนี้ จะจัดขึ้นในแกรนด์เธียเตอร์ที่หรูหราที่สุดของซิดนีย์
พรมแดงอันหรูหราปูยาวไปถึงลานหน้าสุดของแกรนด์เธียเตอร์แห่งนี้ ทั้งสองด้านเต็มไปด้วยสื่อและนักข่าวที่กำลังหิวกระหายในการนำเสนอรางวัลนี้
สิ่งที่แตกต่างจากการมอบรางวัลทั่วไปคือ ผู้คนที่มาร่วมงานนี้ส่วนใหญ่จะมากับผู้ปกครอง และผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลนี้ จะมีตั้งแต่ศิลปินเยาวชน ศิลปินอาวุโส และทั้งหมดที่ได้รับเชิญมาร่วมงานนี้มีหลาย ๆ ท่านเป็นศิลปินระดับปรมาจารย์ และบางท่านเป็นนักวาดโด่งดังระดับโลกเลยทีเดียว
เมืองที่งดงามแห่งนี้ตามด้วยภาพวาดงดงามของเด็ก ๆ จากทั่วมุมโลก ทำให้ทุกอย่างมีสีสันและสนุกสนานมากขึ้น
และที่สำคัญผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนี้เป็นเด็กน้อยวัยห้าขวบที่เป็นเชื้อสายชาวเอเชีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้สึกน่าทึ่งและรอคอยมาก
กู้ฮอนจับมือเด็กน้อยหยางหยางแล้วยืนอยู่ด้านหน้าประตูของฮอลล์นิทรรศการ ทั้งสองกำลังอึ้งกับงานที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้อย่างทำตัวไม่ถูก
หยินปู้ฝันก็แต่งชุดสูทครบชุดแล้วจับมืออีกข้างของหยางหยางไว้
“โอ้โห คุณแม่ครับ ที่นี่มีเพื่อน ๆ เด็กน้อยเยอะแยะเลยครับ แฮะ ๆ ตื่นเต้นจังเลย” วันนี้หยางหยางใส่ชุดสีขาวทั้งชุด การแต่งตัวดูเป็นฮีโร่ตัวน้อยและบุคลิกดูดีมาก
แต่ในสายตาของหยินปู้ฝันเขาก็คือนักเลงคนนคง ต่อให้ดูดีแค่ไหนก็คือนักเลงคนนึง เขาหยิกหูใบน้อย ๆ ของหยางหยางเบา ๆ “เจ้าตัวแสบ รีบเช็ดน้ำลายซะ เธอโตที่อเมริกานะ ไม่เคยเห็นสาวน้อยต่างประเทศเหรอ”
“โอ๊ย ๆ ๆ ...... เจ็บนะ ตาลุงปู้ฝัน......” หยางหยางตะโกนพูดด้วยความน่ารัก “สาวต่างประเทศก็เจอมาไม่น้อยเหมือนกันครับ แต่ที่ดูดีแล้วมีความสามารถแบบนี้มันก็หาดูยากเหมือนกันนะ......”
“ก็จริงเหมือนกันนะ ที่นี่มันเต็มไปด้วยสาวน้อยที่มากด้วยความสามารถ ก็คงแตกต่างกันจริง ๆ แต่...... เจ้าตัวแสบ เธอจูนสมองหน่อยนะ วันนี้เรามาร่วมงานแสดงความยินดีของเฉิงเฉิง ไม่ได้มาเที่ยวหาสาวน้อยนะ รู้ไหม”
บางทีหยินปู้ฝันก็สงสัยเหมือนกัน ว่าระหว่างหยางหยางกับเฉิงเฉิงคือฝาแฝดรึเปล่านะ
เพราะนิสัยของสองพี่น้องนี้มันช่างเหมือนกันแบบไม่มีที่เปรียบจริง ๆ
“ไอหย๋า รู้แล้วน่า......”
ขณะที่กู้ฮอนกำลังจะเดินเช้าฮอลล์นั้น จังหวะหัวใจก็เต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอมองซ้ายมองขวา เผื่อจะเห็นเงาของเฉิงเฉิงผ่านมา ในตอนนั้นเธอไม่มีกะจิตกะใจมาสนทนากับหยินปู้ฝันและหยางหยางเลย
ทันใดนั้น เงาร่างเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ข้างประตูฮอลล์นั้นได้ดึงดูดสายตาของเธอไป และในเวลานั้นม่านตาของเธอก็เปิดกว้างอย่างเห็นได้ชัด
“เฉิงเฉิง......”
“เป่หมิงซิเฉิง” หยางหยางตะโกนเรียก
เมื่อเฉิงเฉิงได้ยินเสียงนั้นเขาก็รีบหัวตัวมา ทันใดที่เห็นกู้ฮอนจากทางไกลหัวใจของเขาก็เหมือนหยุดเต้น และรีบวิ่งเข้าไปหาเธอทันที......
เสียงฟุบ......
เขากอดที่ขาสองข้างของแม่ แล้วแหงนมองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา
กู้ฮอนจิตใจอ่อนระทวยลง อดไม่ได้น้ำตาไหลออกมา แล้วรีบก้มลงกอดอุ้มลูกขึ้นมา “เฉิงเฉิง......”
ที่ห่างหายไปสองเดือนนั้น สำหรับชีวิตเฉิงเฉิงแล้วไม่มีเรื่องไหนที่ทุกข์ทนได้มากกว่านี้แล้ว เขาอดไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายออกมา “ฮือ ๆ ...... คุณแม่ครับ ......”
“ลูกรักของแม่ แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกรู้สึกทุกข์ใจนะ…...”
ในวัยเด็กขนาดนี้ กับความทุกข์ใจที่เขาได้รับมันหนักหนาและซับซ้อนกว่าสิ่งที่หยางหยางเคยได้รับ
สำหรับคนอื่นแล้วอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเขา แต่สำหรับเธอแล้ว เข้าใจเฉิงเฉิงที่สุด เพียงแต่ว่าเธอก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน......
“คุณลุงปู้ฝัน ผมขอกล้องถ่ายรูปหน่อยครับ” หยางหยางพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เธอจะทำอะไรเหรอ” หยินปู้ฝันบ่นไปแล้วเอากล้องถ่ายรูปให้หยางหยางไป
……
ณ หน้าประตูฮอลล์ กู้ฮอนค่อย ๆ เช็ดน้ำตาบนแก้มของเฉิงเฉิง แล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง จากนั้นเธอยิ้มแล้วพูด “เฉิงเฉิงหยุดร้องไห้ได้แล้วนะ คืนนี้เป็นคืนที่มีความสุข เราก็ควรยิ้มถึงจะถูกนะ เวลาก็จะสายแล้ว เรารีบเข้าไปในฮอลล์กันเถอะ แม่กับหยางหยางและลุงปู้ฝัน เราทุกคนกำลังรอชมตอนเธอขึ้นเวทีรับรางวัลนะ มาเถอะหยางหยาง เราจะเข้าไปแล้ว...... หยางหยาง......”
เรียกไปหลายครั้ง แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบจากหยางหยาง
กู้ฮอนมองรอบ ๆ อย่างละเอียด แล้วมองไปจุดที่หยางหยางยืนอยู่เมื่อกี้นี้ นอกจากฝูงชนมากมายที่กำลังเดินเข้าประตูฮอลล์แล้ว เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของหยางหยาง
หยินปู้ฝันและเฉิงเฉิงก็มองไปรอบด้านอย่างละเอียด ก็ไม่เห็นหยางหยางเลย
กู้ฮอนรู้สึกกังวลขึ้นมา “ปู้ฝัน เมื่อกี้หยางหยางยังอยู่ที่นี่......แล้วลูกไปไหนแล้ว......”
ในเวลานี้ เสียงเปิดพิธีในฮอลล์นั้นก็ได้เริ่มขึ้น......
“ใจเย็นก่อน เธอรีบพาเฉิงเฉิงเข้าไปก่อน ลูกจะพลาดพิธีมอบรางวัลนี้ไม่ได้ เดี๋ยวผมจะไปเฉิงเฉิงเด็กซนคนนั้นเอง” หยินปู้ฝันก็ปล่อยเฉิงเฉิงลงมาให้กู้ฮอน
เฉิงเฉิงมองไปที่หยินปู้ฝันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล แล้วพูดด้วยอารมณ์ที่แน่วแน่เกินวัย “ไม่ได้ครับ หยางหยางสำคัญกว่าการรับรางวัลของผม คุณลุงปู้ฝันครับ รบกวนคุณลุงลองหาด้านนอก เดี๋ยวผมกับคุณแม่จะเข้าไปหาข้างในฮอลล์นะครับ หยางหยางคงไปไหนได้ไม่ไกลหรอกครับ ที่นี่มันมีอะไรที่น่าดึงดูดสนใจ เขาคงไม่จากที่นี่ไปเร็วขนาดนั้นหรอกครับ”
กู้ฮอนกัดริมฝีปากด้วยความกังวล มองไปที่ดวงตาอันแน่วแน่ของเฉิงเฉิง เดิมทีจะบอกว่าไม่ให้กระทบถึงการรับรางวัลของเฉิงเฉิง เธอเข้าไปหาหยางหยางในฮอลล์คนเดียวก็พอ
แต่ยังไม่ทันพูด เฉิงเฉิงเหมือนรู้ทันความตั้งใจของแม่ ส่ายหัวอย่างเด็ดเดี่ยว “ในท้องของคุณแม่ยังมีน้องชายหรือน้องสาวอยู่นะครับ เฉิงเฉิงคือพี่คนโต มีหน้าที่ต้องปกป้องน้องนะครับ”
“จริงอยู่นะ ฮอน ผมก็ไม่ไว้ใจให้คุณไปไหนมาไหนคนเดียวหรอก ให้เฉิงเฉิงไปด้วยก็ดีนะ......” หยินปู้ฝันพยักหน้าเล็กน้อย “พวกคุณรีบเข้าไปกันเถอะ......”
เมื่อพูดเสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายกันหา
กู้ฮอนจูงมือเฉิงเฉิงแล้วเข้าฮอลล์ไป เริ่มหาทีละชั้นไม่เว้นแม้แต่ห้องน้ำ......
ช่วงเวลาของพิธีที่เริ่มจะครึกครื้นขึ้นมาในฮอลล์นั้น
ทันใด ก็มีรถสปอร์ตลัมโบกินี่คันนึงขับเข้ามาด้วยความเร็วแล้วเบรคกะทันหันตรงหน้าประตูทางเข้าฮอลล์......
ประตูรถถูกเปิดอย่างรวดเร็ว จากนั้นขาสองข้างที่เรียวยาวสวมใส่รองเท้าหนังแฮนด์เมดชื่อดังจากอิตาลีก้าวออกมาจากรถ
เสื้อสูทรุ่นลิมิเต็ดห่อหุ้มชายร่างหนาไว้ ค่อย ๆ ก้าวลงจากรถมา ชายคนนั้นถอดแว่นกันแดดลงมา และแสงจันทร์สีน้ำของซิดนีย์สะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าที่งดงามหล่อเหลาของชายคนนั้น รวมถึงความมีสง่าราสีมาตั้งแต่เกิด
เพียงแต่ว่า รอยช้ำที่มุมปากของเขายังไม่หายดี
สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความหล่อเหลาของเขาแม้แต่เล็กน้อย แต่กลับเป็นการเพิ่มความเป็นนักสู้ของลูกผู้ชายให้เขามากขึ้น
ทันทีทันใด รถเก๋งสีดำอีกคันก็ขับเข้ามาจอดอยู่ด้านหลังของรถสปอร์ตลัมโบกินี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ