ตอนที่607 เกิดอะไรขึ้นฉันรับผิดชอบเอง
หยินปู้ฝันปิดเอกสารวิเคราะห์คดีของพวกเขาลง “พวกคุณไปหาประธานเป่หมิงก่อน ถามสถานการณ์ตอนนั้นของพวกเขา หลังจากนั้นก็มาพิจารณาวิเคราะห์ให้ละเอียดอีกครั้ง ”
*
เมื่อวานตอนกลางคืนเป่หมิงโม่ก็ยุ่งจนถึงตอนดึก ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องอื่นใด แต่เป็นเรื่องที่ฉิงฮัวส่งคนให้ไปตรวจสอบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดในลิฟต์ของโรงแรมแมนดาริน ตามข้อมูลที่เสนอแนะและภาพบันทึกเหตุการณ์ในวันนั้นที่พวกเขาหามา กลับไม่พบบุคคลต้องสงสัยอะไรเลย
อีกทั้ง คนแปลกหน้าสองคนที่มาส่งคุณท่านเป่หมิงนั้น ก็หาเบาะแสอะไรไม่พบเลย ป้ายทะเบียนรถที่พวกเขานั่งมานั้น ก็เป็นทะเบียนผิดกฎหมาย
ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างหยุดชะงักไป
เขานอนในห้องหนังสือไปหนึ่งคืน
วันนี้ตอนเช้าเขาก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เพราะว่าหยินปู้ฝันจะส่งทนายและกู้ฮอนมาบริษัท เพื่อที่จะมาพูดคุยและวิเคราะห์รูปคดีกับเขา
เป่หมิงโม่นั่งอยู่ในห้องทำงาน ฉิงฮัวยืนห้อยมือลงอยู่ข้างกายของเขา
ไม่นานหนัก ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเขาดังขึ้นมา
“ประธานเป่หมิง ทนายความหวัง และผู้ช่วยกู้ฮอนสำนักงานกฎหมายหยินซือมาถึงแล้ว จะเชิญให้พวกเขาเข้าไปเลยไหม? ”
“ได้ ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงประตูห้องทำงานที่ถูกเคาะก็ดังขึ้น
ฉิงฮัวเดินไปเปิดประตู “คุณผู้หญิง พวกคุณมาแล้วเหรอ ”
ทนายความหวังและกู้ฮอนยิ้มเล็กๆและพยักหน้าให้ฉิงฮัว
หลังจากนั้นเขาก็พาไปด้านหน้าของเป่หมิงโม่
นี้เป็นครั้งแรกที่เจอกัน หลังจากแยกออกจากที่คฤหาสน์
“พวกคุณเชิญนั่ง ” เป่หมิงโม่ยังคงทำท่าทางเย็นชาอยู่
พวกเขานั่งอยู่ลงเก้าอี้สองตัวด้านหน้าโต๊ะทำงานของเป่หมิงโม่ ทนายความหวังหยิบเอกสารที่ให้หยินปู้ฝันดูเมื่อเช้านี้ออกมา
“เชิญประธานเป่หมิงดู ”
เป่หมิงโม่ยื่นมือไปรับเอกสาร เปิดดูอย่างตั้งใจ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้าขึ้นมาถาม ทนายความหวัง “ตามที่ด้านบนเอกสารเขียนมา พวกคุณแน่ใจที่จะยื่นฟ้องคดีแทนผมแล้วชนะใช่ไหม? ”
***
หลังจากที่ทนายความหวังและกู้ฮอนมองตากัน เขาก็พูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “ประธานเป่หมิง เรื่องนี้ตอนนี้พวกเราก็ยากที่จะรับประกัน แต่ว่าพวกเราจะทำสุดความสามารถแน่นอน เพราะฉะนั้นเลยต้องการที่จะให้ท่านพูดสถานการณ์ตอนนั้นอย่างละเอียดให้อีกรอบหน่อย ”
ฉิงฮัวเดินเข้ามาพูดกับ ทนายความหวังว่า “ผมพูดกับพวกคุณแล้ว ตอนนั้นผมก็อยู่ในเหตุการณ์ ประธานเป่หมิงยังมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ พวกเรามาพูดกันตรงนี้เถอะ ”
ฉิงฮัวพูดแล้ว ก็พา ทนายความหวังและกู้ฮอนมาในห้องประชุมที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากที่เป่หมิงโม่มองดูพวกเขาจากไป ก็ขมวดคิ้วขึ้นมานิดหน่อย หลังจากนั้นก็ก้มหน้ามองดูเอกสารคดีต่อ
*
ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ฉิงฮัวก็พาทนายความหวังและกู้ฮอนเดินออกมาจากห้องประชุม
เขายกมือขึ้นดูนาฬิกา ได้เวลาเที่ยวแล้ว
“คุณฉิง ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่คุณพูด พวกเราจะกลับไปวิเคราะห์พิจารณาคดีอีกครั้ง ” ทนายความหวังพูดจบ ก็พยักหน้าด้วยความเคารพกับเป่หมิงโม่ “ประธานเป่หมิง พวกเราไปก่อนนะ ”
ตอนที่พวกเขาเตรียมกำลังจะออกไปนั้น ฉิงฮัวที่อยู่ด้านหลังพวกเขาก็พูดขึ้นมา “ทนายความหวัง คุณกู้ฮอน ตอนนี้ได้เวลากินข้าวแล้ว พวกเราไปกินข้าวด้วยกันสักหน่อยเถอะ ”
กู้ฮอนรู้ว่านี้เป็นความคิดของเป่หมิงโม่อย่างแน่นอน ในเมื่อเลิกกับเขาไปแล้ว ก็พยายามไม่เจอหน้ากับเขาเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เธอหันกลับไปมองฉิงฮัว พูดออกมาอย่างเกรงใจว่า “ขอโทษนะคะ ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน กฎของบริษัทคือห้ามกินข้าวกับลูกค้า แต่ว่าฉันก็ขอบคุณน้ำใจของคุณและประธานเป่หมิงเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อนนะ ” กู้ฮอนพูดจบ ไม่รอให้ฉิงฮัวพูดอะไรต่อ เธอก็รีบเดินออกจากห้องทำงานไป
ทนายความหวังรีบยิ้มแบบอึดอัดให้ฉิงฮัวและเป่หมิงโม่ที่อยู่ด้านหลังของเขาไป “นี้เป็นกฎของบริษัทจริงๆ เรื่องกินข้าวค่อยเอาไว้วันหลังนะครับ ”
พูดจบเขาก็หมุนตัวรีบเดินตามกู้ฮอนที่อยู่ด้านหน้าประตูลิฟต์ให้ทัน
จนกระทั่งเดินออกจากอาคารเป่หมิง นั่งรถกลับบริษัท
ทนายความหวังถึงถอดหายใจออกมา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ติดตัวออกมาเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก
เขาไม่รู้ว่ากู้ฮอนมีความสัมพันธ์อะไรกับเป่หมิงโม่ เขากลัวว่ากู้ฮอนปฏิเสธการเชิญไปแบบตรงๆแบบนั้น จะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาอีก
เขาบ่นกู้ฮอนออกมานิดหน่อย “คุณกู้ ถึงแม้ว่าคุณกับทนายหยินจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ก็อย่าคิดว่ามีเขาสนับสนุนแล้ว จะไม่สนใจอะไร เมื่อกี้ประธานเป่หมิงเชิญพวกเรากินข้าว นั้นก็หมายความว่าเขาให้เกียรติพวกเรา คุณกลับรีบปฏิเสธออกไปอย่างฉับไว คุณจะให้การทำงานของพวกเราในภายหลังเป็นแบบไหนกันล่ะ? ”
กู้ฮอนได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจของทนายความหวัง เธอมองทนายความหวัง “ฉันพูดความจริง บริษัทมีกฎแบบนี้จริงๆ ฉันก็แค่ทำตามกฎก็เท่านั้น มีอะไรที่ไม่ถูกล่ะ ”
“คุณกู้ ในคดีความนี้คุณก็เป็นแค่ผู้ช่วยของผมเท่านั้น มีเรื่องอะไรต้องรับฟังผมถึงจะถูก อย่างนี้พวกเราถึงจะร่วมมือกันทำงานต่อไปได้ ” ทนายความหวังหยิบเอาสถานะของเขามากดดันเธอแล้ว
กู้ฮอนเข้าใจความหมายที่เขาพูดออกมาอย่างแน่นอน ยิ้มอย่างเย็นชาให้เขาไป “ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นฉันรับผิดชอบเอง คุณกลัวอะไร ”
ทนายความหวังได้ยินคำพูดของเธอก็ยิ้มแห้งออกมา “คุณรับผิดชอบ คุณคิดว่าคุณเป็นใครอ่ะ ถึงตอนนั้นทนายหยินก็ปกป้องคุณไม่ได้นะ ”
ระหว่าง ทนายความหวังและกู้ฮอน ค่อยๆเริ่มมีกลิ่นดินปืนทะเลาะกันฟุ้งขึ้นมา
*
กู้ฮอนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทนายความหวัง มองเห็นท่าทางที่หนักใจของเขาแล้วถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ”
หยินปู้ฝันรีบส่ายหัวขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร เมื่อกี้ได้รับแจ้งประกาศจากศาล ตามวันเวลาที่พวกเขากำหนด คดีของคุณเป่หมิงถูกวางแผนไว้ให้เปิดศาลสี่วันที่จะถึงนี้ พวกคุณเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อยเถอะ ”
ทนายความหวังขมวดคิ้วเล็กๆ “ทำไมศาลถึงรีบร้อนเปิดศาลขนาดนี้ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ ”
“ประเด็นหลักที่สำคัญก็คือเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประธานของบริษัทตระกูลเป่หมิง ศาลคำนึงถึงว่าเขาเป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองA ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นเลยเปิดศาลก่อนกำหนด ” หยินปู้ฝันพูดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกพูดเสียงเบากว่าปกติ
ทนายความหวังพยักหน้า “โอเค พวกเราพยายามเตรียมพร้อมอย่างสุดกำลัง ”
หยินปู้ฝันมองทนายความหวังและกู้ฮอน “หวังว่าพวกคุณจะยอมวางความคิดที่แตกต่างไว้ก่อนชั่วคราว เต็มที่กับคดีครั้งนี้ หลายวันมานี้พวกคุณเหนื่อยหน่อยนะ ”
***
ตอนบ่าย ลุงคุนไปรับเฉิงเฉิงกับหยางหยางจากโรงเรียน มาส่งที่บ้านของกู้ฮอน
หยางหยางนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ ตลาดทางถามเรื่องรถกับ ลุงคุนไม่หยุด
ดีที่ ลุงคุนที่ความอดทนสูง ตอบคำถามหยางหยางอย่างไม่รู้จบ เฉิงเฉิงนั่งมองแท็บเล็ตตัวเองอยู่เบาะด้านหลัง แต่ก็ขมวดคิ้วกับคำถามที่หยางหยางถามอย่างไม่หยุด
กลับถึงบ้าน เมื่อเปิดประตูเฉิงเฉิงก็เริ่มต่อว่าหยางหยาง
“เป่หมิงซีหยาง ตอนอยู่บนรถคุณเหมือนแมลงวันตัวหนึ่ง คุณไม่รำคาญแต่ผมรำคาญ ”
แอนนิเอาจิ่วจิ่วลงมานั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ที่โซฟา นี้เป็นของขวัญเล็กๆที่กู้ฮอนซื้อให้จิ่วจิ่วเมื่อวานนี้
ตอนเช้าเมื่อจิ่วจิ่วตื่นลืมตาขึ้นมาก็มองเห็นแล้ว หยิบขึ้นมาอย่างดีใจ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าหรืออาหารกลางวันเธอก็ไม่ยอมวางลงเลย ชอบจนวางไม่ลงจริงๆ
“เหอะเหอะ สรุปหยางหยางอยู่บนรถคุณทำอะไรกันแน่? ” แอนนิมองหน้ามุ่ยของเฉิงเฉิงอย่างยิ้มๆ
หยางหยางเอากระเป๋าหนังสือวางไว้บนกำแพง พูดอย่างไม่สนใจอะไรว่า “อยู่บนรถผมไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่ถามลุงคุนเกี่ยวกับเรื่องรถก็เท่านั้น ”
“อ่อ หยางหยางถามเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไรนี้นะ มีงานอดิเรกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอันก็ไม่เลว ”
หยางหยางได้ยินอย่างนั้นก็ภูมิใจขึ้นมา เชิดหน้าขึ้น “คุณเห็นแล้วหรือยัง คุณน้าแอนนิก็ยังสนับสนุนงานอดิเรกของผม ”
ในเวลานั้น จิ่วจิ่วก็หยิบตุ๊กตาในมือขึ้นมาโบก พูดอย่างอ่อนหวานว่า “พี่หยางหยาง หุ่นก็สนับสนุนพี่นะ ”
หยางหยางหัวเราะคิกคักเดินมานั่งข้างๆจิ่วจิ่ว เอามือดึงเธอเข้ามากอด “น้องจิ่ว ถึงตอนนั้นพี่จะให้น้องกินตูดไก่นะ ”
จิ่วจิ่วได้ยินตูดกินไก่ ก็ผลักตัวเองออกจากอ้อมกอดของหยางหยาง ขมวดคิ้วน้อยๆแล้วมองไปที่หยางหยาง “พี่หยางหยาง ถ้าพี่ให้หุ่นกินตูดไก่ ฉันก็จะให้พี่กินขี้ ”
หยางหยางมองจิ่วจิ่วอย่างคาดไม่ถึง “ตูดไก่อร่อยจะตาย พี่อุตส่าห์เอาสิ่งที่พี่ชอบให้น้องกินเลยนะ ชั่งเถอะ น้องไม่กินงั้นพี่เอาปีกไก่ให้น้องกินก็ได้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เดิมพันรักยัยตัวแสบ