หลังจากที่นายกองหลินออกจากวังหลวง ชายหนุ่มก็กลับเข้ากองทัพ เลือกทหารที่ไว้ใจได้มาสั่งการตามที่จินเกาหยางบอก แม้ทหารทัพไป๋หู่จะขึ้นชื่อเรื่องฝีมือและความจงรักภักดี แต่กระนั้นก็ยังต้องระวังให้มาก แม้แต่ทหารในกองทัพก็ต้องคอยสอดส่องซึ่งและกัน เพราะคนร้ายอาจแฝงตัวมาได้ทุกเมื่อ
ฝ่ายจินเกาหยางนั้น ยามนี้มาพำนักอยู่ในวังหลวงเพื่อจัดการงานต่าง ๆ แทนพระเชษฐาที่กำลังประชวร พระสนมหลายคนของฮ่องเต้ทำให้เขารำคาญใจอยู่บ้าง เพราะตั้งแต่จินหยางหลงประกาศว่าจินเกาหยางคือผู้ที่จะเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป พระสนมเหล่านั้นก็ทำราวกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันสิ้นพระชนม์ไปแล้ว จึงผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเอาอกเอาใจเขามิได้หยุดหย่อน
จินเกาหยางระบายลมหายใจขณะเอนกายพิงเก้าอี้ ยามนี้มีศึกทั้งภายนอกและภายใน ศัตรูในกำแพงยังคงลอยนวล ชาวเมืองตกอยู่ในอันตราย เดิมทีเขามีแผนการที่จะอพยพชาวเมืองบางส่วนไปยังเมืองเว่ยหยางในขณะที่เมืองหลวงยังไม่ปลอดภัย แต่จะต้องใช้วิธีการใด จึงจะอพยพคนบริสุทธิ์ไปได้โดยไม่มีคนร้ายปะปนไปด้วย
หากเป็นฝูซิ่นฮวา นางจะทำเช่นไร?
จินเกาหยางพรมนิ้วลงบนโต๊ะเหมือนเวลาที่ฝูซิ่นฮวาใช้ความคิด มันต้องมีสักทางที่จะสามารถแยกระหว่างคนร้ายกับผู้บริสุทธิ์ได้ ต้องมีสักทางที่เขาจะสามารถลวงให้หมาป่าที่กำลังซุ่มอยู่กระโจนเข้ามาติดกับ
ฉับพลันนิ้วมือของจินเกาหยางก็หยุดชะงัก ชายหนุ่มใคร่ครวญความคิดของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มร้ายที่มองดูคล้ายกับรอยยิ้มของฝูซิ่นฮวาออกมา
ดูเหมือนว่าการมีชายาเจ้าเล่ห์ จะทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ตามไปด้วยเสียแล้ว
วันต่อมา จินเกาหยางก็ออกคำสั่งให้จับกุมชาวบ้านจำนวนมากที่ทหารทัพไป๋หู่อ้างว่าเป็นผู้ต้องสงสัยไปคุมขัง บรรดาผู้ที่ถูกจับกุมต่างร้องโอดครวญว่าตนถูกใส่ความ แต่จินเกาหยางก็ไม่สนใจ ยังคงให้ทหารทัพไป๋หู่เดินหน้าจับกุมประชาชนต่อไปเรื่อย ๆ เป็นเช่นนี้อยู่หลายวัน ชาวบ้านก็ยังถูกจับกุมไม่จบไม่สิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กเล็ก ๆ ยามนี้จึงมีเสียงก่นด่าเว่ยหยางอ๋องดังระงมไปทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านคนแล้วคนเล่าถูกจับเข้าคุกโดยไร้ซึ่งความผิด แต่ไม่ว่าจะจับกุมผู้คนไปมากมายเพียงใด ก็ยังมีคนถูกทำร้ายอยู่ดี
ขุนนางหลายคนเริ่มไม่พอใจในการกระทำของจินเกาหยาง แต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เมื่อยอดทหารจำนวนนับหมื่นของทัพไป๋หู่ยังคงอยู่ใต้การบังคับบัญชาของเว่ยหยางอ๋อง ในขณะที่ฝ่ายคนร้ายพอใจอย่างยิ่ง เมื่อสามารถสร้างความร้าวฉานระหว่าง ‘ว่าที่ฮ่องเต้’ กับประชาชนได้ ยามนี้ไม่ว่าจะก้าวขาไปที่ใด ก็ล้วนแต่ได้ยินเสียงสาปแช่งจินเกาหยางดังไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
“นายท่าน” หนึ่งในคนร้ายวิ่งเข้ามาหาจงหยวนที่กบดานอยู่ในวัดร้างแห่งหนึ่ง “ทหารทัพไป๋หู่จับคนไปอีกแล้วขอรับ”
“อย่างนั้นรึ” จงหยวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่บ่งบอกซึ่งอารมณ์ใด ๆ “นี่เป็นวันที่เท่าไหร่แล้ว ที่เว่ยหยางอ๋องมีคำสั่งให้จับกุมประชาชน”
“น่าจะราว ๆ สิบวันแล้วขอรับ”
“สิบวัน” จงหยวนทวนคำ พลางครุ่นคิด “แต่ละวันทหารจับชาวบ้านไปนับร้อยคน ผ่านไปสิบวันย่อมมีคนถูกจับนับพัน คุกหลวงมีที่ให้คุมขังชาวบ้านมากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
“จะว่าไปก็จริงของนายท่าน”
“นี่ต้องเป็นกลลวงของจินเกาหยางแน่”
“เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดีขอรับ”
“ทำตามแผนที่พวกมันต้องการ!”
วันต่อมาทหารทัพไป๋หู่ก็ยังไม่เลิกกวาดต้อนชาวบ้านไปยังคุกหลวง ชาวบ้านหลายคนเริ่มลุกขึ้นจับอาวุธขึ้นสู้ แต่ก็มิอาจสู้ทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีได้ เป็นเหตุให้เสียงสาปแช่งเว่ยหยางอ๋องยิ่งดังก้องไปทั้งเมือง
จงหยวนที่สวมหน้ากากปลอมตัวเป็นผู้อื่นและคนของเขาที่เป็นชายฉกรรจ์อีกสามสิบคนลอบปะปนไปกับชาวบ้านที่ถูกจับ จากการคาดการณ์ของจงหยวน เขาเดาว่าชาวบ้านที่ถูกจับกุมมาน่าจะถูกปล่อยตัวไป หรืออพยพไปเมืองอื่น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะตามไปทำร้ายและเข่นฆ่าคนพวกนั้นที่บังอาจตะโกนสาปแช่งบิดาของเขาในวันประหาร
ทั้งหมดถูกพามายังคุกหลวง ทว่าคุกที่ได้เห็นนั้นกลับว่างร้างกว่าที่ควรจะเป็น ไร้วี่แววของชาวบ้านนับพันที่ถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้ดังที่จงหยวนคาดการณ์เอาไว้
ในที่สุดทหารที่คุมตัวพวกเขามาก็ออกคำสั่งให้ทุกคนหยุด แล้วจับแต่ละคนแยกไปเข้าคุกต่าง ๆ พวกของจงหยวนพยายามหาทางกระจายกันออกไป ทว่ากลับถูกทหารต้อนมารวมกันไว้ในคุกเดียวกันจนได้
ยามนั้นเองที่จงหยวนคิดได้ว่าต้องกลของจินเกาหยางเข้าเสียแล้ว!
เหล่าพลทหารตั้งใจจะเข้าไปช่วยจินเกาหยาง แต่นายกองหลินกลับยกมือห้ามไว้ ยามนี้ผู้ที่กำลังจะขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปกำลังต่อสู้อยู่ต่อหน้าประชาชนนับร้อย จะให้เกิดเสียงติฉินนินทาว่าเว่ยหยางอ๋องไร้ความสามารถ มิอาจต่อสู้กับโจรได้อย่างไร
จินเกาหยางไม่เพียงใช้กำลังในการต่อสู้ สายตาของเขาเฝ้ามองหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามในทุก ๆ กระบวนท่า แล้วเขาก็พบว่าจุดอ่อนของจงหยวน คือการที่ชายหนุ่มรวมพลังปราณทั้งหมดไว้ที่แขนข้างที่จับดาบเพียงข้างเดียว จินเกาหยางจึงโจมตีแขนข้างนั้นอย่างหนักหน่วงรุนแรง ไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสตั้งตัว จากนั้นจึงตวัดปลายกระบี่กระชากดาบในมือของจงหยวนจนหลุดกระเด็น แล้วใช้ฝ่ามือทำลายพลังปราณที่แขนข้างนั้น
พลังปราณของจงหยวนแตกซ่าน ยากจะรวมเป็นหนึ่ง จินเกาหยางฟันขาทั้งสองข้างของจงหยวน ก่อนสกัดจุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวได้อีก
“จะฆ่าก็ฆ่า ไม่ต้องมาทำมีเมตตาตอนนี้!” จงหยวนตะคอก เมื่อเห็นว่าจินเกาหยางไม่ยอมฆ่าเขา แต่กลับให้ทหารมาจับเป็นแทน
“คนเช่นเจ้า ข้าไม่ให้ตายอยู่ในคุกง่าย ๆ เช่นนี้หรอก” จินเกาหยางพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน “เจ้าต้องถูกประหารต่อหน้าประชาชน แล้วนำหัวไปเสียบประจานให้คนได้รับรู้ถึงความต่ำช้า ดังเช่นบิดาของเจ้า!”
นัยน์ตาของจงหยวนเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น เขาถูกลากตัวไปประกาศความผิด ณ ลานประหาร โดยมีชาวบ้านที่ถูกจับกุมเข้าคุกพร้อมจงหยวน เป็นพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ชาวเมืองได้รับทราบความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของเว่ยหยางอ๋องเพื่อล่อคนร้ายให้มาติดกับ จากเสียงก่นด่าสาปแช่งจึงกลายเป็นถ้อยคำยกย่องสรรเสริญ จงหยวนต้องทนฟังคำสรรเสริญจินเกาหยางด้วยความคับแค้นใจ จนถึงกับกระอักโลหิตออกมาเต็มพื้น
เพชฌฆาตมองจงหยวนด้วยความเกลียดชัง ชาวบ้านพากันประณามหยามหมิ่นคุณชายใหญ่แห่งจวนเสนาบดีจงที่เคยเป็นที่เคารพ จนเสียงก่นด่าสาปแช่งดังระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั่ว
ดาบในมือของเพชฌฆาตหาได้คมกริบอย่างที่ทุกคนคิด จึงมิอาจตัดคอจงหยวนให้ขาดกระเด็นได้ในครั้งเดียว ชายหนุ่มถูกเพชฌฆาตลงทัณฑ์ถึงสามครั้ง ครั้งแรกโทษฐานที่คิดร้ายต่อราชวงศ์จิน ครั้งที่สองโทษฐานที่ทำร้ายประชาชนจนได้รับความเดือดร้อน และครั้งที่สามเป็นการลงทัณฑ์โทษฐานที่เป็นกบฏต่อแผ่นดิน
เมื่อคมดาบที่สามฟันลงมาที่ต้นคอ ศีรษะของจงหยวนจึงขาดกระเด็นออกจากร่าง จากนั้นจึงถูกนำไปเสียบประจานอยู่เคียงข้างศีรษะของบิดา
สกุลจงล่มสลายอย่างแท้จริงแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ