ในขณะเดียวกันนี้ ข่าวที่สมาคมบู๊โบราณจะมาที่เจียงไห่นั้นแพร่ไปทั่วทั้งถนนตรอกซอย สั่นสะเทือนไปทั้งเมืองเจียงไห่ในทันที
สื่อมวลชนต่างก็แย่งกันรายงานข่าว และก็กลายเป็นหัวข้อประเด็นพูดคุยกันด้วยความยินดีทั่วทั้งถนนตรอกซอยอย่างรวดเร็ว
ประชาชนทั่วๆไปเคยได้ยินเพียงแค่องค์กรลึกลับนี้เท่านั้น แม้กระทั่งไม่เคยแม้แต่จะได้ยิน แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่พวกเขาจะเผยแพร่องค์กรลึกลับนี้กันไปอย่างน่าอัศจรรย์
“ได้ยินแล้วหรือยัง? ปรมาจารย์โจ๋วสามารถทำให้ยอดเขาเล็กๆราบเรียบลงได้ด้วย”
“นั่นนับอะไรกัน ปรมาจารย์ของสมาคมบู๊โบราณคนเดียวก็สามารถปะทะกับกองทหารได้! แต่ตอนนี้อยู่ในการดูแลของประเทศ ไม่สามารถออกมือมาได้ง่ายๆ”
“……..”
โดยรวมเป็นเช่นนี้
ตระกูลซือคงเองก็กลายเป็นจุดสนใจของทั้งเจียงไห่ด้วยเช่นกัน
“สองวันนี้ยังมีคนบอกว่าความรู้สึกของตระกูลซือคงแทบจะไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ? ตีหน้าตัวเองไปเลยสิ สมาคมบู๊โบราณมาร่วมงานศพของนายท่านซือคง มีสมาคมบู๊โบราณเป็นคนสนับสนุน ใครยังจะกล้าแตะต้องตระกูลซือคงอีกกัน?”
“ที่พูดมาก็ใช่ ตระกูลซือคงเป็นวงศ์ตระกูลผู้ดีที่มีความสามารถมากมายมหาศาลมาเป็นร้อยปี จะพูดว่าพังลงก็จะพังลงได้อย่างไรกัน สี่ตระกูลใหญ่แห่งเจียงไห่ของพวกเรามีตระกูลไหนบ้างที่ฝีมือธรรมดาไม่แน่ว่าเกี่ยวข้องกับเมืองหลวงเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่เรื่องเล็กๆก็ส่งผลไปทั้งหมด”
“พวกคนที่แทบจะไม่มีข้าวกินเป็นห่วงตัวเองกันเถอะ”
ใต้สะพานลอย คนงานก่อสร้างสองสามคนที่อยู่ตรงข้างทางนั้นกำลังพูดคุยเรื่องไร้สาระกัน
ตามแผนแล้ว หลังจากที่มังกรสามจากไปในวันที่สาม เซียวชุ่นจัดงานไว้อาลัยงานเล็กๆที่หอประกอบพิธีฌาปนกิจ ระดับผู้บริหารไม่กี่คนของบริษัท และยังมีพนักงานที่พวกเขาคุ้นเคย รวมทั้งเพื่อนสนิทของพวกเขาไปร่วมงานศพด้วย
จากนั้นขี้เถ้ากระดูกของหลิวหมางและหยูต้าหย่งก็ถูกครอบครัวนำกลับไป
ส่วนมังกรสามนั้นนางมังกรสามก็พากลับไปเลือกวันที่จะลงฝัง
คนของตระกูลซือคงไม่มีใครมาเลยซักคนเดียว
ก็ดีเหมือนกัน เดิมทีแล้วพวกเขาก็ไม่ควรจะมีโอกาสอีกอยู่แล้ว
ในออฟฟิศของเซียวชุ่น เขาใช้มือปั่นตะไบโลหะผสม รวบรวมสติปัญญาทั้งหมดสลักลายทิพย์บนกระสุน สลักเสร็จนั้นจะต้องใช้เวลา4-5นาที
เวลาครึ่งวัน กระสุน50-60นัดถูกเขาสลักลวดลายที่ละเอียดประณีตลงไปแล้ว
กระสุนเหล่านี้หงส์แดงเป็นคนซื้อมาจากตลาดชั้นใต้ดิน เพียงพอกว่าร้อยรอบ
ตอนใกล้เที่ยง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นซ่งหลิงเออร์ที่โทรเข้ามา
“อาจารย์ ฉันเพิ่งจะได้รับข่าวมา อาจารย์ของซือคงเฉินโจ๋วจือหยวนมาเจียงไห่เพื่อมาร่วมงานศพตระกูลซือคง คุณว่าเขาจะมาหาเรื่องพวกเราหรือเปล่า?” เธอเอ่ยพูดขึ้นด้วยความกังวล
“ไม่หรอก เขาเป็นปรมาจารย์ จะรู้จักพวกเราได้ยังไง” เซียวชุ่นเอ่ยพูดโพล่งออกมา
ในใจว่า : “ใครก็มาปกป้องคุ้มครองตระกูลซือคงไว้ไม่ได้หรอก!”
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ดีไป”
ซ่งหลิงเออร์เด็กนี่หลอกลวงง่ายอย่างที่คิดไว้จริงๆ เซียวชุ่นยิ้มจางๆ
จากนั้นเธอก็อ้ำๆอึ้งๆ : “เอ่อคือ....คือพ่อฉันกลับมาแล้ว ครั้งที่แล้วที่คุณเคยเจอ อยากจะเชิญคุณมาทานอาหารเย็นด้วยกันที่ตระกูลซ่ง คุณปู่ของฉันก็ไม่ได้เจอคุณมาซักระยะนึงแล้ว อยากจะพูดคุยเรื่องที่ผ่านมากับคุณ คุณมีเวลาไหม?”
เซียวชุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง : “ได้สิ เดี๋ยวผมไปตอนเย็นๆแล้วกัน”
“โอเค ตอนเย็นฉันไปรับคุณนะ” ซ่งหลิงเออร์เอ่ยขึ้นอย่างดีใจ
“ไม่ต้องหรอก ผมเรียกรถไปดีกว่า”
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
หลังจากช่วงสายๆที่ซ่งชิงโจพาซ่งหลิงเออร์กลับมาที่ตระกูลซ่งแล้ว เจอกับซ่งเจิ้นไห่ จากนั้นทั้งสองคนก็หลบกันอยู่ในห้องหนังสือ คุยกันเป็นครึ่งวัน ส่วนที่ว่าคุยเรื่องอะไรนั้น ตรงนี้ไม่ได้พูดถึงเป็นการชั่วคราว
.......
ตอนช่วงบ่ายที่ใกล้จะเลิกงานแล้ว เซียวชุ่นเดินเข้าไปในออฟฟิศของเหยาเสิน เดินเล่นไปมาอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวก็ไปเขี่ยดอกไม้ใบหญ้าตรงหน้าต่างเล่น เดี๋ยวก็นั่งอยู่ตรงพื้นที่รับแขกเปิดพลิกนิตยสารตรงโต๊ะชา
“คุณมีอะไรก็พูดมาสิ อย่ามาทำเป็นแกล้งทำอยู่ตรงนั้นเลย หนังสือก็ถือกลับหัวแล้วหรือเปล่า?” เหยาเสินกรอกตามองบนใส่เขา
เซียวชุ่นเอ่ยขึ้น : “ท่านซ่งเกรงใจกันเกินไปแล้ว”
ยกแก้วขึ้นมาดื่มจนหมด
“พี่เซียว ฉันเองก็ขอดื่มด้วยเหมือนกัน ขอบคุณมากสำหรับการดูแลหลิงเออร์ของพวกเราในช่วงนี้ ฉันดื่มหมดเลยนะ” ซ่งชิงโจเองก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาเช่นกัน
เซียวชุ่นทำได้เพียงยกแก้วขึ้นมา แล้วพยายามยิ้มออกมา : “ยินดีครับ”
ทางวันนี้นี่มันอะไรกัน ยังพูดไม่ถึงสองประโยค ก็ดื่มเป็นแก้วๆแล้ว
หลังจากที่วางแก้วไวน์ลง ซ่งชิงโจก็เอ่ยขึ้นมา : “พี่เซียว วันนี้ให้คุณมา เรื่องสำคัญก็คือจะปรึกษาเรื่องแต่งงานของคุณกับหลิงเออร์ของพวกเรา......”
เขายังพูดไม่จบ เซียวชุ่นก็สำลักจนไอออกมาแล้ว
ซ่งหลิงเออร์หน้าแดงขึ้นมาด้วยเช่นกัน แล้วแกล้งเอ่ยขึ้นมา : “พ่อ พูดอะไรน่ะ?”
ซ่งชิงโจถลึงตามองเธอ ส่งสัญญาณบอกให้เธอไม่ต้องพูด
“ผู้เพื่อนเซียว เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ซ่งเจิ้นไห่เอ่ยขึ้นอย่างกังวล
เซียวชุ่นโบกมือ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ : “ท่านซ่ง พี่ซ่ง ทั้งสองอาจจะเข้าใจผิดแล้ว ผมกับหลิงเออร์เราเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์กันธรรมดาเท่านั้น ไม่ใช่ที่พวกคุณคิดแบบนั้นเลย”
ดูคำเรียกนี้ ก็ดูมั่วๆอยู่ด้วยเช่นกัน
ซ่งเจิ้นไห่กับซ่งชิงโจมองสบตากัน
พูดขึ้นมาทีหลัง : “พวกคุณอยู่ด้วยกันแล้วยังจะบอกว่าเข้าใจผิดอีกหรือ? นี่คุณจะไม่รับผิดชอบใช่ไหม? พวกเราตระกูลซ่งจะคบคนที่มีฐานะสูงกว่าไม่ได้หรือ?”
เซียวชุ่นมองซ่งหลิงเออร์อย่างตกตะลึง
เธอรีบโบกมือ ร้อนรนเสียจนจะร้องไห้อยู่แล้ว เธอมองไปยังซ่งชิงโจพลางเอ่ยขึ้น : “พ่อ หนูบอกเมื่อไหร่ว่าหนูกับอาจารย์อยู่ด้วยกันแล้ว ทำไมพ่อพูดจาเหลวไหลแบบนี้?”
“ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วเขาจะมีกุญแจของแกได้ยังไง?” ซ่งชิงโจเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...